มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2848

ในเมื่ออพยพหุบเขาสยบปีศาจมาฝั่งอาณากระบี่หวูจี๋แล้ว หลัวซิวย่อมต้องพักอาศัยอยู่ในวังซิวหลัวแห่งหุบเขาสยบปีศาจอยู่แล้ว

หลัวซิวเดินทางไปหุบเขากระบี่อีกครั้ง เข้าพบตู๋กู ได้รับศาสน์ของเจ้าแห่งอาณากระบี่ท่านนี้ ทำให้ศิษย์ในหุบเขาสยบปีศาจล้วนได้รับตัวตนศิษย์แห่งอาณากระบี่หวูจี๋ สามารถเข้าไปฝึกตนในสถานฝึกตนของอาณากระบี่หวูจี๋

ตอนแรกเริ่ม ศิษย์อาณากระบี่กีดกันเล็กน้อย แต่เนื่องจากตัวตนของหลัวซิว รวมไปถึงศาสน์ของเจ้าแดน คนเหล่านั้นจึงพูดอะไรไม่ได้เช่นกัน จากการที่เวลาล่วงเลยไป ทั้งสองฝ่ายก็ค่อย ๆ เข้ากันได้ด้วยดี ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ จึงสลายหายไป

เนื่องด้วยจากไปนานและไม่ได้กลับมาสักที หลัวซิวก็หาเวลาอยู่เคียงข้างภรรยาทั้งสองของตนอยู่ในหุบเขาสยบปีศาจเช่นกัน ในระหว่างนี้ต้องไม่ขาดกิจกรรมที่อบอุ่นอยู่แล้ว ซึ่งไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้

“เยว่เอ๋อร์ ซีโรว่ พวกเจ้าทั้งสองเป็นภรรยาของข้า ในวันเวลาที่ข้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองจึงต้องโน้มนำสถานการณ์ใหญ่ของหุบเขาสยบปีศาจ แม้นเผ่าจี้ ตระกูลเทพสงครามรวมไปถึงภูเขาว่านเริ่นต่างติดตามข้ามายังโลกร้าง บัดนี้ยังไม่มีจิตใจที่คิดจะทรยศ แต่ทว่าจากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป เรื่องจิตใจมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากที่สุด จึงจักประมาทไม่ได้”

บนเตียงนอนในวังซิวหลัว นิ้วมือของหลัวซิวลูบไล้อยู่บนเส้นผมที่แดงฉานปานเปลวเพลิงนั่นของเยว่เอ๋อร์ แล้วค่อย ๆ พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ดังนั้นพวกเจ้าจำเป็นต้องยกระดับศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้น มีเพียงศักยภาพแข็งแกร่งแล้วถึงจะสามารถสยบผู้คนได้”

“น้องโรว่ไม่ได้เรื่องเอง กระทั่งบัดนี้ข้าและพี่เยว่เอ๋อร์ก็ยังฝึกตนไม่ถึงแดนเทพมารระดับเก้า”ซีโรว่พูดด้วยความละอายใจเล็กน้อย

แม้นพวกนางทั้งสองจะเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ใหญ่ของหุบเขาสยบปีศาจ แต่เจ้าแห่งเผ่าจี้จี้หานยู่ ประมุขเขาว่านเริ่นลวี่โหลว รวมไปถึงหัวหน้าตระกูลเทพสงครามซิงเฉิน ผลการฝึกตนของพวกเขาทั้งสามคนล้วนสูงกว่าพวกนางทั้งสองมาก

จี้หานยู่เป็นน้องสาวของหลัวซิว สามารถพูดได้เลยว่าเป็นผู้ที่หลัวซิวบ่มเพาะขึ้นมาเองกับมือ ลวี่โหลวปฏิบัติตามปณิธานที่ยังไม่บรรลุของบรรพบุรุษ ซึ่งจงรักภักดีต่อหลัวซิวเช่นกัน ส่วนซิงเฉินนั้นยิ่งเคยสาบานตั้งนานแล้วว่าจะถวายความจงรักภักดีแด่หลัวซิว

เมื่อพูดตามหลักแล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นได้ ทว่าเพื่อคำนึงถึงอนาคตของหุบเขาสยบปีศาจ ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเตรียมการพร้อมล่วงหน้าอยู่ดี

“สำหรับเรื่องนี้นั้น ข้ามีแผนการของข้าแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง แล้วริเริ่มวรยุทธ์ที่เหมาะกับการฝึกตนของพวกเจ้าทั้งสองคนมากที่สุด อนาคตเมื่อผลการฝึกตนของพวกเจ้าทั้งสองต่างยกระดับถึงแดนเทพมารระดับเก้า บวกกับค่ายกลชุดหนึ่งที่ข้าจักถ่ายทอดให้พวกเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าอนาคตจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พวกเจ้าก็จะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย”ยิ้มพลางพูด

“นอกเหนือจากนี้แล้ว อนาคตหากหุบเขาสยบปีศาจของเราต้องการสร้างกองทัพที่ทำสงครามปราบปรามในมหันตภัย แค่อาศัยจำนวนคนในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นครั้งนี้ข้าจึงจะเปิดหุบเขาสยบปีศาจสู่โลกภายนอก ก็เพื่อเตรียมพร้อมที่จะให้หุบเขาสยบปีศาจรับศิษย์จากโลกภายนอก อนาคตผู้คนในหุบเขาสยบปีศาจของเราจะยิ่งอยู่ยิ่งมาก ผู้แข็งแกร่งก็จะยิ่งอยู่ยิ่งมากเช่นกัน ขณะที่ข้าไม่อยู่ ก็ต้องให้พวกเจ้าทั้งสองทุ่มแรงกายแรงใจหน่อยแล้วล่ะ”หลัวซิวลูบไล้ใบหน้าของสตรีทั้งสองนางอย่างรู้สึกเอ็นดูพลางพูด

“การที่สามารถช่วยท่านสวามีแบ่งเบาภาระได้นั้น แม้นต้องตายข้าก็ไม่รู้สึกเสียดายเจ้าค่ะ”เหยียนเยว่เอ๋อร์ยิ้มหวาน ซึ่งงดงามมากจนเป็นชนวนที่ทำให้เมืองล่ม

“ข้าก็เช่นกัน……”แม้เสียงของเหยียนซีโรว่จะเบามาก ๆ ทว่ากลับแน่วแน่อย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดแล้วชีวิตที่สงบสุขมันก็สั้นอยู่ดี ในยุคสมัยที่มหันตภัยสามารถปะทุได้ตลอดเวลานี้ หลัวซิวไม่อาจอยู่ในความอ่อนละมุนได้นาน ๆ

การจากไปในครั้งนี้ หลัวซิววางแผนที่จะเดินทางไปโลกามนุษย์รอบหนึ่ง หรือว่าจักรวาลกันดารและมหาโลกาพันสามนั่นเอง

ในส่วนลึกของเขาผีเก้ายังมีพลังฉีกชั้นฟ้าหนึ่งก้อน และยิ่งมีร่างศพของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนร่างหนึ่งด้วย

มูลค่าของศพผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋านั้นสูงส่งมาก หากสามารถใช้เคล็ดเซียนแปรเก้าดูดซับกลั่นแปรพลังฉีกชั้นฟ้าที่เข้มข้นถึงขีดสุดนั่น เช่นนั้นหลัวซิวก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแดนแปรที่สามได้

ทันทีที่เคล็ดเซียนแปรเก้าบรรลุถึงแปรที่สาม ระดับความแข็งแกร่งของร่างเนื้อเขาก็จะสามารถต้านทานพลังโจมตีของอาวุธจักรพรรดิได้แล้ว ไม่ใช่ร่างแห่งจักรพรรดิเทพ แต่กลับสามารถเทียบทัดร่างแห่งจักรพรรดิเทพ!

จากแดน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว สามารถฉีกกระชากพื้นโลกปริภูมิได้อย่างง่ายดายเลย เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ในอนัตตา ก่อนจะย่างกรายมาถึงดาราที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับเขาผีเก้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงที่นี่ หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่าออร่าฟ้าดินของทั้งมหาโลกาพันสามเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

การมาเยือนของมหันตภัยจะส่งผลกระทบต่อวงกว้าง ราวกับไม่ใช่เพียงโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเท่านั้น มหาโลกาพันสามก็ไม่สงบเช่นกัน มีเรื่องเลวร้ายกำลังค่อย ๆ สั่งสมและเตรียมพร้อมที่จะปะทุ ตัวสำนึกของหลัวซิวสัมผัสได้ว่ามีจอมยุทธ์นับหมื่นกำลังต่อสู้เข่นฆ่าทำสงครามปราบปรามกันอยู่ในห้วงดาราแห่งหนึ่ง

ดาราทั้งหลายถูกโจมตีจนแตกสลาย ในบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหมด มีผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพเข้าร่วมสงครามด้วย โจมตีจนอนัตตาแตกสลาย ตรีภพซัดสาด ฟ้าดินแตกร้าว

ภัยพิบัติเช่นนี้ส่งผลกระทบถึงขอบเขตที่กว้างขวางมาก หลัวซิวก็เข้าใจดีมากเช่นกันว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ดังนั้นแม้นเขาจะสัมผัสศึกสงครามในครั้งนี้ได้ ทว่ากลับไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว

เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง หลัวซิวเข้าไปในดาราเมฆาทมิฬ จากนั้นก็มาถึงส่วนลึกของเขาผีเก้าอย่างรวดเร็ว มองเห็นพลังฉีกชั้นฟ้าก้อนนั้น รวมไปถึงศพของประมุขเต๋าที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ด้านล่างพลังฉีกชั้นฟ้า แล้วกำลังใช้มือประสานอินหน้าจุดตันเถียง

ครั้นเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ครั้งแรก มีคนคนหนึ่งที่มาถึงก่อนเขา ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งกลับชาติมาเกิดคนหนึ่งที่มีนามว่าหลงอวี้

ตอนนั้นผลการฝึกตนของหลงอวี้สูงกว่าเขา บอกว่าหลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าแล้วค่อยมาเอาพลังฉีกชั้นฟ้าของที่นี่ไปอีกที ระดับความเร็วในการฝึกตนของหลัวซิวรวดเร็วมากก็จริง แต่คาดว่าหลงอวี้นั่นน่าจะบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าตั้งนานแล้วสินะ

ทันใดนั้นเอง สายตาของหลัวซิวก็มองเห็นเงาดำร่างหนึ่งข้างพลังฉีกชั้นฟ้า ซึ่งเงาดำดังกล่าวก็คือหลงอวี้นั่นเอง!

“สหายหลัว ไม่นึกเลยว่าเจ้าก็มาเวลานี้เช่นกันอย่างนั้นหรือ!”

ขณะที่หลัวซิวมาถึง หลงอวี้ก็สัมผัสได้แล้วหันหน้ามองมาทางเขา

“อดีตข้าไม่ทราบความเป็นมาของสหายหลัว แต่ทว่าปัจจุบันชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดมาก ข้าทราบแล้วว่าเจ้าเป็นร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิด”หลงอวี้กล่าวเช่นนี้

“ผู้เพื่อนยุทธ์หลงทราบความเป็นมาของข้าแล้ว ทว่าข้ากลับยังไม่ทราบความเป็นมาของผู้เพื่อนยุทธ์หลงเลย”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ย่างเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังพลังฉีกชั้นฟ้านั่น

“สหายหลัวจะช่วงชิงพลังฉีกชั้นฟ้าก้อนนี้กับข้าหรือ?”

หลงอวี้เห็นกิริยาท่าทางของหลัวซิว จึงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย “สหายหลัวสังเกตไม่เห็นเลยหรือว่าผลการฝึกตนของข้าอยู่ที่แดนราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ