มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2873

“ท่านชายระวัง!”

เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวโอบกอดเสิ่นปิงหยู ก็มีแสงโลหิตดวงหนึ่งบินออกมาจากร่างกายเสิ่นปิงหยู จากนั้นก็มีรอยยิ้มที่แผนชั่วสำเร็จปรากฏบนใบหน้าชายชุดดำที่ถอยหลังกลับไปแล้ว

ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแสงโลหิตดวงดังกล่าวรวดเร็วอย่างยิ่ง บวกกับเนื่องจากระยะประชิดมาก ๆ หลัวซิวจึงไม่มีโอกาสที่จะหลบหลีกได้เลยด้วยซ้ำ เพียงพริบตาเดียวแสงโลหิตดังกล่าวก็หายเข้าไปตรงหว่างคิ้วเขา

ภายในแสงโลหิตมีไอสังหารที่ผนึกรวมกันจนแทบจะกลายแก่นแท้แล้ว หว่างคิ้วของหลัวซิวถูกเฉือนจนแยกออกเล็กน้อย เลือกสีแดงสดไหลนอง เลือดสีแดงสดยิ่งหยดลงบนใบหน้าที่ขาวผ่องของเสิ่นปิงหยู

มีไอสังหาที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตปกคลุมทั้งร่างกายหลัวซิว ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับจน ต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน ตัวธรรมก็ถึงขั้นสั่นคลอนเล็กน้อย

“อยากสยบตัวธรรมกูอย่างนั้นรึ?”

ทันใดนั้นเอง ก็มีรัศมีที่แวววาวจับตาพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของหลัวซิว ตัวธรรมที่สั่นคลอนจึงมั่นคงขึ้นมาทันที

ในขณะเดียวกัน ก็มีแสงสีทองที่โชติช่วงสว่างจ้าในตัวหยั่งรู้ของเขา ก่อนที่เงาลวงของหอคอยฮวงจะบินออกมา เสียงตู้มดังขึ้น ทำให้แสงโลหิตที่เข้าไปในตัวหยั่งรู้แล้วพุ่งตรงไปยังตัวธรรมถูกโจมตีจนแตกสลายแล้วหายไป

เมื่อฝึกวิถีแห่งการสังหารขึ้นไปถึงแดนที่สูงลึกมาก ๆ ไอสังหารจิตสังหารที่ผนึกรวมออกมาจะสามารถส่งผลกระทบต่อตัวธรรมของคู่ต่อสู้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยช่องโหว่ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ซึ่งอุบายประเภทนี้มีแต่ข้อดี ทว่าสำหรับคนที่มีตัวธรรมหนักแน่นอย่างหลัวซิวแล้ว มันกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ในระหว่างที่โบกมือครั้งเดียว หลัวซิวก็กระชากโซ่ที่พันธนาการอยู่ตามร่างกายเสิ่นปิงหยูทิ้งแล้ว ในขณะเดียวกันเขาก็เก็บร่างดูดจิตเข้าไปในปริภูมิของของขลังชิ้นหนึ่งด้วย

“ท่านชาย ท่านบาดเจ็บแล้ว……”

เสิ่นปิงหยูร้องห่มร้องไห้ ใช้มือสัมผัสบาดแผลคราบเลือดบริเวณหว่างคิ้วหลัวซิว ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด

“ยัยบื้อเอ๊ย แค่แผลเล็ก ๆ เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”

หลัวซิวยิ้มอย่างไม่เก็บมาใส่ใจ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตวิถียุทธ์ที่ยาวนานของตัวเองแล้ว สภาพอาการบาดเจ็บแค่นี้มันปกติมากจริง ๆ

อย่างไรก็ตามหลัวซิวยิ่งเป็นเช่นนี้ เสิ่นปิงหยูก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ชายที่ตนรักต้องรับบาดเจ็บเพราะจะช่วยชีวิตตน นี่จึงทำให้นางโกรธตัวเองที่ศักยภาพอ่อนแอมากเกินไป

“เจ้าเข้าไปอยู่ในปริภูมิของขลังของข้าสักพัก คอยจัดการเรื่องราวฝั่งนี้เสร็จสรรพ ข้าจักพาเจ้ากลับ”

บัดนี้วินาทีนี้ยังไม่ค่อยสะดวกที่จะพูดคุยกับเสิ่นปิงหยู หลัวซิวก็ไม่สนใจเช่นกันว่านางจะยินยอมหรือไม่ ก่อนจะเก็บนางเข้าไปในเตาอลวนหวูจี๋โดยตรง

“อาณากระบี่หวูจี๋จักเปิดศึกสงครามกับชนเผ่าเฉว่ซ่าข้าหรือ?”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตวาดที่โกรธเกรี้ยวสะท้อนลงมาจากชั้นเมฆ ถัดจากนั้นก็มีมือใหญ่สีเลือดข้างหนึ่งจุติลงมา

“ชัวะ!”

ตู๋กูเจี้ยนเฉินสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ปราณกระบี่เล่มหนึ่งจึงพุ่งทะยานสู่เมฆ โจมตีมือใหญ่สีเลือดข้างนั้นจนแตกสลายอยู่กลางอากาศ

มีหมอกเลือดขนาดใหญ่กำลังไหลกลิ้งผนึกรวมกันอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนจะเผยให้เห็นเงาร่างของผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีเลือดคนหนึ่ง ใบหน้าหม่นหมอง หลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่แปดวง

“บรรพอาจารย์!”

มีความดีใจปรากฏบนใบหน้าจักรพรรดิเทพทั้ง 11 แห่งหุบเขาเฉว่ซ่า บรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของหน่วยองค์กรเร่งเดินทางมาถึง เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ถูกยึดกุมอยู่ฝั่งตัวเองแล้วล่ะ

ผู้อาวุโสคนดังกล่าวคือหนึ่งในบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของชนเผ่าเฉว่ซ่า คนส่วนมากล้วนทราบกันอยู่ว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์คอยปกปักรักษาอยู่ในชนเผ่าเฉว่ซ่า แต่ในส่วนของรายละเอียดเรื่องที่ว่ามีมหาจักรพรรดิยุทธ์กี่คนนั้น กลับมีน้อยคนมากที่ทราบ

ผู้อาวุโสที่ปรากฏตัว ณ ขณะนี้มีนามว่าบรรพจารย์เฉว่เนี่ยน ผลการฝึกตนอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อช่วงกลาง

สีหน้าอารมณ์ของตู๋กูเจี้ยนเฉินดูเข้มงวดขึ้นมา ต่างเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อเหมือนกัน แต่ช่วงระยะความต่างระหว่างขั้นปฐมภูมิและช่วงกลางนั้นมันไม่เล็กเลย อย่างไรเสียเมื่อบรรลุขึ้นมาถึงระดับขั้นอย่างพวกเขา ช่วงระยะความต่างของหนึ่งแดนเล็กก็ล้วนแตกต่างกันมากโขเลย

“ภารกิจของเราสำเร็จลุล่วงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพัวพันอยู่ที่นี่ต่อ”หลัวซิวใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดกับตู๋กูเจี้ยนเฉิน

บัดนี้ฝ่ายตรงข้ามมีมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่ง จักรพรรดิเทพ 11 ขืนต้องพัวพันอยู่ที่นี่ต่อจริง ๆ สถานการณ์ต้องไม่เอื้ออำนวยต่อพวกหลัวซิวอย่างแน่นอน

มิหนำซ้ำการมาก่อความวุ่นวายในหุบเขาเฉว่ซ่าในครั้งนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว หากต้องการสะสางบุญคุณความแค้นทั้งหมดกับชนเผ่าเฉว่ซ่า อนาคตสามารถทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้

ตู๋กูเจี้ยนเฉินพยักหน้าแล้วตอบกลับ: “เจ้าไปก่อนเถิด”

“รับทราบ!”

หลัวซิวก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยงเช่นกัน ศักยภาพของตู๋กูเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งกว่าเขามาก จึงต้องคอยรั้งท้ายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ณ วินาทีที่สิ้นเสียง เตาเทพก็ปรากฏเหนือศีรษะหลัวซิว ก่อนที่เงาร่างจะบินไปนอกหุบเขาเฉว่ซ่าเร็วปานสายฟ้า

“จะหนีไปไหน!”

ชายชุดดำตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เฟิงโหมว คูซิน ตู๋หลง พวกเจ้าทั้งสามไปไล่ล่ามันพร้อมกับข้า!”

“รับทราบ!”

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งสามที่ถูกชายชุดดำเรียกชื่อรีบผันร่างเป็นแสงกล ผลการฝึกตนของทั้งสามคนดังกล่าวไม่มีผลการฝึกตนของผู้ใดต่ำเลย ทุกคนล้วนเป็นจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงกลาง ในบรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหมดที่คอยปกปักรักษาอยู่ในหุบเขาเฉว่ซ่า ทั้งสามคนดังกล่าวเป็นผู้ที่เป็นรองเพียงชายชุดดำเท่านั้น

ในส่วนของชายชุดดำนั้น ชื่อเสียงและฉายาของเขาคือโลหิตกาฬจักรพรรดิปีศาจทั้งเขายังมีอีกตัวตนหนึ่ง นั่นก็คือศิษยของบรรพจารย์เฉว่เนี่ยน

และเป็นเพราะมีตัวตนที่สองนี่เอง เขาถึงกล้าออกคำสั่งต่อหน้าบรรพจารย์เฉว่เนี่ยน ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเอง

ส่วนการตัดสินใจทำทุกอย่างด้วยตนเองของโลหิตกาฬจักรพรรดิปีศาจนั้น บรรพจารย์เฉว่เนี่ยนไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด สายตาของเขาเพ่งมองไปที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินตลอดเวลา

ส่วนตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ไม่กังวลต่อหลัวซิวที่ถูกจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อสามคนไล่ล่าเช่นกัน ต้องท้าวความก่อนว่าเมื่อครั้นนั้นจักรพรรดิเทพทั้งสี่คนแห่งจ่างเทียนตี้ยังทำอะไรหลัวซิวไม่ได้เลย ปัจจุบันศักยภาพของหลัวซิวแข็งแกร่งมากกว่าเก่า การที่จักรพรรดิเทพสี่คนของหุบเขาเฉว่ซ่าไล่ล่าตามไปนั้น ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน

“มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อช่วงกลางหรือ?”

ตู๋กูเจี้ยนเฉินลูบไล้กระบี่เทพในมือ จากนั้นก็มีปณิธานรบที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูออกมาจากตัวเขา ลมปราณพุ่งทะยานขึ้นเหนือเมฆ

เขาเพิ่งบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ไม่นาน อีกทั้งผลการฝึกตนก็เพิ่งมั่นคง ซึ่งต้องการศึกการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่พอดี เพื่อมาพิสูจน์ว่าตนแข็งแกร่งและอ่อนแอกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนอื่น ๆ มากน้อยเท่าไหร่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ