มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2850

“เจ้าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ”

คลื่นตัวสำนึกที่เก่าแก่ดังก้องอยู่ในตัวหยั่งรู้ แม้นจะอยู่ในสภาวะกึ่งเป็นกึ่งตาย ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนท่านนี้ในยุคไท่ชูก็ยังคงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อยู่เช่นเคย

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คำมั่นสัญญาของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งเลย

แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว โอกาสเช่นนี้มันกลับไม่มีค่าอะไร เนื่องจากอาจารย์ของเขาคือมกุฎเต๋าหวูจี๋ ซึ่งเขาไม่ใช่คนที่ต้องการที่พึ่งพิงอย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว

“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าต้องไปหาน้ำอมฤตเทียนอีที่ใด แล้วเจ้าจักให้ข้าตอบตกลงเจ้าได้อย่างไร จักให้เชื่อคำมั่นสัญญาของเจ้าได้อย่างไร?”หลัวซิวถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม

“ข้าขอสาบานด้วยตัวธรรม ขอแค่เจ้าช่วยข้าตามหาน้ำอมฤตเทียนอี ข้าจะตอบตกลงทุกข้อเรียกร้องของเจ้าแน่นอน”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น คลื่นตัวสำนึกที่เก่าแก่ก็สั่นคลอนเล็กน้อย ถัดจากนั้นหลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของคำสาบานด้วยตัวธรรม

คำสาบานประเภทนี้มีข้อผูกมัดต่อจอมยุทธ์สูงมาก ๆ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าก็ขัดขืนไม่ได้ ทันทีที่ผู้สาบานด้วยตัวธรรมคืนคำ เช่นนั้นผลที่ตามมาก็จะดับสลายสูญสิ้น ร่างตายธรรมสูญ

เมื่อมีคำสาบานนี้ หลัวซิวก็ไม่มีเหตุผลใด ๆขจ ที่สามารถปฏิเสธธุรกรรมในครั้งนี้แล้วจริง ๆ อีกทั้งสามารถพูดได้เลยว่าธุรกรรมในครั้งนี้ไม่มีผลเสียใด ๆ ต่อเขา ต่อให้เขาไม่เจอน้ำอมฤตเทียนอีฌบ ตัวเองก็ไม่มีความเสียหายอะไรเช่นกัน

ถ้าเกิดเจอน้ำอมฤตเทียนอีแล้ว เขาก็สามารถเสนอข้อเรียกร้องต่อประมุขเต๋าเลี่ยเทียนที่ฟื้นคืนชีพหนึ่งข้อ ซึ่งประมุขเต๋าเลี่ยเทียนไม่มีข้อจำกัดต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว จึงแสดงให้เห็นเลยว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีความบริสุทธิ์ใจอยู่

“ได้ ข้าตกลงแล้ว!”หลัวซิวรับปาก

“ดีมาก!”

มีความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาออกจากอกถ่ายทอดมาจากคลื่นตัวสำนึกที่เก่าแก่ ถัดจากนั้นพลังฉีกชั้นฟ้าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ซัดสาดผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง ตัวสำนึกของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนส่งตรงมาอีกครั้ง “นำอาวุธสังหารปราบปรามของเจ้าออกมา ข้าจะถ่ายเทแรงเต๋าของข้าแด่เจ้า ซึ่งสามารถทำให้อาวุธเทพชีวีของเจ้าทรงพลังมากยิ่งขึ้น”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หลัวซิวก็มีความสุขมาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเพื่อเป็นการให้เขาทำงานให้ตัวเองดี ๆ ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนวางแผนที่จะมอบผลประโยชน์ให้เขาล่วงหน้า

การที่สามารถทำให้ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนลงมือด้วยตนเองได้นั้น เช่นนั้นแรงเต๋าที่เขาจะมอบให้มีโอกาสเป็นพลังแห่งประมุขเต๋าสูงมาก

โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ ย่อมต้องนำมันมายกระดับอาวุธเทพชีวีของตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่เหมือนจอมยุทธ์ทั่วไป เขาไม่ได้ฝึกเซ่นอาวุธเทพชีวีใด ๆ

หากพูดถึงอาวุธเทพชีวีจริง ๆ เช่นนั้นร่างเนื้อของเขาก็คืออาวุธเทพชีวีของตัวเขาเอง

ถึงแม้พลานุภาพของร่างเนื้อเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าของขลังสมบัติที่ยึดกุม แต่ทว่าจากการที่ค่อย ๆ ชุบมาอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผลการฝึกตนของเขามีการยกระดับ จึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งร่างเนื้อของเขาจะเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวิถียุทธ์เคียงคู่กับเขา

ด้านการโจมตีปราบปรามของร่างยุทธ์ร่างเนื้อในปัจจุบันของเขาเทียบเท่าภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้า ส่วนด้านการป้องกันนั้น มีเพียงอาศัยความลึกลับและมหัศจรรย์ของเคล็ดเซียนแปรเก้า ถึงจะสามารถต้านทานพลังโจมตีของอาวุธจักรพรรดิระดับเก้าได้

อันที่จริงร่างเนื้อเช่นนี้ถือว่าแข็งแกร่งมาก ๆ แล้ว

หากได้รับการหลอมรวมและปลุกเสกด้วยพลังฉีกชั้นฟ้า เช่นนั้นก็อาจจะสามารถทดแทนพลังสังหารปราบปรามที่ไม่เพียงพอของร่างยุทธ์ร่างเนื้อ เขาที่อยู่ในแดนร่างมกุฎเทพระดับเก้าจะมีพลังโจมตีที่เทียบเท่าอาวุธจักรพรรดิระดับเก้า

เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีความคิดต่าง ๆ นานากระพริบผ่านไปในหัวหลัวซิว แม้นประโยชน์ของการทำเช่นนี้จะมีเยอะมาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีข้อบกพร่องหลายอย่างเช่นกัน

หากหลอมรวมพลังแห่งประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเข้าไปในร่างเนื้อ ทันทีที่ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายต่อพลังดังกล่าวละก็ เช่นนั้นก็เท่ากับฝังเร้นความอันตรายลงไปในร่างกาย

อุปนิสัยที่รอบคอบระมัดระวังเป็นที่พึ่งพิงที่สามารถทำให้หลัวซิวค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละขั้น หากไม่มีอุปนิสัยที่ระมัดระวังเช่นนี้ เขาคงดับสลายสูญสิ้นไปตั้งนานแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าโอกาส กลัวอะไรต่อมิอะไรไปหมดก็ไม่ใช่อุปนิสัยของเขาเช่นกัน

สภาพจิตใจที่ซับซ้อนเช่นนี้ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูด ทว่าท้ายที่สุดหลัวซิวก็ตัดสินใจคว้าโอกาสในครั้งนี้เอาไว้ เนื่องจากเขาอยากให้ศักยภาพของตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้นจริง ๆ

“ข้าฝึกธรรมเวชกาลร้าง ร่างเนื้อก็คืออาวุธเทพชีวีของข้า”หลัวซิวตอบกลับเช่นนี้

“เวิ่ง!”

มีพลังออร่าที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูมาจากจุดศูนย์กลางของกลุ่มดาวฤกษ์ เหมือนอย่างที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ประมุขเต๋าเลี่ยเทียได้นำพลังแห่งประมุขเต๋าของตัวเองที่ผนึกรวมอยู่ตรงจุดศูนย์กลางมอบให้เขาส่วนหนึ่ง

ถึงแม้พลังแห่งประมุขเต๋าที่ผนึกรวมอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของกลุ่มดาวฤกษ์จะเป็นเพียงส่วนน้อย ๆ ที่ไม่โดดเด่นอะไรก็ตาม แต่สำหรับหลัวซิวที่มีผลการฝึกตนแค่เทพมารระดับเก้าแล้ว มันก็ยังคงเป็นโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ อยู่ดี

หากให้เขาทำเอง เขาไม่มีทางเก็บพลังแห่งประมุขเต๋ามาเป็นของตัวเองได้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีการปลุกเสกจากปณิธานของประมุขเต๋าเลี่ยเทียน พลังแห่งประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเสี้ยวนี้ที่หลอมรวมเข้าไปในร่างกายเขา ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายเขาเลยแม้แต่น้อย

“ข้าจะคอยเจ้าอยู่ที่นี่……”

คลื่นตัวสำนึกที่เก่าแก่ค่อย ๆ สลายหายไป ถัดจากนั้นร่างศพของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนก็ลอยออกไปไกล ลอยอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของกลุ่มดาวฤกษ์แรงเต๋านี่

……

หลังจากที่ออกมาเขาผีเก้า หลัวซิวก็ฉีกกระชากปริภูมิอีกครั้ง แล้วย้อนกลับไปยังโลกร้าง

ครั้งนี้หลัวซิวจากมาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น สำหรับผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่มีอายุขัยยืนยาวแล้ว ระยะเวลาสิบกว่าปีก็เป็นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นแหละ

ทว่าตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดก็เริ่มมีท่าทีที่จะมีเรื่องเลวร้ายปะทุแล้ว มีท่าทีและลางสังหรณ์ที่มหันตภัยอันลึกลับเตรียมพร้อมที่จะปะทุ

ณ วังซิวหลัวแห่งหุบเขาสยบปีศาจ ทันทีที่หลัวซิวกลับมา ก็มองเห็นตู๋กูเจี้ยนเฉินเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ