มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2855

“ไม่ตาย!?”

“มันฝืนต้านทานพลังโจมตีหนึ่งของผู้อาวุโส ไม่นึกเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่!”

“......”

เมื่อเห็นหลัวซิวที่ปรากฏข้างกายตู๋กูเจี้ยนเฉินอีกครั้ง ผู้คุมกฎมกุฎเทพทั้งสามคนที่พุ่งสังหารเข้ามาก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน

ผู้อาวุโสสำนักหยินที่อยู่กลางนภาสูงก็แสดงสีหน้าตะลึงงัน “ชีวิตเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งเช่นนี้เลยหรือ?”

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ช่วงระยะความต่างระหว่างเทพมารระดับเก้าและจักรพรรดิเทพระดับเก้า ก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปและเทพมารเลย จากพลังอมตะหนึ่งของเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพ สามารถสังหารจำนวนเทพมารระดับเก้าที่นับไม่ถ้วนได้อย่างง่ายดายเลย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้อาวุโสสำนักหยินสังเกตเห็นว่า นอกจากเสื้อผ้าบนตัวหลัวซิวที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยแล้ว เขาก็ถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งออร่าผลการฝึกตนก็ไม่มีท่าทีที่จะอ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อย ตกลงเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ใช่สิ เจ้าหมอนั่นเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่ บางทีบนตัวมันอาจมีสมบัติรักษาชีวิต สามารถทำให้มันที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าฝืนต้านทานพลังอมตะหนึ่งของข้า สมบัติที่อยู่ในมือมันอย่างน้อยก็เป็นเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์!”

ไตร่ตรองในใจ ก่อนที่แววตาของผู้อาวุโสสำนักหยินจะเป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “เศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์เลยนะ! หากสามารถสังหารมัน เช่นนั้นเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นนั้นก็จะตกเป็นของข้าแล้ว!”

เมื่อเทพมารระดับเก้ากระตุ้นสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพ จักไม่มีทางต้านทานพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพได้แน่นอน ดังนั้นผู้อาวุโสสำนักหยินถึงได้ชี้ขาดว่าบนตัวหลัวซิวต้องมีเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ใช้ในการรักษาชีวิตอย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกัน มกุฎเทพระดับเก้าสามคนก็กระโจนสังหารใกล้เข้ามาแล้ว แม้นหลัวซิวที่ยังไม่ตายจะทำให้พวกเขารู้สึกตะลึงมาก แต่พวกเขายังไม่ได้นำชายหนุ่มที่เป็นเทพมารระดับเก้าช่วงปลายกระจอก ๆ มาไว้ในสายตา

“เวิ่ง! เวิ่ง! เวิ่ง! ......”

พลานุภาพของพลังอมตะและของขลังทั้งหลายแย้มบาน เงาร่างของหลัวซิวจมหายเข้าไปในพลังโจมตีของผู้คุมกฎมกุฎเทพทั้งสามคนทันที

ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง มีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งสังหารออกมาปานตัดสลับคลื่นน้ำ มีกระบี่เทพเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา แล้วพุ่งสังหารเข้าไปทางผู้คุมกฎมกุฎเทพทั้งสามคนนั้น

“ว่าอย่างไรนะ! ไม่นึกเลยว่าจะสามารถต้านทานพลังโจมตีของพวกเราทั้งสามคนได้อย่างนั้นหรือ?”

“นี่มันจะมีทางเป็นไปได้อย่างไร?”

“ต่อให้มันมีสมบัติคุ้มกันชีวิต จากผลการฝึกตนของมัน ก็ไม่มีทางใช้สอยสมบัติเหล่านั้นได้ง่ายดายเช่นนี้หรอกกระมัง?”

ผู้คุมกฎมกุฎเทพทั้งสามตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี เมื่อครู่ตัวสำนึกของพวกเขาสังเกตเห็นด้วยตาเลยว่าพลังอมตะและอาวุธเทพของขลังของพวกเขาล้วนโจมตีโดนหลัวซิวแล้ว

แต่วินาทีนี้บนตัวหลัวซิวที่กำลังพุ่งสังหารเข้ามาทางพวกตนทั้งสามกลับไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์เช่นนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริง ๆ

มีการปลุกเสกจากพลังอมตะของเกณฑ์ปริภูมิและความเร็ว เงาร่างของหลัวซิวจึงปรากฏตรงหน้าผู้คุมกฎมกุฎเทพสามคนภายในชั่วลมหายใจเดียว

ฟาดฟันกระบี่ร่องฟ้าที่ยกระดับถึงอาวุธจักรพรรดิระดับเก้าออกมา แรงฮึดของร่างเนื้ออันแข็งแกร่งที่หลอมรวมข้ากับพลังแห่งประมุขเต๋าเลี่ยเทียนก็ปะทุออกมาเช่นกัน!

“ตู้ม!”

ผู้คุมกฎมกุฎเทพคนหนึ่งเรียกของขลังออกมา แต่กลับถูกกระบี่หนึ่งของหลัวซิวโจมตีจนแตกสลายเป็นฝุ่นผงคาที่!

พลังโจมตีของกระบี่ในครั้งนี้ของเขาไม่มีการปลุกเสกจากเกณฑ์และพลังอมตะใด ๆ แต่เป็นแรงฮึดของร่างเนื้ออย่างเดียวเท่านั้น พลังที่เกะกะระรานกดอัดผ่านไป อนัตตาล้วนแตกสลาย ผู้คุมกฎมกุฎเทพที่เรียกของขลังออกมานั่นเบิกตากว้าง เสียงตู้มดังขึ้น ก่อนที่ร่างกายจะระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด

กระบี่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความเฉียบคม แต่การอาศัยแรงฮึดที่เกะกะระรานอย่างยิ่งกดอัดคนคนหนึ่งจนระเบิดแตกได้นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าขนลุกและน่าสยดสยองมากเกินไปจริง ๆ!

“ตายซะเถอะ!”

หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น กระบี่ร่องฟ้าลอยอยู่กลางท้องฟ้า ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปลดปล่อยตราต้าฮวง วิชาตราประทับสองวิชาต่างพุ่งชนไปทางผู้คุมกฎมกุฎเทพอีกสองคนของสำนักหยินแห่งวิถีปีศาจ

ตราต้าฮวงเป็นพลังอมตะที่สามารถปลดปล่อยพลานุภาพทั้งหมดของแรงฮึดร่างเนื้อออกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หลัวซิวก็ไม่มีความพะวงใจใด ๆ ต่อผู้คุมกฎมกุฎเทพทั้งสองคนเช่นกัน ต่อให้พวกเขาจะปลดปล่อยอุบายป้องกันชีวิตที่ทรงพลังที่สุดออกมา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกตราต้าฮวงโจมตีจนระเบิดแตก ไม่เหลือแม้แต่ซากอยู่ดี!

เป็นกระบวนท่าที่เหมือนกัน ทว่าขณะที่ต่อกรกับผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพแห่งสำนักหยินนั่น หลัวซิวทำได้เพียงเป็นฝ่ายที่ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา แต่ถ้าเกิดเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เป็นมกุฎเทพระดับเก้า ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้หลบหลีก ก็มีแต่จะถูกแรงฮึดที่เกะกะระรานของเขาโจมตีจนร่างเหลวแหลก!

ร่างเนื้อของเขายังคงอยู่ที่ระดับร่างมกุฎเทพระดับเก้าอยู่เช่นเคย ทว่าเนื่องจากฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแดนแปรที่สาม พลังป้องกันของร่างกายจึงเทียบเท่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพ

ต่อมาก็ได้รับพลังแห่งประมุขเต๋าที่ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนประทานให้ในเขาผีเก้าอีก ทำให้เขาหลอมรวมเข้ากับพลังสังหารปราบปรามที่แข็งแกร่งของพลังฉีกชั้นฟ้า ร่างยุทธ์ร่างเนื้อได้รับการยกระดับอีกหนึ่งขั้น ด้านการโจมตีปราบปรามก็บรรลุถึงระดับที่เทียบเท่าอาวุธจักรพรรดิระดับเก้า!

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าแรงฮึดร่างเนื้อบริสุทธิ์ที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาในปัจจุบัน ทรงพลังกว่าอานุภาพของพลังอมตะเขาอีก แม้แต่พลังอมตะอย่างเข้าล็อกเดิมก็เทียบเคียงด้วยไม่ได้!

ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพแห่งสำนักหยินนั่นก็มองดูจนเบิกตากว้างอ้าปากค้างเช่นกัน ไม่อยากจะเชื่อในภาพเหตุการณ์ที่ตนมองเห็นในเมื่อครู่นี้

เดิมทีการที่เจ้าหมอนี่สามารถต้านทานพลังอมตะหนึ่งของตัวเองแล้วไม่ตายนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่งแล้ว แต่เจ้าหมอนี่กลับสามารถระเบิดพลังโจมตีที่น่าสยดสยองเช่นนี้ออกมาได้อีกอย่างนั้นหรือ สังหารมกุฎเทพระดับเก้าสามคนภายในเสี้ยววินาที หลัวซิวนี่คือปีศาจที่เก่งกาจมากเพียงใดกันแน่?

“แค่เทพมารระดับเก้ากระจอก ๆ ……”

เรื่องราวดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อพูดคำว่ากระจอกออกมาอีกครั้ง แม้แต่ผู้อาวุโสสำนักหยินเองยังรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว นี่มันไม่มีทางใช่ศักยภาพที่เทพมารระดับเก้าคนหนึ่งมีด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ร่างที่ผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิดเลย ต่อให้เป็นร่างที่ประมุขเต๋ากลับชาติมาเกิดก็ไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนี้ได้

แหวนเก็บของทั้งสามวงถูกหลัวซิวกำอยู่ในมือ เห็นเพียงเขาออกแรงบีบทีหนึ่ง พื้นที่เก็บของภายในแหวนเก็บของทั้งสามวงก็ระเบิดแตก สมบัติต่าง ๆ จำนวนมากทะลักออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ