มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2872

หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่าแม้นการใช้อำนาจโจมตีฐานค่ายหนึ่งของตนเองจะทำให้สตรีผู้บริสุทธิ์ตายไปเยอะมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการช่วยให้สตรีเหล่านี้หลุดพ้นจากความทุกข์ยากลำบากเช่นกัน

เตาอลวนหวูจี๋โจมตีตำหนักทรชนญาณหลังจากทำลายฐานค่ายหนึ่งเรียบร้อย ก็มีรัศมีเทวพรั่งพรูออกมาจากเตาเทพ จากนั้นเงาร่างของหลัวซิวและตู๋กูเจี้ยนเฉินก็บินออกมาจากเตา

“ผู้ใดบังอาจมากร่างในหุบเขาเฉว่ซ่าของกู?”

เสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวสะท้อนออกมาจากฝุ่นละอองที่ตลบฟุ้งไปทั่ว จักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูพุ่งออกมาอย่างพิโรธ อย่างไรเสียเขาก็อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เจ็ดกงล้ออยู่ แม้นสภาพร่างกายจะดูจนตรอกเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ตายอยู่ภายใต้พลังโจมตีในเมื่อครู่

สำหรับจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูที่พุ่งออกมานั้น หลัวซิวแค่มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชารอบหนึ่ง ไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากพูด ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ได้ลงมือโจมตีแล้ว

จักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธยังไม่ทันตอบสนองกลับมาได้ จากนั้นก็พบว่ามีแสงกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยความน่าสยดสยองในฟ้าดินผ่าลงกลางศีรษะตน วิกฤตการณ์แห่งความตายที่น่ากลัวจึงปกคลุมร่างกายเขาภายในพริบตา

“มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ!”

สีหน้าของจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูเปลี่ยนไปอย่างมาก เขามองเห็นกงล้อเทพแปดวงอันแวววาวจับตาที่ลอยอยู่หลังศีรษะคู่ต่อสู้ของตัวเองอย่างชัดเจนเลย

ช่วงระยะความต่างระหว่างจักรพรรดิเทพและมหาจักรพรรดิยุทธ์นั้นแตกต่างกันเยอะมาก จักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูไม่กล้าฝืนต้านทาน จึงรีบบินหนีออกไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีแสงโลหิตกระพริบตรงจุดตันเถียนเขา ก่อนจะมีโล่สีเลือดชิ้นหนึ่งบินออกมา บนโล่ดังกล่าวมีภาพวิญญาณร้ายตัวหนึ่งที่กำลังคำรามอย่างดุร้ายสลักอยู่ด้วย

ตำแหน่งที่แสงกระบี่เคลื่อนผ่าน อนัตตาล้วนแตกสลาย พร้อมกับพลานุภาพอันไร้ขอบเขตที่ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งได้ เร็วปานสายฟ้า

ฟึ่บ!

เพียงกระบี่เดียว โล่สีเลือดก็ถูกแสงกระบี่ทะลวง ถัดจากนั้นแสงกระบี่ก็ไล่ตามจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูที่กำลังถอยหนีอย่างหวาดผวาได้ภายในพริบตา มาถึงตรงหน้าเขาและใกล้กันแค่เอื้อม

“ไม่!”

จักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูเบิกตากว้างจนดวงตากลมโต ยิ่งกว่านั้นคือทันทีที่เขาหยิบยันต์ทะลุฟ้าออกมา ยังไม่ทันได้ทำลายยันต์ให้แตกเพื่อกระตุ้นมัน ร่างกายก็ถูกแสงกระบี่ที่แวววาวจับตาแทงทะลวงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เสียงปั้งดังขึ้น ร่างกายของจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูแตกสลายเป็นฝุ่นผง ยันต์ทะลุฟ้าก็กลายเป็นฝุ่นผงเช่นกัน ปลิวกระจายอยู่กลางท้องฟ้า

จักรพรรดิปีศาจเฉว่ซู ตาย!

“ลงมือ!”

ในขณะที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินลงมืออยู่นั้น หลัวซิวก็ไม่ได้นิ่งดูดายเช่นกัน เห็นเพียงภายใต้การกระตุ้นของเขา รัศมีเทวอันไร้ขอบเขตที่พรั่งพรูออกมาจากเตาเทพก็ผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วเผยเห็นเงาลวงมหาศักดิ์

ครั้นเมื่อหลัวซิวยังไม่บรรลุ เขาอาศัยเงาลวงมหาศักดิ์นี้ก็สามารถต้านทานการรุมโจมตีจากจักรพรรดิเทพทั้งสี่ได้แล้ว ปัจจุบันตัวเขาลอกคราบใหม่ พลานุภาพของเงาลวงมหาศักดิ์จึงต้องทรงพลังมากกว่าเดิมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

เห็นเพียงเงาลวงมหาศักดิ์โบกมือใหญ่ไปมา ทุกพลังโจมตีล้วนทำให้ฟ้าดินแตกร้าว สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ถูกพังทำลายโดยสิ้นเชิง

แม้นฐานค่ายในตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักทรชนญาณจะถูกทำลายไปแล้ว แต่บริเวณรอบ ๆ นี้ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยวิชาห้ามค่ายกลจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่หลัวซิวจะทำก็คือทำการทำลายขจัดวิชาห้ามค่ายกลทั้งหมดนี้ทิ้ง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การโคจรของทั้งค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ก็จะพังทลาย

เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ฐานค่ายที่มีตำหนักทรชนญาณเป็นจุดศูนย์กลางก็ถูกหลัวซิวทำลายล้างโดยสิ้นเชิง พื้นที่บริเวณโดยรอบนับหมื่นลี้ถูกทำลายจนกลายเป็นพื้นเรียบ พื้นดินยุบลงไปกว่าสิบเมตร อสูรจิตล้วนดับสูญ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นได้รวดเร็วมากเกินไป และกะทันหันมากเกินไปเช่นกัน จึงส่งผลให้ขณะที่ฝั่งตำหนักทรชนญาณถูกทำลายล้างโดยสิ้นเชิง ผู้คนในชนเผ่าเฉว่ซ่าจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาเฉว่ซ่ายังตอบสนองกลับมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“ในตำหนักทรชนญาณมีจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูคอยคุ้มกันรักษาด้วยตนเองเลยมิใช่หรือ? ไม่นึกเลยว่าจะถูกทำลายล้างไปแล้ว……”

“ผู้ใดถึงกล้าหาญเช่นนี้ บังอาจบุกเข้ามาฆ่าคนในหุบเขาเฉว่ซ่าของเราเลยหรือ?”

……

หลังจากฐานค่ายฐานหนึ่งถูกทำลายไป ก็เท่ากับค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ที่ปกคลุมทั้งหุบเขาเฉว่ซ่าพังลงไปแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลัวซิวจึงไม่มีเรื่องที่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ตัวสำนึกที่กว้างใหญ่แผ่กระจายออกไปภายในพริบตา ทำการค้นหาเบาะแสออร่าของเสิ่นปิงหยูและดูดจิตทั่วโลกใต้ดินของหุบเขาเฉว่ซ่า

ในขณะเดียวกัน ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ปลดปล่อยตัวสำนึกออกไปเช่นกัน ช่วยหลัวซิวตามหาคน

ส่วนนอกหุบเขาเฉว่ซ่านั้น เย่ห้าวหรานก็เริ่มจัดวางค่ายกลอีกแล้ว หลี่ยู่คอยคุ้มกันเขาอยู่ข้าง ๆ เตรียมตัวเป็นกำลังสนับสนุนให้หลัวซิวและตู๋กูเจี้ยนเฉินตลอดเวลา

“ฆ่า! ฆ่า! ……”

เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีทางไม่ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่คอยปกปักรักษาอยู่ในหุบเขาเฉว่ซ่าตื่นตกใจ จักรพรรดิเทพทั้งหมดของชนเผ่าเฉว่ซ่าที่ปกปักรักษาอยู่ที่นี่มี 12 คน แม้นจักรพรรดิปีศาจเฉว่ซูจะตายไปแล้วคนหนึ่ง แต่ก็ยังมีจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้ออีก 11 คน

แต่ว่าเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นตู๋กูเจี้ยนเฉินที่มือถือกระบี่เทพเล่มหนึ่ง และหลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่แปดวง สภาพจิตใจของแต่ละคนก็หวาดหวั่นขึ้นมาทันที!

หากค่ายโลหิตมารฉกรรจ์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเขาย่อมไม่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่แล้ว แต่วินาทีนี้ฐานค่ายของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถโคจรได้เลยด้วยซ้ำ เช่นนั้นเมื่อพวกเขาจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 11 คนพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายเลย!

“กลับมาให้หมด!”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่อยู่ในชุดดำตะคอกเสียงดังลั่น โบกมือหยุดยั้งจักรพรรดิเทพอีกสิบคนที่อยากพุ่งตรงเข้าไป

“แล้วจะยืนมองพวกมันทำการฆ่าล้างที่นี่อย่างอุกอาจต่อหน้าต่อตาหรือ?”

“ชนเผ่าเฉว่ซ่าของเราไม่มีพวกอ่อนแอ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องทุ่มสุดชีวิต!”

จักรพรรดิเทพสิบคนล้วนโกรธจนตาแดงเถือก รอบกายมีจิตสังหารที่บ้าระห่ำโอบล้อม

“หุบปากให้หมด! แค่อาศัยพวกเราทุกคน การที่พุ่งเข้าไปปะทะกับมันนั้น มันไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายเลย มีเพียงพึ่งพาวิชาห้ามค่ายกลที่เหลือถึงจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ รอให้บรรพอาจารย์เร่งเดินทางมาด้วยตนเอง”ชายชุดดำตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงใจเย็นมีสติอยู่

“มิหนำซ้ำพวกมันต้องเป็นคนที่มาช่วยชีวิตสตรีนางนั้นแน่นอน สิทธิ์ในการเป็นฝ่ายรุกถูกยึดกุมอยู่ในมือเรา!”ชายชุดดำโบกมือครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มีคนคุมตัวสตรีนางหนึ่งเดินมาด้านหลังเขา

ใบหน้าของสตรีคนดังกล่าวดูไร้เรี่ยวแรง ร่างกายถูกโซ่สีเลือดพันธนาการ ผลการฝึกตนทั้งร่างกายถูกกดอัด ใบหน้าอันงดงามที่ดูอกสั่นขวัญหายเต็มเปี่ยมไปด้วยความหม่นหมอง

“ท่านชาย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ