ชนเผ่าเฉว่ซ่า เป็นชนเผ่ามือสังหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกร้าง คนในชนเผ่านี้ต่างฝึกฝนวิถีแห่งการสังหาร พูดได้ว่าทำให้กองกำลังและนักยุทธ์มากมายในโลกร้างต้องหวาดผวาเมื่อได้ยินชื่อ
แต่ทว่าช่วงที่หลัวซิวมาถึงโลกร้างใหม่ ๆ ในชาตินี้ เคยได้สังหารอัจฉริยะของชนเผ่าเฉว่ซ่าไป
วินาทีที่เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ในใจของหลัวซิวก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ตัวอยู่ในค่ายกล ไอสังหารอันเป็นที่น่าตกตะลึงแผ่ซ่านออกมาจากแสงค่ายสายแล้วสายเล่า เหมือนดาบเหมือนกระบี่ ทับถมร่างของเขาเอาไว้
“เจ้าก็คือเจ้าหนุ่มที่ชื่อหลัวซิวคนนั้นหรือ? กล้าสังหารคนเผ่าเฉว่ซ่าของข้า ตายเสียเถอะ!”
เสียงตวาดเสียงหนึ่งเหมือนดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ในเมืองต้าฮวงโบราณ ชายชราเผ่าเฉว่ซ่าสวมสุดสีโลหิตได้เซ่นผังค่ายผังหนึ่งออกมา ผังค่ายนี้ได้ครอบคลุมห้วงเวลาด้านหนึ่ง กักขังหลัวซิวเอาไว้
และรอบ ๆ ผังค่ายนั้น มียอดฝีมือของชนเผ่าเฉว่ซ่ายืนเรียงรายอยู่นับสิบคน
“ครืนนน!”
ภายใต้คำสั่งของชายชราเผ่าเฉว่ซ่า ศัสตราวุธของขลังนับสิบชิ้นส่งเสียงคำรามขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง โถมกระหน่ำเข้าหาหลัวซิวที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ในศัสตราวุธของขลังเหล่านี้ มิได้มีเพียงภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้า ยังมีแม้กระทั่งดาบโลหิตเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นถึงสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพขั้นเก้า!
สังหารคนรุ่นหลังที่มีผลการฝึกตนแค่ในขั้นเทพมารระดับเก้าด้วยวิธีการเช่นนี้ พูดได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการเชือดไก่โดยใช้มีดเชือดวัว
คลื่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงได้กระจายไปทั่วเมืองต้าฮวงโบราณ รบกวนไปยังบรรดานักยุทธ์ที่กำลังชมการต่อสู้อยู่ที่เวทีประลองในเวลานี้ แม้แต่อัจฉริยะที่กำลังต่อกันอยู่บนเวทีประลองก็ได้หยุดการต่อสู้ลง
“นี่คือ......ชนเผ่าเฉว่ซ่า?”
“ชนเผ่าเฉว่ซ่าต้องการต่อกรกับผู้ใดกัน? ถึงได้ลงมือที่เมืองต้าฮวงโบราณโดยตรง ถึงกับต้องส่งผู้อาวุโสมกุฎเทพ และราชาเทพระดับเก้านับสิบคนมา แถมยังได้ใช้ค่ายกลอีกด้วย?”
“ดูจากคลื่นพลังผลการฝึกตนแล้ว เหมือนว่าคนที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลนั้นจะเป็นเทพมารระเก้าผู้หนึ่ง......”
“นี่เหมือนจะเป็นค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ใช่หรือไม่? มูลค่าของผังค่ายชนิดนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพเลย!”
......
แรงสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกมาจากค่ายโลหิตมารฉกรรจ์อย่างไม่ขาดสาย ผังค่ายนี่นั้นเป็นมหาค่ายประจำเผ่าของชนเผ่าเฉว่ซ่า เมื่อการโจมตีของคนเผ่าเฉว่ซ่าตกลงบนค่าย อานุภาพของมันก็จะเพิ่มขึ้นสามถึงสี่เท่า
ภายใต้การจ้องมองของสายตาอันนับไม่ถ้วน บุรุษหนุ่มในชุดสีดำผู้หนึ่งยืนอยู่ใจกลางของค่ายกล เผชิญหน้ากับการโจมตีของศัสตราวุธของขลังนับสิบชิ้น เขามิได้ขับเคลื่อนใช้อาวุธป้องกันใด ๆ เลย แต่ได้ฝืนรับมือกับการโจมตีของศัสตราวุธของขลังแต่ละชิ้นด้วยมือเปล่า แม้แต่อานุภาพของสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพอย่างดาบโลหิตเล่มนั้นเขาก็ยังรับมือกับมันด้วยหมัดทั้งสองข้างของเขา
“หลัวซิว วันนี้เจ้าต้องตายแน่แล้ว!” ผู้อาวุโสเผ่าเฉว่ซ่าควบคุมผังค่าย เมื่อมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายกล สีหน้าก็ดำคล้ำเป็นอย่างยิ่ง
เขาได้รับข้อมูลมาแล้ว รู้วาหลัวซิวผู้นี้มีฝีมือสูงส่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝีมือของหลัวซิวคนนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็แค่เทพมารระดับเก้าขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะจัดการได้ยากเช่นนี้
อย่างไรก็ตามค่ายโลหิตมารฉกรรจ์กลับไม่ง่ายเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจกลายเป็นมหาค่ายประจำเผ่าของชนเผ่าเฉว่ซ่า
ค่ายกลนี้แบ่งออกเป็นสามรูปแบบ รูปแบบแรกนั้นคือปิดฟ้าผนึกดินขังคู่ต่อสู้เอาไว้ด้านใน ภายใต้การปลุกเสกเบิกเนตรของค่ายกล ความสามารถของชนเผ่าเฉว่ซ่าจะเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว และสามารถอาศัยโอกาสสังหารคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้
ส่วนรูปแบบที่สองของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์นั้น คือการรวบรวมไอสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดเพื่อโจมตีตัวธรรมของคู่ต่อสู้ เมื่อตัวธรรมถูกโจมตีไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์คนใดก็ตาม ล้วนมักแสดงจุดอ่อนออกมาอย่างง่ายดาย และทันทีที่จุดอ่อนปรากฏขึ้นมา ก็เท่ากับว่าอยู่ไม่ไกลจากความตายสักเท่าไรแล้ว
รูปแบบสุดท้ายของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ นั่นก็คือรูปแบบที่สาม สามารถเรียกปีศาจแท้เพชฌฆาตออกมาได้ มีพลังการทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขต เพียงแค่รูปแบบที่สามนี้จำเป็นต้องใช้คนเพื่อสังเวยเลือด ยิ่งคนที่สังเวยเลือดมีผลการฝึกตนสูง ปีศาจแท้เพชฌฆาตที่เรียกออกมาถึงจะยิ่งสูง
หากไม่ถึงขีดสุดจริง ๆ ชนเผ่าเฉว่ซ่าจะไม่ใช้รูปแบบที่สามของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ออกมาอย่างแน่นอน และก็เพราะสามารถเรียกปีศาจแท้เพชฌฆาตออกมาได้ จึงทำให้กองกำลังมากมายในโลกร้างไม่อยากจะไปมีเรื่องกับคนวิปริตพวกนี้
เพราะทันทีที่ปีศาจแท้เพชฌฆาตถูกเรียกออกมา มันจะเป็นการเข่นฆ่าทำลายล้างอย่างไม่แบ่งเขาแบ่งเรา......
ภารกิจล่าสังหารหลัวซิวในครั้งนี้ นำโดยผู้อาวุโสมกุฎเทพระดับเก้าคนหนึ่งของชนเผ่าเฉว่ซ่า พบเพียงว่ามือของเขาแสดงพลังตราประทับเปลี่ยนไปต่าง ๆ นานา พลังสังหารอันไร้ขอบเขตในค่ายกลรวมตัวกัน กลายเป็นหอกยาวสีแดงสดเฉกเช่นโลหิต
“ครืนนน!”
หอกยาวเล่มนี้พุ่งแทงเข้าไปหาหลัวซิวภายในชั่วพริบตา ทำให้หลัวซิวพลันรู้สึกว่าตัวธรรมของตัวเองถูกกระแทกอย่างรุนแรง!
“พลังที่โจมตีตัวธรรมโดยเฉพาะ?”
หลัวซิวชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที เขากล่าวอย่างเย้ยหยัน: “ตัวธรรมของมิเคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนตัวธรรมของข้าได้!”
ผ่านการฝึกฝนขัดเกลาต่าง ๆ นานาตั้งแต่ชาติก่อนมาจนถึงชาตินี้ ต่อให้เป็นการโจมตีของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ ก็มิอาจสั่นคลอนตัวธรรมของเขาได้
เห็นเพียงเขากางมือทั้งสองข้างออก พลังอมตะอย่างตราสรรพสิทธิ์ ตราต้าฮวง ตราประทับหงฮวง ทะยานเซียน เข้าล็อกเดิม และอื่น ๆ ต่างได้ถูกใช้ออกมา พุ่งเข้าหาค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ที่กักขังตนเองเอาไว้
“ตูม! ตูม! ตูม!......”
ทุกพลังอมตะนั้นต่างก็มีอานุภาพเหลือล้น ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของพลังอมตะมากมาย ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ได้สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังโจมตีที่ส่งผ่านค่ายกลออกมา ทำให้ผู้อาวุโสมกุฎเทพที่ควบคุมผังค่ายอยู่นั้นมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
“ทำลายเสีย!”
มือของหลัวซิววาดตราประทับ พลังอมตะแขนงหนึ่งผนึกรวมขึ้นมาระหว่างฝ่ามือ สัญลักษณ์วิถีเซียนสามดวงปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน เห็นได้ว่าเขาใช้พลังร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียนที่เขาได้ตระหนักรู้อยู่ในวังเซียนศักดิ์สิทธิ์
ใช้พลังแห่งวิถีเซียนปลุกเสกเบิกเนตรพลังอมตะเข้าล็อกเดิมที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเอง อานุภาพของการโจมตีนี้ เกือบจะเทียบได้กับอานุภาพของจักรพรรดิเทพ!
ตามด้วยเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ถูกเขาโจมตีจนเกิดเป็นช่องโหว่ขึ้นมา ร่างของหลัวซิวโจมตีออกมาทันที เสียงรองโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังต่อเนื่องกันเป็นระลอก ราชาเทพระดับเก้าของชนเผ่าเฉว่ซ่าหลายคนถูกเขาสังหารไปในชั่วพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...