มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2854

กลางสถานที่รกร้างว่างเปล่ากว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ตู๋กูเจี้ยนเฉินกำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ ด้านหลังมีกงล้อเทพปรากฏเจ็ดวง กงล้อเทพวงที่แปดก็กำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเช่นกัน ค่อย ๆ ผนึกรวมกันเป็นแก่นแท้

แม้คุณวุฒิของตู๋กูเจี้ยนเฉินที่อยู่ในอาณากระบี่หวูจี๋จะค่อนข้างเก่าแก่ แต่อย่างไรเสียเขาก็พิการมายาวนานมาก ๆ ส่วนปัจจุบันก็ใกล้จะบรรลุสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ซึ่งไม่มีทางบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้อย่างง่ายดายแน่นอน แต่ต้องเริ่มจากมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ

ขั้นตอนในการข้ามผ่านทัณฑ์ค่อนข้างราบรื่น ศักยภาพของตู๋กูเจี้ยนเฉินเกะกะระรานอย่างยิ่ง ทัณฑ์สายฟ้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าไม่สามารถต้านทานฝีเท้าที่รากฐานแน่นลึกของเขาได้ด้วยซ้ำ

ณ​ บัดนี้วินาทีนี้ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธดำเนินการถึงช่วงท้ายแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธแข็งแกร่งและน่าสยดสยองที่สุดเช่นกัน

ขอแค่สามารถต้านทานการโจมตีในช่วงสุดท้ายของอัสนีเทว การบรรลุของตู๋กูเจี้ยนเฉินก็จะสำเร็จ

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง หลัวซิวที่กำลังมองดูการข้ามผ่านทัณฑ์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกลก็ขมวดคิ้วลงกะทันหัน เนื่องจากเมื่อครู่นี้ มีแรงสั่นสะเทือนสะท้อนออกมาจากญาณเทวดั้งเดิมที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขา

เนื่องจากตัวสำนึกของเขาแปรเปลี่ยนถึงระดับญาณเทวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระแสสัมผัสหรือด้านความเฉียบไว ก็ล้วนอยู่เหนือตัวสำนึกของจอมยุทธ์ทั่วไป ดังนั้นบางครั้งหลัวซิวจึงสามารถสัมผัสสิ่งที่ผู้อื่นสัมพันธ์ไม่ได้ล่วงหน้า

ส่วนสิ่งที่เขาในวินาทีนี้สัมผัสได้คือมีวิกฤตการณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่งกำลังพุ่งจู่โจมเข้ามาทางนี้!

“ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสามระวัง มีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กำลังประชิดใกล้เข้ามาทางนี้!”

หลัวซิวรีบตะคอกเสียงดังลั่น เอ่ยปากเตือนผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามคนที่คอยคุ้มกันให้ตู๋กูเจี้ยนเฉิน ในมุมมองของเขา วิกฤตการณ์ที่ตัวเองสัมผัสได้นี้ น่าจะมีคนคิดจะทำลายการข้ามผ่านทัณฑ์ของตู๋กูเจี้ยนเฉิน

เมื่อได้ยินเสียงของหลัวซิว สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสามก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน แม้นผลการฝึกตนของพวกเขาจะสูงกว่าหลัวซิว แต่ในด้านความเฉียบคมของกระแสสัมผัสกลับเทียบเคียงกับญาณเทวตัวสำนึกของหลัวซิวไม่ได้

อีกทั้งพวกเขาไม่เคยมีจิตใจที่ดูหมิ่นเพียงเพราะหลัวซิวยังเป็นวัยรุ่น เนื่องจากพวกเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลัวซิวมีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่มาก ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ แสดงว่าต้องไม่มีผิดแน่นอน

ในขณะเดียวกัน เมื่อมีการย้ำเตือนของหลัวซิว มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามก็เริ่มสัมผัสภัยคุกคามที่กำลังประชิดใกล้เข้ามาได้ลาง ๆ เช่นกัน

มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามสบตากันครั้งหนึ่ง มีความตึงเครียดทะลุออกมาจากแววตาของทั้งสาม

“ผู้ใดกันแน่ที่คิดจะทำลายการข้ามผ่านทัณฑ์ของผู้อาวุโสเจี้ยนเฉิน? ไม่นึกเลยว่าจะสามารถทำให้เราทั้งสามสัมผัสภัยคุกคามที่รุนแรงเช่นนี้ได้?”

ตู๋กูเฉิน ผู้อาวุโสระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อที่เป็นผู้นำพูดด้วยสีหน้าที่ดูตะลึงงัน

พวกเขาทั้งสามต่างเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของอาณากระบี่หวูจี๋ เมื่อพูดตามหลักแล้วในโลกร้างนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามได้นั้น ต้องมีน้อยมากถึงมากที่สุดแน่นอน

“ตู้มม!”

และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนมาจากอนัตตา มีศีรษะสีดำขลับที่ดูดุร้ายอย่างยิ่งฉีกกระชากปริภูมิ แล้วยื่นออกมาจากอนัตตา

ศีรษะสีดำนั่นดำปานหมึก ใหญ่โตปานภูเขา ดวงตาทั้งสองข้างตั้งอยู่ในแนวตั้ง มีเพลิงอัคคีสีเลือดที่ทำให้วิญญาณผู้คนสั่นคลอนเป็นประกาย เหมือนดั่งไฟเทียนที่กำลังลุกโชน

ถัดจากนั้น ปริภูมิของอนัตตาก็พังทลายแตกสลายเป็นวงกว้าง ตรีภพที่ซัดสาดแผ่กระจายออกมา มังกรอสูรตัวหนึ่งที่ยาวหลายพันเมตรส่ายหัวสะบัดหาง เริ่มเผยให้เห็นความดุร้าย

นี่คือมังกรจู๋หยินตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นพรายโหดไร้เทียมทานที่มีพลังแห่งสายเลือดแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทันทีที่มันปรากฏ ก็มีพลังออร่าที่ดุร้ายแผ่กระจายไปทั่วฟ้าทันที

หลัวซิวเพ่งตามองไป เมื่ออยู่ในสายตาเขา การขวางกั้นของปริภูมิก็กลายเป็นระยะห่างที่ใกล้แค่เอื้อม เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบนศีรษะของมังกรจู๋หยินตัวนั้นมีเงาดำยืนอยู่ห้าร่าง

ในบรรดาเงาดำทั้งห้าร่างนั้น คนที่เป็นผู้นำคือชายหนุ่มรูปงามที่ใบหน้าดูชั่วร้ายคนหนึ่ง ผมดำชุดคลุมยาวดำ รอบกายมีพลังออร่าที่ลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้ตลบฟุ้ง

“จ้าวปีศาจเสวียนหยิน!”

ตู๋กูเฉินตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี ผู้คนในโลกหล้ามีน้อยคนมากที่รู้ว่าวิถีปีศาจแบ่งออกเป็นหยินหยางสองสำนัก แต่ทว่าในฐานะที่เป็นระดับสูงของอาณากระบี่หวูจี๋กลับทราบเรื่องเหล่านี้อยู่ จึงย่อมต้องทราบการคงอยู่ของ จ้าวปีศาจเสวียนหยินคนนี้อยู่แล้ว

ต่างอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดพูดถึงศักยภาพในการต่อสู้แล้ว จ้าวปีศาจเสวียนหยินเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสุดยอดอย่างแน่นอน!

ในขณะเดียวกันตู๋กูเฉินก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดภัยคุกคามที่ตนสัมผัสได้ถึงรุนแรงเช่นนี้ ซึ่งภัยคุกคามดังกล่าวก็มาจาก จ้าวปีศาจเสวียนหยินที่อยู่ตรงหน้านี้นี่แหละ!

“ผู้เพื่อนยุทธ์ทั้งสองระวังตัวด้วยล่ะ ผู้นำของฝ่ายตรงข้ามคือ จ้าวปีศาจเสวียนหยินศักยภาพของมันน่าทึ่ง แทบจะสามารถเทียบทัดผู้สูงส่งเลย”ตู๋กูเฉินพูดกับผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งสองคนที่อยู่ข้างกาย

“แข็งแกร่งเช่นนี้เลยรึ? แล้วเราควรจะต้านทานอย่างไร?”เมื่อผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกสองคนได้ยินคำพูดดังกล่าว ต่างก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที

มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อและผู้สูงส่งนั้นแตกต่างกันเยอะมาก หากเป็นอย่างที่ตู๋กูเฉินกล่าวมาจริง ๆ ศักยภาพของ จ้าวปีศาจเสวียนหยินนั่นเทียบทัดผู้สูงส่ง เช่นนั้นต่อให้พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวปีศาจเสวียนหยินแน่นอน

ผู้สูงส่งคนหนึ่งสามารถสยบมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้อย่างง่ายได้เลย มิเช่นนั้นก็คงไม่ได้รับสมญานามว่าเป็นผู้สูงส่งหรอก!

“ควรต้านทานอย่างไรก็ต้านทานอย่างนั้น นอกเสียจากเราทั้งสามจะตาย มิเช่นนั้นจะปล่อยให้ใครคนใดเข้าไปรบกวนการข้ามผ่านทัณฑ์ของผู้อาวุโสเจี้ยนเฉินไม่ได้เด็ดขาด”

ตู๋กูเฉินพูดด้วยแววตาที่แน่วแน่อย่างยิ่ง ตู๋กูเจี้ยนเฉินในวินาทีนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายของการข้ามผ่านทัณฑ์แล้ว ขอแค่สามารถยืนหยัดจนถึงวินาทีที่ทัณฑ์สายฟ้าสิ้นสุดลง พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะในศึกการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว!

“ก็คงทำได้แค่นี้แล้วล่ะ!”ผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกสองคนเห็นตู๋กูเฉินแสดงลักษณะท่าทีแล้ว จึงค่อย ๆ ระงับความรู้สึกหวาดหวั่นในใจลงไป มีความศรัทธาที่จะสู้สุดชีวิตทะลุออกมาจากแววตา

“จ้าวปีศาจเสวียนหยิน เจ้าสำนักหยินวิถีปีศาจหรือ?”

หลัวซิวยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกล เขาต้องได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนี้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่ เขามีอำนาจเด็ดขาดในการตรวจสอบการบันทึกจำนวนมากในอาณากระบี่ ซึ่งในข้อมูลทั้งหมดที่เขาตรวจสอบ ก็มีการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหยินหยางสองสำนักแห่งวิถีปีศาจเช่นกัน

แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ สำนักหยางอยู่ในที่สว่าง สำนักหยินอยู่ในที่ลับ ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด ใช้ชีวิตอยู่ในการต่อสู้เข่นฆ่าตลอดทั้งวัน เมื่อมองจากคุณค่าบางอย่าง อันที่จริงสำนักหยินน่ากลัวกว่าสำนักหยางที่เปิดตัวสู่โลกภายนอกมาก ๆ

“ตายซะเถอะ!”

จ้าวปีศาจเสวียนหยินไม่พูดอะไรสักคำ เห็นเพียงเขาก้าวเดินอยู่บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เดินลงมาจากศีรษะมังกรจู๋หยิน รอบกายมีจิตสังหารโอบล้อม พลางกระโจนไปทางผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งสามอย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายจ้าวปีศาจเสวียนหยินในตอนแรกก็ผันร่างเป็นแสงกลดวงหนึ่ง พุ่งตรงไปยังตู๋กูเจี้ยนเฉินที่กำลังต้านทานทัณฑ์สายฟ้า และกำลังผนึกรวมกงล้อเทพวงที่แปดอยู่

ภายในเสี้ยววินาทีเดียว ศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ได้ปะทุขึ้น ระดับของการต่อสู้หลักอยู่ที่จักรพรรดิเทพระดับเก้าตลอดจนมหาจักรพรรดิยุทธ์ จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของหลัวซิว เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เลยด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ