เดินออกมาจากหุบเขากระบี่ สภาพจิตใจของหลัวซิวขึ้น ๆ ลง ๆ ยากที่จะสงบ
จากคำพูดของมกุฎเต๋าหวูจี๋ เขาทราบมาว่าอะไรคือมหันตภัยที่แท้จริง ความน่ากลัวของมหันตภัยถึงขั้นสามารถลบล้างประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งในอดีต ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำว่าทันทีที่มหันตภัยปะทุ มันจะน่าเวทนาและเหี้ยมโหดมากเพียงใด
การเลือกกระบี่ในหุบเขากระบี่เป็นกฎเกณฑ์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ แต่ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้เลือกกระบี่ในหุบเขากระบี่แต่อย่างใด เนื่องจากจุดประสงค์ที่เขาเข้าไปในหุบเขากระบี่นั้น ไม่ได้เข้าไปเพื่อเลือกกระบี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นการเข้าเฝ้ามกุฎเต๋าหวูจี๋
“จากที่ข้าทราบมา ในมือศิษย์น้องน่าจะมีกระบี่เทพหนึ่งเล่ม ข้าจะมอบดั้งเดิมวิถีเซียนให้เจ้าหนึ่งดวง ซึ่งจะสามารถยกระดับกระบี่เทพของเจ้าให้สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ”
ขณะที่เดินออกมาจากหุบเขากระบี่ หลัวซิวได้รับผลประโยชน์มาจากศิษย์พี่ตู๋กู ตู๋กูเป็นผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งช่วงปลายบนวิถีกระบี่ ภายในดั้งเดิมวิถีเซียนดวงหนึ่งของเขามีห้วงแท้วิถีกระบี่ที่ล้ำลึกถึงขีดสุดแฝงซ่อนอยู่ การที่จะทำให้กระบี่ร่องฟ้าของเขายกระดับขึ้นหนึ่งขั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ กระบี่ร่องฟ้าที่เป็นภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้าในตอนแรกก็จะกลายเป็นอาวุธจักรพรรดิหนึ่งเล่ม เนื่องจากภายในมีดั้งเดิมวิถีเซียนของผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งแฝงซ่อนอยู่หนึ่งดวง มากไปกว่านั้นคือมันทรงพลังกว่าอาวุธจักรพรรดิระดับเก้าส่วนมากอีกด้วย
กระบี่ร่องฟ้าเป็นอาวุธที่เมิ่งเสี้ยทิ้งไว้ มีบุพเพสันนิวาสส่วนหนึ่งในอดีตชาติของหลัวซิวฝากฝังอยู่บนกระบี่ เขาหวังว่าสักวันเมื่อตัวเองบรรลุถึงแดนที่สามารถฝ่าฝืนหมุนทวนวัฏสงสาร เขาจะทำการคืนกระบี่เล่มนี้ให้เมิ่งเสี้ยด้วยมือตนเอง
“เจ้าสำนักน้อย เลือกเสร็จแล้วหรือ?”
นอกหุบเขากระบี่ คงหวูชีและฮู๋ชิงชิงรอคอยเขาอยู่ที่นี่มาโดยตลอดเลย
เขาดูเหมือนจะเข้าไปในหุบเขากระบี่นานมาก ๆ ทว่าแท้จริงแล้วขณะที่มุ่งหน้าไปยังโลกาอนัตตาหวูจี๋ การเคลื่อนที่ของห้วงเวลาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นตั้งแต่เขาเข้าไปในหุบเขากระบี่กระทั่งออกมา ก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
“กระบี่เล่มนี้แหละขอรับ”
หลัวซิวพลิกมือครั้งหนึ่ง กระบี่ร่องฟ้าที่ใหม่เอี่ยมก็ปรากฏในมือเขา ห้วงแท้วิถีเซียนที่ล้ำลึกและรวดเร็วเฉียบคมก็ค่อย ๆ แพร่กระจายออกมา ราวกับบรรลุเป็นธรรมดั้งเดิม
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแห่งอาณากระบี่ คงหวูชีอ่อนไหวต่อออร่าวิถีกระบี่อย่างยิ่ง เพียงแวบเดียวเขาก็มองความไม่ธรรมดาของกระบี่เล่มนี้ออกแล้ว
“การที่เจ้าสำนักน้อยสามารถได้รับความสำคัญจากเจ้าแดนได้นั้น สมกับเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานจริง ๆ ถึงกับได้รับกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่งมาจากหุบเขากระบี่!”
คงหวูชีพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา เขาที่อยู่ในแดนมกุฎเทพระดับเก้ายังไม่มีสมบัติอย่างอาวุธจักรพรรดิเลย ครั้นเมื่อผลการฝึกตนของเขาบรรลุสู่ราชาเทพระดับเก้า ก็เคยเข้าไปในหุบเขากระบี่เช่นกัน กระบี่เทพที่ได้รับมาก็คือกระบี่มกุฎเทพชีวีที่ใช้ในปัจจุบันนี่แหละ
“ในเมื่อเลือกกระบี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเจ้าสำนักน้อยก็ตามข้ามาเลยขอรับ”
เดินตามอยู่ด้านหลังคงหวูชี ก่อนที่หลัวซิวจะมาถึงลานฝึกยุทธ์แห่งหนึ่งของอาณากระบี่
พื้นที่ของลานฝึกยุทธ์นี่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง ตรงกลางมีเวทีหินที่สูงตระหง่านหนึ่งเวที มีนามว่าสังเวียนประจัญกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่เรียนรู้ประลองพลังอมตะวิถีกระบี่ของศิษย์ในอาณากระบี่
และวินาทีนี้ศิษย์ทั้งหลายในอาณากระบี่แทบจะมารวมตัวกันอยู่รอบสังเวียนประจัญกระบี่แล้ว เนื่องจากทุกคนล้วนได้รับข่าวคราวว่ามีบุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าสำนักน้อยแล้ว!
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ต่างช่วงชิงตำแหน่งเจ้าสำนักน้อยกันมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าสุดท้ายตำแหน่งเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่นี่ จักไม่ได้ตกเป็นของพวกเขา แต่เป็นคนนอกคนหนึ่ง!
ในหมู่วัยรุ่นยุคใหม่แห่งอาณากระบี่หวูจี๋ ไม่ขาดแคลนยอดฝีมือที่ฝึกตนถึงเทพมารระดับเก้าแล้ว ผู้ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดมีทั้งหมด 12 คน ซึ่งถูกเรียกขานว่าสิบสองนักกระบี่หวูจี๋ และมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกร้าง
ในบรรดาทั้ง 12 คนนี้ มีอยู่สิบคนที่ฝึกตนจนบรรลุถึงแดนราชาเทพระดับเก้า ในจำนวนทั้งหมดมีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นเทพมารระดับเก้า แต่ทว่าศักยภาพของทั้งสองคนนั้นกลับสามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้า มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถขึ้นมาครองบัลลังก์สิบสองนักกระบี่หวูจี๋ได้หรอก
เมื่อคงหวูชีพาหลัวซิวมาถึงที่นี่ สายตาที่นับไม่ถ้วนก็ล้วนผนึกรวมกันมาทางเขาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
แววตาอารมณ์เหล่านี้แปลกประหลาดแตกต่างกันออกไป มีคนบางส่วนที่จำหลัวซิวได้ อย่างไรเสียครั้นเมื่อเขาอยู่ในโลกร้าง ก็สร้างความฮือฮาให้คนทั้งโลกไม่น้อยเลย
“หลัวซิว!”
ศิษย์วัยรุ่นคนหนึ่งของอาณากระบี่หวูจี๋หกระเหินเดินฟ้า ห้วงกระบี่ที่ตลบฟุ้งอยู่รอบกายฉีกกระชากอนัตตา
หลัวซิวคุ้นเคยต่อคนดังกล่าวอยู่ ซึ่งเขาก็คือตู๋กูเทียนหยานั่นเอง คนดังกล่าวเคยพยายามลอบสังหารตัวเองเพื่อแก่งแย่งสมบัติเทพสงคราม แต่กลับพ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือตน
เวลาล่วงเลยไปหลายปี ตู๋กูเทียนหยาในปัจจุบันฝึกตนถึงแดนราชาเทพระดับเก้าแล้ว ระดับความเร็วในการฝึกตนเช่นนี้พอจะพูดได้เลยว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง
ตู๋กูเทียนหยาเมื่อครั้นนั้นเป็นเทพมารระดับแปด ส่วนหลัวซิวเป็นเทพมารระดับหก ทั้งสองต่างกันสองแดนใหญ่
ส่วนปัจจุบัน หลัวซิวบรรลุถึงเทพมารระดับเก้า ตู๋กูเทียนหยาคือราชาเทพระดับเก้า แตกต่างกันหนึ่งแดนใหญ่ ช่วงระยะความต่างของแดนกำลังตามหลังมาติด ๆ!
“ร่างไท่ซ่างผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด!”
สำหรับความเป็นมาของผู้ที่มีนามว่าหลัวซิวนั้น ปัจจุบันมันไม่ใช่ความลับในสายตาผู้ที่รู้เส้นสนกลในของเรื่องราวตั้งนานแล้ว
สมญานามไท่ซ่างผู้สูงส่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของยุควัฏสงสารอย่างยิ่ง ถูกผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในยุคหลังชื่นชมว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุค เป็นหนึ่งเดียวตลอดกาล!
“อ้างอิงจากกฎเกณฑ์ ท่านต้องได้รับการยอมรับจากศิษย์วัยรุ่นยุคใหม่ทุกคนก่อน ถึงจะสามารถกลายเป็นเจ้าสำนักน้อยได้”คงหวูชีที่อยู่ข้างกายหลัวซิวเอ่ยปากพูด
สำหรับกฎเกณฑ์นี้นั้น ระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่คงหวูชีก็ได้บอกกล่าวให้หลัวซิวทราบแล้ว การยอมรับที่กล่าวถึงนั้น ย่อมตัดสินกันที่ศักยภาพอยู่แล้ว
หลัวซิวพยักหน้า และไม่ได้พูดคำพูดมีพลังที่กล้าได้กล้าเสียอะไรเช่นกัน เห็นเพียงเงาร่างเขากระพริบทีหนึ่ง แล้วปรากฏบนสังเวียนประจัญกระบี่
การกระทำมีแนวโน้วที่ทำให้ผู้อื่นคล้อยตามได้มากกว่าคำพูดใด ๆ
“เจ้าเป็นเจ้าสำนักน้อย ตู๋กูเทียนหยาข้าขอเป็นคนแรกที่ท้าประลองเจ้าเอง!”
มีจิตต่อสู้ที่มากมายมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากตัวตู๋กูเทียนหยา เมื่อปีนั้นตั้งแต่พ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือหลัวซิวเป็นต้นมา เขาก็ฝึกตนอย่างทุ่มสุดชีวิต หวังแค่ว่าสักวันจะสามารถโค่นล้มหลัวซิวได้ด้วยน้ำมือตนเอง กอบกู้ตัวธรรมวิถีกระบี่ไร้เทียมทานกลับคืนมา
มีห้วงแท้วิถีเซียนที่แข็งแกร่งตลบฟุ้งอยู่รอบกายตู๋กูเทียนหยา แม้นหลัวซิวจักไม่ใช่จอมยุทธ์ที่เน้นฝึกวิถีกระบี่ แต่ก็สัมผัสการตระหนักรู้และความเข้าใจในวิถีกระบี่ของตู๋กูเทียนหยาได้เช่นกัน ซึ่งบรรลุถึงแดนที่สูงมาก ๆ แล้ว เป็นอัจฉริยะวิถีกระบี่ที่แท้จริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...