มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2880

นอกจากฝึกวิถีเซียนแล้ว หลัวซิวก็เริ่มลงมือตระหนักรู้พลังอมตะอย่างวิชาเซียนสิบช่องเช่นกัน

ทูตเพ้าดำที่มาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลงถูกสังหาร ตี๋ซันที่มาพร้อมทูตเพ้าดำก็ถูกตู๋กูสังหารเช่นกัน ทั้งจับกุมวิญญาณดั้งเดิมไปด้วย

จากความแข็งแกร่งของมกุฎเต๋าหวูจี๋ สามารถอ่านความทรงจำของเจ้าตี๋ซันนั่นได้อย่างง่ายดายเลย ก่อนจะทราบวิธีการฝึกพลังอมตะอย่างวิชาเซียนสิบช่อง

เงื่อนไขในการฝึกวรยุทธ์เซียนทั้งปวงล้วนทารุณโหดอย่างยิ่ง สาเหตุที่เจ้าตี๋ซันนั่นสามารถฝึกสำเร็จนั้น ก็เป็นเพราะร่างเนื้อของเขาแข็งแกร่ง ใช้ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งรองรับผลการฝึกตน ถึงจะสามารถลดทอนผลการฝึกตนที่สูญเสียจากสิบเป็นหนึ่งได้

แต่ว่าเนื่องจากขณะที่ตี๋ซันปลดปล่อยวรยุทธ์เซียนดังกล่าว พลังที่เขาใช้คือแรงเต๋าจักรพรรดิเทพ ซึ่งไม่ใช่พลังแห่งวิถีเซียน ดังนั้นเมื่อเขาปลดปล่อยพลังอมตะวิชาดังกล่าว จึงสามารถแบ่งร่างแยกที่เหมือนตัวเองทุกประการออกมาได้เก้าร่าง แต่กลับประคองได้นานสุดแค่ประมาณระยะเวลาในการจุดธูปครึ่งดอก

ซึ่งระยะเวลาของธูปหนึ่งดอกอยู่ที่ประมาณห้านาที ดังนั้นธูปครึ่งดอกก็อยู่ที่ประมาณสามนาทีเท่านั้น ภายในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ก็สามารถทำให้ผลการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูงคนหนึ่งแห้งเหือดได้แล้ว จึงเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นเลยว่าเงื่อนไขในการใช้พลังอมตะวิชานี้มันทารุณมากเพียงใด

อย่างไรก็ตามถ้าเกิดหลัวซิวใช้พลังแห่งวิถีเซียนมากระตุ้นพลังอมตะวิชานี้ละก็ เช่นนั้นความหมายก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย ซึ่งเขาสามารถประคองพลังอมตะวิชานี้ได้นาน 15 นาที!

เวลา 15 นาทีก็เท่ากับเวลาในการจุดธูปสามดอกแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีจากหลัวซิวสิบคน จักมีคู่ต่อสู้แบบใดบ้างที่สามารถต้านทานไหว?

“พลังอมตะอย่างวิชาเซียนสิบช่องนี้ แม้นจะจัดอยู่ในหมวดพลังอมตะวิถีเซียน ก็ถือเป็นพลังอมตะที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้ว”

ฝึกวิชาเซียนสิบช่องสำเร็จ ศักยภาพของหลัวซิวพุ่งพรวด พลานุภาพของพลังอมตะวิชานี้แข็งแกร่งกว่าตรามหาหัตถ์ราชาเซียนและวิชาทะยานเซียนที่เขาตระหนักได้จากแดนเซียนนอกนภาไม่น้อย ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถเทียบเคียงกับพลังอมตะอย่างเข้าล็อกเดิมของเขา อยู่เหนือพลังอมตะอย่างตราต้าฮวง ตราหงฮวงและตราสรรพสิทธิ์

สำหรับสิ่งที่ตนร่ำเรียนมาได้นั้น หลัวซิวก็ได้ทำการจัดระเบียบใหม่อีกรอบเช่นกัน วิถีไร้ลักษณ์ยิ่งอยู่ยิ่งสมบูรณ์ ทุกครั้งที่โคจรวิถีไร้ลักษณ์ ก็จะมีแสงเซียนที่งดงามโอบล้อมอยู่รอบกายเขา

ฝึกตนอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่กองทัพใหญ่นับแสนของชนเผ่าเฉว่ซ่าถูกเจ้าแดนตู๋กูกวาดล้างเมื่อครั้งก่อน ชนเผ่าเฉว่ซ่าก็ไม่มีท่าทีที่จะล้างแค้นตลอดมา

นี่จึงทำให้หลัวซิวมั่นใจว่าสาเหตุที่ชนเผ่าเฉว่ซ่าล้มล้างสำนักเยี่ยนหยุนเมื่อคราวก่อน ก็เพื่อจะล่อให้เขาออกมา ยิ่งกว่านั้นคือกองกำลังที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชนเผ่าเฉว่ซ่าถึงขั้นยอมส่งผู้สูงส่งคนหนึ่งออกมา แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาก็ล้มเหลวอยู่ดี

เวลาล่วงเลยไปร้อยปีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผลการฝึกตนของหลัวซิวมีการยกระดับอย่างมั่นคง ในระหว่างนี้เขาได้ข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าพิโรธครั้งหนึ่ง ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ

เนื่องจากกงล้อเทพของเขามีแค่วงเดียวมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถตัดสินแดนผลการฝึกตนของเขาจากจำนวนของกงล้อเทพ ยิ่งกว่านั้นคือหากเขาไม่ปลดปล่อยคลื่นผลการฝึกตนออกมาด้วยตนเอง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งอย่างตู๋กูก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าตกลงเขาอยู่ในแดนระดับใดกันแน่

ระยะเวลาร้อยปีดูเหมือนจะไม่นาน แต่กลับเพียงพอที่จะส่งผลให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ เยอะมากแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่ต่างก็บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อแล้ว เหล่าสตรีอย่างเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ ลวี่โหลว หงเหยียน เสิ่นปิงหยู ฉียู่หรง จี้เสี่ยวจื่อและจี้หานยู่ก็ต่างบรรลุถึงแดนมกุฎเทพหกกงล้อ

แม้แต่ช่าจื่อเยียนที่พรสวรรค์ปัญญาค่อนข้างแย่กว่าเล็กน้อยก็บรรลุถึงแดนราชาเทพห้ากงล้อแล้วเหมือนกัน น้องชายของนางเสี่ยวเจียงหมิงก็ไม่ได้ทำให้คนผิดหวัง ผลการฝึกตนยิ่งสูงกว่านาง บรรลุถึงราชาเทพห้ากงล้อช่วงปลาย

สาเหตุที่ฝึกตนได้รวดเร็วเช่นนี้นั้น ย่อมต้องเป็นเพราะยาเซียนจำนวนมากที่หลัวซิวกลั่นให้พวกเขาด้วยตนเองอยู่แล้ว ขอแค่มีพรสวรรค์ที่เพียงพอ ภายใต้สถานการณ์ที่ยอมทุ่มทรัพยากรจำนวนมากอย่างไม่นึกเสียดาย การที่ฝึกตนเร็วจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

มาตรแม้นว่าเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอด หากต้องการฝึกถึงแดนมกุฎเทพหกกงล้อตลอดจนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ มีคนใดที่ไม่จำเป็นต้องสั่งสมตกตะกอนเป็นสิบล้านร้อยล้านปีบ้าง?

แต่หลัวซิวกลับทำลายกฎเกณฑ์นี้ ถึงกับใช้ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงพันปี ทำให้ผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาบรรลุถึงแดนระดับนี้!

“ถึงแม้ข้าจะบรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้ว ทว่าศักยภาพของข้ากลับยังไม่บรรลุถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้”

นอกวังซิวหลัว หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลังพลางยืนตระหง่านอยู่กลางสายลม พลางพูดพึมพำคนเดียว

ครั้นเมื่อผลการฝึกตนของเขาอยู่ที่ราชาเทพระดับเก้า เขาริเริ่มวิถีเซียนแล้วบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูง

แต่ทว่าจากการที่ผลการฝึกตนของเขาก้าวข้ามหนึ่งแดนใหญ่ ย่างกรายสู่แดนมกุฎเทพระดับเก้า ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่ก็แค่ยังใกล้เคียงกับมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่เช่นเคย ซึ่งไม่สามารถเทียบเคียงกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างแท้จริง

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูงและจักรพรรดิเทพแปดกงล้อดูเหมือนจะห่างกันแค่ก้าวเดียว ทว่าก้าวนี้กลับยาวไกลมาก ๆ แม้ผลการฝึกตนศักยภาพ ณ ปัจจุบันของหลัวซิวจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อร้อยปีก่อนมาก ๆ แต่ก็ไม่สามารถก้าวข้ามก้าวนี้ได้อยู่ดี

“เจ้าสำนักน้อยขอรับ”

ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพคนหนึ่งของอาณากระบี่หวูจี๋มาถึงหุบเขาสยบปีศาจ ยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิว ทำความเคารพอย่างเคารพนอบน้อมพลางเรียกเขา

ตู๋กูปิดขังเมื่อ 30 ปีก่อน เขาสั่งสมตกตะกอนอยู่ในแดนผู้สูงส่งช่วงปลายมา 20 กว่าล้านปี ในที่สุดก็ใกล้จะบรรลุสู่ผู้สูงส่งขั้นสูงสักที

และก่อนที่ตู๋กูจะปิดขัง เขาได้ออกคำสั่งด้วยตัวตนของเจ้าแดนว่า ในช่วงเวลาที่เขาปิดขังนี้ หลัวซิวจะเป็นผู้ตัดสินกิจธุระเล็กใหญ่ทั้งหมดในอาณากระบี่หวูจี๋

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ