มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2841

“สถานที่ฝังกู?”

สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนดูหวาดหวั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็โกรธมากจนหลุดหัวเราะออกมา “มึงนี่มันใกล้จะตายแล้วแต่ยังปากแข็งอีกนะ กูมีผู้เพื่อนยุทธ์สองคนคอยช่วยเหลือ ส่วนมึงกลับทำได้เพียงนั่งงอมืองอตีนรอความตายมาเยือน ซึ่งไม่มีทางขัดขืนได้ด้วยซ้ำ!”

“เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเกรงใจเกินไปแล้ว การที่สามารถรับใช้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น มันเป็นเกียรติยศของข้า!”

ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนใช้มือลูบหนวดเคราที่ขาวงอกพลางยิ้มพลางพูด แม้นเมื่ออยู่ในพสุดารานอกนภาศักยภาพของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ตาม ทว่ากลับไม่กล้าวางมาดต่อหน้าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคนนี้เลยแม้แต่น้อย

ท้ายที่สุดแล้วพสุดารานอกนภาก็เป็นเพียงมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งของจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ห้วงดาราที่กว้างใหญ่อย่างแท้จริงก็ยังเป็นจักรวาลที่อยู่ภายใต้กฎทวยเทพธรรมอยู่ดี ทันทีที่ออกจากที่นี่ เขาก็ยังคงเป็นมกุฎเทพระดับเก้าอยู่เช่นเคย ส่วนเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกลับเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้แล้วเก้าวง

อีกทั้งแม้นจะอยู่บนพสุดารานอกนภา หากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนใช้เวลาตกตะกอนอีกเล็กน้อย เขาก็สามารถฟื้นฟูผลการฝึกตนและศักยภาพทั้งหมดให้กลับคืนมาโดยปริยายได้เช่นกัน

ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงนั่นมีนามว่าซือถูโฉว อดีตเคยเป็นผู้บำเพ็ญตนอิสระแห่งโลกสวรรค์ ครั้นยังเป็นหนุ่มเคยมีโชคโอกาสได้รับการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพระดับเก้าคนหนึ่ง มีอายุคงอยู่มานานนับร้อยล้านปี ถึงจะสามารถฝึกตนจนมีผลการฝึกตนมกุฎเทพระดับเก้าช่วงกลาง

แต่จากสติปัญญาและพรสวรรค์ของเขา การที่สามารถเดินขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้นั้นก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว เขาถูกพันธนาการอยู่ในแดนนี้มานานเป็นร้อยล้านปี หากไม่สามารถมีการพัฒนาอีก เช่นนั้นอย่างมากเขาก็มีอายุขัยเหลืออีกแค่หนึ่งร้อยล้านปีแล้ว

อายุขัยหนึ่งร้อยล้านปีดูเหมือนจะยาวนาน ทว่าเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะเวลานี้มันมีมากเกินไป เมื่ออยู่ภายใต้กฎระเบียบของกฎจักรวาลทวยเทพธรรม การฝึกยุทธ์ก็เหมือนการพายเรือทวนน้ำ ไม่มีการพัฒนาแต่กลับถดถอยแทน หากเจ้าไม่สามารถยกระดับผลการฝึกตน เช่นนั้นก็มีน้อยคนมากที่สามารถมีชีวิตคงอยู่จนถึงแก่กรรมอย่างแท้จริง เพราะอัตราการดับสลายสูญสิ้นจากการเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งและสงครามต่าง ๆ จะสูงกว่า

เพราะในเมื่อเจ้าคงอยู่ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์นี้แล้ว ก็จะหนีไม่พ้นเรื่องบุญคุณความแค้น มาตรแม้นว่าเจ้าวางแผนที่จะซ่อนเร้นอยู่ภูเขาป่าไม้แล้วไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในโลกาภายนอก เช่นนั้นหากเจ้าไม่ไปรุกรานผู้อื่น ท้ายที่สุดแล้วผู้อื่นก็จะมารุกรานเจ้าเพราะเหตุผลต่าง ๆ นานาอยู่ดี

อย่าว่าแต่มกุฎเทพระดับเก้าเล็ก ๆ คนหนึ่งเลย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่แทบจะเป็นอมตะ ตั้งแต่โบราณกาลมาจะมีสักกี่คนเล่าที่สามารถคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้?

เพื่อที่จะบรรลุเป็นเซียน ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าจำนวนมากล้วนดับสลายสูญสิ้นอยู่บนเส้นทางแห่งการบรรลุเป็นเซียน

นอกเหนือจากซือถูโฉวแล้ว มกุฎเทพระดับเก้าขั้นปฐมภูมิอีกคนหนึ่งที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนผูกมัดด้วยเล่ห์เพทุบายคือจอมยุทธ์ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง คนดังกล่าวไม่มีขนคิ้ว บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่เหมือนดั่งตะขาบคลานเคลื่อนที่ ให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นผู้ที่ดุร้ายโหดเหี้ยม

คนดังกล่าวมีนามว่าหวางคุนหวู ซึ่งวิถีที่ฝึกคือวิถีแห่งการสังหาร เนื่องจากจำนวนคนที่สังหารมากเกินไป จึงมีคู่อริที่นับไม่ถ้วน เพื่อเป็นการหลบหนีการไล่ล่าจากคู่อริเมื่อสองล้านกว่าปีก่อน จึงเข้ามาหลบซ่อนในพสุดารานอกนภา

ครั้งนี้เมื่อมีคำมั่นสัญญาจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน ขอแค่เขาช่วยเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนสังหารหลัวซิว เช่นนั้นเมื่อเขาออกไปจากพสุดารานอกนภา ก็จะได้รับการปกป้องรักษาจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน และจะไม่มีคู่อริกล้ามาหาเรื่องเขาอีก

พลังออร่าของผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพแย้มบานออกมา กงล้อเทพ 12 วงราวกับพระอาทิตย์ 12 ดวงที่แขวนอยู่บนนภาสูง ผนึกรวมกันเป็นพลังอำนาจที่มากมายมหาศาล ผนึกฟ้าผนึกดิน

ภายใต้การกดอัดจากพลานุภาพกงล้อเทพมกุฎเทพระดับเก้า 12 วง ร่างกายของหลัวซิวสูงตระหง่านไม่สั่นคลอน พลางพูดอย่างเรียบนิ่ง: “เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน หากมึงตามหาลูกมือสองตัวนี้มาตั้งแต่ครั้นยังไม่เข้ามาในพสุดารานอกนภา เช่นนั้นกูไม่มีทางหนีพ้นไปจากเงื้อมมือมึงได้แน่นอน ทว่าปัจจุบันมึงกลับคำนวณผิดพลาดแล้ว!”

สายตาของหลัวซิวเพ่งมองไปทางเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่กำลังยืนอยู่บนหัวเรือรบ แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เพราะกูบรรลุเป็นเทพมารระดับเก้าแล้ว! และยิ่งผนึกรวมกงล้อเทพของกูออกมาได้แล้วด้วย!”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ปลดปล่อยพลังออร่าออกมาจากร่างกายเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคลื่นพลังออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิแล้วจริง ๆ ไม่ใช่เทพมารระดับแปดขั้นสูงอีกต่อไป

และกงล้อเทพก็ปรากฏหลังศีรษะเขาเช่นกัน ลักษณะเลือนลาง จะล้มมิล้มแหล่ ราวกับแค่มีลมพัดมาเบา ๆ ก็สามารถพัดให้มันสลายหายไปได้แล้วยังไงอย่างนั้น

“นี่ก็เรียกว่ากงล้อเทพได้หรือ……”

ซือถูโฉวและหวางคุนหวูรู้สึกงงงัน ก่อนจะจ้องมองหลัวซิวด้วยสายตาที่เหมือนมองคนตาย

“เคยเห็นคนจองหองพองขน แต่กลับไม่เคยเห็นผู้น้อยที่จองหองอย่างมึงมาก่อน กงล้อเทพที่ขยะเช่นนี้ ก็บังอาจมาโอหังต่อหน้าข้าอย่างนั้นรึ?”ซือถูโฉวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูดดูหมิ่น

หวางคุนหวูก็ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่งเช่นกัน ภายในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ราวกับคู่ต่อสู้ที่สวะเช่นนี้ ทำให้เขาไม่มีแม้แต่อารมณ์ที่จะลงมือสังหาร

มีเพียงเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่ไม่คิดเช่นนี้ เพราะเขาเคยประมือกับหลัวซิวมาก่อน เข้าใจดีมากว่ากงล้อเทพที่เขาผนึกรวมออกมาดูเหมือนจะไม่โดดเด่นอะไร แท้จริงแล้วกลับมีความลึกลับและมหัศจรรย์ที่ล้ำลึกอย่างยิ่งแฝงซ่อนอยู่ โดยเฉพาะพลังอมตะที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาเมื่อครานั้นยิ่งล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นมากเช่นกัน

ครั้นเมื่อหลัวซิวยังอยู่ในแดนมกุฎเทพแปดขั้นสูง กำลังรบก็สามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงแล้ว ปัจจุบันผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงเทพมารระดับเก้า การที่บรรลุหนึ่งแดนใหญ่ สิ่งที่ตามมาก็ต้องเป็นผลการฝึกตนกำลังรบที่พุ่งพรวดแน่นอน!

แต่ว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ยังไม่ได้กังวลใจมากเท่าไหร่นัก ต่อให้เขาบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าแล้วอย่างไร?

ช่วงระยะความต่างระหว่างเทพมารระดับเก้าและมกุฎเทพระดับเก้า ต้องแตกต่างจากช่วงระยะความต่างระหว่างเทพมารระดับแปดขั้นสูงและเทพมารระดับเก้าขั้นสูงอย่างมากแน่นอน!

มิหนำซ้ำที่นี่ยังมีซือถูโฉวที่เป็นมกุฎเทพระดับเก้าช่วงกลางอีก หลัวซิวไม่มีโอกาสที่จะพลิกแพลงสถานการณ์ได้แน่นอน

“ผู้เพื่อนยุทธ์ทั้งสองท่าน เวลาไม่เคยคอยท่า โปรดรีบเร่งลงมือสังหารคนดังกล่าวเสียเถิด ข้าจะทำตามคำมั่นสัญญาที่ข้าให้ไว้กับพวกท่านทั้งสองแน่นอน”เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนพูดกระแทกเสียงต่ำ

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา!”ซือถูโฉวยิ้มพลางพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะลงมืออยู่นั้น แต่กลับเห็นหวางคุนหวูหกระเหินเดินฟ้าก้าวเดินออกมา

“ขยะเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้เพื่อนยุทธ์ซือถูลงมือหรอก เพียงดาบเดียวข้าก็สามารถสังหารให้มันตายได้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หวางคุนหวูก็ได้ลงมือแล้ว ดาบโลหิตเล่มหนึ่งที่ราวกับหลอมสร้างมาจากเลือดสีแดงสดถูกเขาเรียกออกมา พลังอำนาจของการโจมตีในครั้งนี้ดุดันและรวดเร็วอย่างยิ่ง พุ่งสังหารเข้าไปทางหลัวซิวราวกับก๊าซพิษสีแดงเลือด

การโจมตีในครั้งนี้ หวางคุนหวูไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาวางแผนที่จะจบการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างรวดเร็วฉับไว จบชีวิตคู่ต่อสู้ภายในพลังโจมตีเดียว

แสงดาบสีแดงเลือดพุ่งสังหารเข้ามา ทว่าสีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวกลับดูเรียบนิ่งปกติ เห็นเพียงในระหว่างที่เขาพลิกมือทีเดียว ก็มีแสงดาบดวงหนึ่งฟาดฟันออกมาเช่นกัน แสงดาบสีทองแวววาวจับตา ซึ่งมีความล้ำลึกของพลังแห่งวิถีสวรรค์สองประเภทอย่างพลังเต๋าเวหาและพลังเต๋าฉีกชั้นฟ้าแฝงซ่อนอยู่

“โครม!”

แสงดาบสีแดงเลือดถูกทลายคาที่ ยิ่งกว่านั้นคือพลานุภาพของแสงดาบสีทองที่พุ่งตรงเข้าไปไม่ลดน้อยลงเลย พุ่งสังหารเข้าไปทางหวางคุนหวู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ