การเลือกฝ่ายที่ว่า ก็คือจุดยืน
สำหรับปัญหานี้ หลัวซิวก็เคยได้พูดคุยกับศิษย์พี่ตู๋กูมาก่อน ดูเหมือนว่าฝ่ายที่มีมกุฎเต๋าหวูจี๋อาจารย์ของเขาเป็นผู้นำนั้น ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในขณะนี้
สถานะของหลัวซิวคือนายน้อยแห่งอาณากระบี่หวูจี๋ เช่นนั้นเขาย่อมเป็นตัวแทนของกองกำลังฝ่ายมกุฎเต๋าหวูจี๋
มหาทัณฑ์ครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงได้ ที่อาณากระบี่หวูจี๋ยังไม่เลือกยืนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นมิใช่ว่าต้องการนั่งบนภูดูเสือกัด แต่สถานการณ์ยังไม่พัฒนาการถึงขั้นที่ทำให้อาณากระบี่หวูจี๋จำเป็นต้องเลือกฝ่าย
ตอนที่หลัวซิวกำลังครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้อยู่นั้น ฮวงหวูจี๋ก็แอบกล่าวอยู่ในใจ “ท่านพ่อเคยบอกกับข้าว่าอาณากระบี่หวูจี๋มิได้ง่ายอย่างที่มองเห็น ยังเคยบอกอีกว่าชนเผ่าฮวงของข้าหากต้องการอยู่รอดในมหาทัณฑ์ครั้งนี้ จักต้องสร้างมิตรภาพที่ดีกับอาณากระบี่หวูจี๋......"
“ข้าเป็นเจ้าเมืองน้อยของเมืองต้าฮวงโบราณ ส่วนสหายหลัวเป็นนายน้อยของอาณากระบี่หวูจี๋ ดูท่าแล้วข้าจักต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีงามกับสหายหลัวเอาไว้”
ในตอนที่ฮวงหวูจี๋กำลังคิดอยู่ในใจนั่นเอง จู่ ๆ บนท้องฟ้าเหนือเมืองต้าฮวงโบราณก็รายล้อมไปด้วยแสงเทว พบเพียงว่ามีตำหนักโบราณคร่ำครึหลังหนึ่งลอยลงมาจากบนฟ้า ลงสู่เมืองต้าฮวงโบราณ มีนักยุทธ์มากมายรายล้อมอยู่รอบตำหนัก อย่างต่ำล้วนมีผลการฝึกตนในแดนเทพมารระดับเก้า
“ตำหนักวัฏสงสาร?”
หลัวซิวเดินออกมาด้านนอกพร้อมกับฮวงหวูจี๋ เมื่อเขามองเห็นตำหนักที่ลงประทับบนเมืองต้าฮวงโบราณ รูม่านตาก็หดเล็กลงทันที
ตำหนักวัฏสงสารเป็นส่วนหนึ่งของกงล้อวัฏจักรธรรม เคยตกอยู่ในมือของหลัวซิวมาก่อน ต่อมาได้ถูกเมิ่งเชียนชางแย่งไป ยามนี้ตำหนักวัฏสงสารได้มาปรากฏที่เมืองต้าฮวงโบราณ นั่นไม่หมายความว่าเมิ่งเชียนชางก็มาแล้วด้วยหรอกหรือ?
“การปรากฏตัวของเจ้าหมอนั่นไม่ธรรมดาเลยนะ......”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย จากที่เขาทราบมา แม้ว่าเมิ่งเชียนชางจะได้สร้างกองกำลังหนึ่งขึ้นมา แต่ด้วยรากฐานของเขา ยังไม่ถึงขั้นกับกล้าวางเชิงลงประทับบนเมืองต้าฮวงโบราณเช่นนี้
“สหายหลัวคงจะไม่ทราบ เมิ่งเชียนชางผู้นี้คือโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ่างเทียนตี้”
ฮวงหวูจี๋มองออกถึงความสงสัยของหลัวซิว ดังนั้นจึงได้กล่าวอธิบาย เขาย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าเมิ่งเชียนชางเป็นศัตรูเก่าของไท่ซ่างฉิงที่ซึ่งเป็นชาติเก่าของหลัวซิว
“จ่างเทียนตี้!?”
ไอสังหารอันน่าตกตะลึงแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของหลัวซิว เขาจะไม่มีวันลืมเรื่องที่ศิษย์พี่ตู๋กูเคยเล่าให้ฟังอย่างแน่นอน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของจี้หวูชวง ก็คือสายจ่างเทียนตี้นั่นเอง!
เจตนาฆ่าของด้านหลัวซิวผุดขึ้นมา เมิ่งเชียนชางที่ลงประทับเมืองต้าฮวงโบราณก็รับรู้ได้ทันที และหันมองมาทางเขา
เมื่อเขาได้มองเห็นหลัวซิว ไอสังหารก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขาทันที “ไท่ซ่างฉิง!”
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เขาก็ไม่อาจลืมเลือนความโกรธแค้นในใจที่มีต่อไท่ซ่างฉิงได้
“เจ้าเป็นใครกัน? ช่างบังอาจนัก ถึงกลับกล้าคิดสังหารโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา”
ในบรรดาผู้ติดตามของเมิ่งเชียนชาง เทพมารระดับเก้าผู้หนึ่งได้ก้าวออกมา ก้มหน้ามองต่ำ ก้มมองหลัวซิว ตวาดอย่างเยือกเย็น
“ไสหัวไป!” หลัวซิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ และมิได้เหลือบมองคนผู้นี้เลยสักนิด จับจ้องเมิ่งเชียนชางอย่างไม่ละสายตา
จากที่เขาทราบมา เมิ่งเชียนชางเป็นผู้สืบทอดของจ้าววัฏสงสาร ที่เขาฝึกฝนนั้นคือเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำ ทว่าจู่ ๆ เขากลับกลายเป็นโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งจ่างเทียนตี้อะไรนั่น นี่ทำให้หลัวซิวเกิดความคาดเดาและสงสัยบางอย่างต่อที่มาของกองกำลังจ่างเทียนตี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” คนที่ตวาดขึ้นเมื่อสักครู่คือมกุฎเทพระดับเก้าที่มีชื่อเสียงไม่น้อยคนหนึ่ง ตอนนี้กลับถูกหลัวซิวเมินเฉย จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“มกุฎเทพหมิงฉือ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงมานาน ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของจ่างเทียนตี้ สหายหลัวให้เจ้าไสหัวไป เจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร?”
ฮวงหวูจี๋ที่อยู่อีกด้านหัวเราะเยาะขึ้นมา พลางกล่าวเย้ยหยันอย่างไม่ไว้หน้า
แต่ไหนแต่ไรมากองกำลังจ่างเทียนตี้ลึกลับเป็นที่สุด ต่อให้เป็นชนเผ่าฮวงเองก็หวาดเกรงอยู่บ้าง อีกอย่างตั้งแต่โบราณมาจนถึงวันนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนร้ายที่คอยเล่นงานชนเผ่าฮวงล้วนมีเงาของจ่างเทียนตี้อยู่ ดังนั้นท่าทีที่ฮวงหวูจี๋มีต่อคนของจ่างเทียนตี้ ก็ย่อมไม่เป็นมิตรสักเท่าไรอยู่แล้ว
มกุฎเทพหมิงฉือคนนั้นถูกฮวงหวูจี๋ด่าไปหนึ่งประโยค ก็มีสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ทว่าที่นี่คือเมืองตนเองวงโบราณ เป็นอาณาจักรของฮวงหวูจี๋ แม้ว่าในใจเขาจะโกรธแค้นเพียงใด ก็ได้แต่โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
เขาไม่กล้ามีเรื่องกับฮวงหวูจี๋ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กล้าหาเรื่องคนอื่น ดังนั้นความโกรธมหาศาลจึงได้หันไปหาหลัวซิวทันที แล้วกล่าวด้วยใบหน้าดุร้าย: “เจ้าคนนี้......”
“รำคาญ!”
หลัวซิวขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นโบก มกุฎเทพหมิงฉือผู้นั้นพลันรู้สึกถึงพลังมหาศาลพุ่งเข้าหาตนเองอย่างดุเดือด
พบเพียงว่ามกุฎเทพหมิงฉือมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ยกสองแขนขึ้นขวางเอาไว้ ร่างของเขาสั่นสะท้าน แล้วลอยออกไปทันที ลอยไปทางตำหนักวัฏสงสารของเมิ่งเชียนชาง
หลัวซิวดูเหมือนว่าเพียงโบกมือเท่านั้น มิได้ราบรวมพลังแห่งกฎเกณฑ์หรือพลังเต๋าใด ๆ อยู่เลย แต่ใช้เพียงร่างเนื้ออสุราเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...