มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2874

ชนเผ่าเฉว่ซ่าเป็นชนเผ่าทที่ขึ้นชื่อเรื่องจิตใจคับแคบแห่งโลกร้างเลย ครั้งนี้ถูกหลัวซิวและตู๋กูเจี้ยนเฉินเข้ามาก่อความวุ่นวายในหุบเขาเฉว่ซ่า ทำให้ชนเผ่าเฉว่ซ่าได้รับความเสียหายหนักมาก จากอุปนิสัยของชนเผ่าเฉว่ซ่า ย่อมไม่มีทางกลืนความเจ็บแค้นในครั้งนี้ลงไปอยู่แล้ว

“รายงาน! ……”

นอกวังซิวหลัว มีแสงกลดวงหนึ่งบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสงกลดังกล่าวก็คือลูกศิษย์คนหนึ่งของอาณากระบี่หวูจี๋ คนดังกล่าวถือป้ายบังคับบัญชาชิ้นหนึ่ง จึงผ่านเข้ามาในนี้ได้อย่างง่ายดาย

บัดนี้หลัวซิวที่กำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในวังซิวหลัวก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นศิษย์อาณากระบี่หวูจี๋คนดังกล่าวพุ่งเข้ามาในวังซิวหลัว ชันเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้นอย่างเคารพนอบน้อม แล้วพูดเสียงดัง: “รายงานเจ้าสำนักน้อย ข้าน้อยมีเรื่องจักรายงานขอรับ”

“เรื่องอันใดรึ?”

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป หากไม่มีเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ต่อให้เป็นศิษย์ที่มีหน้าที่ส่งข่าวสารโดยเฉพาะก็ไม่กล้าบุกรุกเข้ามาในวังซิวหลัวเช่นนี้

“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ชนเผ่าเฉว่ซ่าได้ทำการล้มล้างสำนักเยี่ยนหยุนไปแล้วขอรับ”ศิษย์อาณากระบี่รีบตอบกลับ

“ชนเผ่าเฉว่ซ่า?”

หลัวซิวหรี่ตาลง ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่ เขาย่อมต้องรู้จักสำนักเยี่ยนหยุนอยู่แล้ว  นั่นคือสำนักเล็ก ๆ สำนักหนึ่งในโลกร้าง ซึ่งเป็นกองกำลังที่ขออาณากระบี่หวูจี๋พึ่งพิงมาโดยตลอด

ไม่ว่าจะอยู่ในโลกร้างหรืออีกเจ็ดโลกมหาศักดิ์ที่เหลือ กองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง นอกจากกองกำลังที่สามารถมองเห็นได้ผ่านภายนอกแล้ว สำนักตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่ขอแดนศักดิ์สิทธิ์พึ่งพิงก็เป็นพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน

แม้นศักยภาพของสำนักเยี่ยนหยุนจะไม่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเกิดอาณากระบี่หวูจี๋ต้องการละก็ อย่างน้อยก็สามารถจัดเสนอมกุฎเทพหกกงล้อสิบกว่าคน ราชาเทพห้ากงล้อหลายสิบคน รวมไปถึงยอดฝีมือมกุฎเทพหนึ่งกงล้อนับร้อยพันให้แก่สำนักเยี่ยนหยุนได้

ศักยภาพเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่โดดเด่นอะไร แต่ถ้าเกิดมีกองกำลังที่เป็นทำนองเดียวกันกับสำนักเยี่ยนหยุนผสมรวมกันสิบถึงร้อยกองกำลัง เช่นนั้นมันก็เป็นพลังที่พอดูมากเลยล่ะ

ด้วยเหตุนี้ ตระกูลสำนักใด ๆ ที่ขออาณากระบี่หวูจี๋พึ่งพิงนั้น ก็เท่ากับเป็นผู้ช่วยของอาณากระบี่หวูจี๋

“ข้าน้อยปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสไท่ซ่าง มาอัญเชิญเจ้าสำนักน้อยให้มุ่งหน้าไปปรึกษาหารือเรื่องนี้ที่สำนักใหญ่ขอรับ”ศิษย์อาณากระบี่ตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม

หลัวซิวพยักหน้า ก่อนจะลุกตัวขึ้นแล้วเดินออกไปจากวังซิวหลัว เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ชนเผ่าเฉว่ซ่าลงมือนั้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะตนเอง ดังนั้นเขาจึงจะนิ่งดูดายต่อเรื่องนี้ไม่ได้

หุบเขาสยบปีศาจถูกหลัวซิวอพยพมา ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนที่ติดกับดินแดนของอาณากระบี่หวูจี๋ ดังนั้นใช้เวลาเพียงครู่เดียว หลัวซิวก็มาถึงสำนักอภิปรายรายงานแล้ว

เมื่อเขามาถึงที่นี่ ผู้อาวุโสไท่ซ่างห้าคนรวมไปถึงผู้อาวุโสทั้งหลายต่างมาถึงแล้ว

ในอาณากระบี่หวูจี๋ มีเพียงผู้ที่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อถึงจะสามารถกลายเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่าง ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้คนในโลกภายนอกล้วนคิดว่าในอาณากระบี่หวูจี๋มีเพียงเจ้าแดนเท่านั้นที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่ในความเป็นจริงอาณากระบี่หวูจี๋มีผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์สี่คนตั้งนานแล้ว แต่ทว่าพวกเขาปิดขังตลอดทั้งปี ซึ่งออกมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในโลกาภายนอกน้อยมาก ๆ

ปัจจุบันเมื่อนับรวมกับตู๋กูเจี้ยนเฉินที่บรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ ผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งห้าคนล้วนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ซึ่งในจำนวนทั้งห้าคนนี้ มีสองคนที่บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อแล้ว

ขณะที่หลัวซิวสังเกตผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้นอย่าพินิจพิเคราะห์ ฝ่ายตรงข้ามก็กำลังสังเกตหลัวซิวอยู่เช่นกัน เนื่องจากพวกเขาล้วนรู้สึกสงสัยมาก ๆ ว่าเจ้าสำนักน้อยที่ทำให้เจ้าแดนให้ความสำคัญมากขนาดนี้ เป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศอย่างไรกันแน่

ทั้งสำนักอภิปรายรายงานตลบฟุ้งไปด้วยพลังออร่าของมหาจักรพรรดิยุทธ์รวมไปถึงจักรพรรดิเทพ ทว่าเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ เขากลับเดินเหินได้อย่างสุขุม สีหน้าอารมณ์เรียบนิ่ง

ผู้อาวุโสที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงกลางคนหนึ่งค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น แววตาที่ร้อนผ่าวร่วงลงบนตัวหลัวซิว แล้วพูดอย่างเสียงดัง: “เจ้าสำนักน้อยน่าจะทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วกระมัง?”

ผู้อาวุโสคนดังกล่าวเป็นผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งห้า ซึ่งมีนามว่าตู๋กูโม่ซาน

หลัวซิวพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธแล้วตอบกลับว่า: “เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสตู๋กูโม่ซาน ตู๋กูโม่ซานมีความคิดอย่างไรขอรับ?”

หลัวซิวไม่แน่ชัดว่าผู้อาวุโสเหล่านี้คิดอย่างไรกันแน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงลองทดสอบหยั่งเชิงดูก่อน

“เจ้าแดนบอกว่าในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเป็นผู้จัดการด้วยตนเอง”

ตู๋กูโม่ซานยิ้มกริ่ม ไม่ได้ถามหาความรับผิดชอบเหมือนอย่างที่หลัวซิวคิดเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้หลัวซิวเข้าใจเช่นกันว่าที่แท้ศิษย์พี่ก็ทราบเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว

แม้นตู๋กูจักซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขากระบี่แล้วเปิดตัวสู่โลกภายนอกน้อยมาก ๆ แต่ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอาณากระบี่หวูจี๋จะเล็กใหญ่มากเพียงใด ก็หลุดไม่พ้นสายตาเขาเลย

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ตู๋กูโม่ซานก็พลิกมือหยิบป้ายบัญชาการออกมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะใช้มือโยนทีหนึ่ง ป้ายบัญชาการก็กลายเป็นแสงกล บินตรงไปทางหลัวซิว

หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้า ป้ายบัญชาการจึงร่วงลงกลางฝ่ามือ เพ่งตามองไป พบว่าป้ายบัญชาการดังกล่าวเป็นสีเขียว ซึ่งหลอมสร้างมาจากตัวเซียนระดับผู้สูงส่งประเภทหนึ่ง ด้านหนึ่งมีคำว่าหวูจี๋สลักอยู่ ส่วนอีกด้านหนึ่งมีคำว่ามาเยือนด้วยตนเองสลักอยู่

“ป้ายบัญชาการชิ้นนี้ก็เป็นสิ่งที่เจ้าแดนฝากให้ข้ามอบให้เจ้าเช่นกัน ป้ายดังกล่าวมีนามว่าบัญชาหวูจี๋ เมื่อพบป้ายบัญชาการดังกล่าว ก็เหมือนดั่งเจ้าแดนมาเยือนด้วยตนเอง ทุกคนในอาณากระบี่หวูจี๋ล้วนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านขอรับ!”

ในระหว่างที่ตู๋กูโม่ซานพูดคำพูดเหล่านี้อยู่นั้น แววตาเขาก็เป็นประกายอย่างไม่หยุดหย่อน อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจมาก ๆ เหมือนกันว่าเหตุใดเจ้าแดนจึงต้องนำสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้มอบให้กับผู้น้อยเล็ก ๆ ที่เป็นเพียงราชาเทพระดับเก้าขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งด้วย

สงครามมันเป็นเรื่องเด็กเล่นหรือ?

ณ สำนักอภิปรายรายงาน ตำแหน่งที่นั่งของเจ้าแดนที่อยู่บนจุดสูงสุดยังว่างอยู่ หลังจากหลัวซิวได้ทราบความสำคัญของบัญชาหวูจี๋จากปากตู๋กูโม่ซาน เขาก็รู้แล้วว่าตนที่มีป้ายบัญชาการดังกล่าว เท่ากับมีอำนาจของเจ้าแดน!

“นี่ศิษย์พี่ท่านจะทดสอบข้ารึ?”หลัวซิวมองบัญชาหวูจี๋ที่อยู่ในมือ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เขาไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด ในเมื่อศิษย์พี่เป็นผู้ดำเนินการเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้อยู่เบื้องหลัง หลัวซิวยังมีอะไรต้องกังวลอีกหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ