การมุ่งหน้าไปสรรพมหาโลกาในครั้งนี้ หลัวซิวไม่ได้พาผู้ใดไปด้วย ตั้งแต่ถูกผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งจู่โจมเมื่อคราวก่อน เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกผู้อื่นหมายตาไว้แล้ว ดังนั้นการออกจากดินแดนของอาณากระบี่หวูจี๋ในครั้งนี้ แม้แต่คนสนิทที่อยู่ข้างกายเขาก็ไม่ทราบเช่นกัน
ทุกคนล้วนคิดว่าเขาปิดขังอยู่ในวังซิวหลัวจริง ๆ……
ระหว่างโลกร้างและจักรวาลกันดารห่างไกลกันมาก ๆ แต่ทว่าสำหรับหลัวซิวในปัจจุบันแล้ว ขอแค่สามารถผนึกพื้นที่พิกัดโดยคร่าว ๆ ก็สามารถฉีกกระชากอนัตตาแล้วเดินทางข้ามผ่านไปได้โดยตรง
ไม่นานนัก หลัวซิวก็มาถึงห้วงดาราที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับวังดับฟ้าอีกครั้ง
ณ ส่วนลึกของอนัตตา มีตรีภพขนาดใหญ่กำลังโหมกระหน่ำ ครั้นเมื่อหลัวซิวมาที่นี่ครั้งแรก เขาก็เคยชุบร่างกายของตัวเองอยู่ที่นี่เช่นกัน
กาลเวลาผ่านพ้นไป เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปร้อยพันปีแล้ว หลัวซิวมาถึงอนัตตาตรีภพแห่งนี้อีกครั้ง แล้วปล่อยให้พลังตรีภพซัดกระหน่ำใส่ร่างกายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่สามารถทำให้ร่างกายเขาสะทกสะท้านได้เลยแม้แต่น้อย
เขาเดินอยู่ในตรีภพอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะมองเห็นบันไดทะลุฟ้าที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตรีภพ
บันไดทะลุฟ้าดังกล่าวแบ่งออกเป็นหลายช่วง สุดปลายขอบเขตของทุกช่วงบันไดล้วนจะมีพระราชวังตั้งอยู่หนึ่งหลัง ซึ่งพระราชวังทุกหลังล้วนสูงใหญ่มาก และมีตรีภพลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบ ๆ
ครั้นเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก หลัวซิวไม่พบพิรุธใด ๆ ทว่าปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์ประสบการณ์หรือแดนผลการฝึกตนของเขา ก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาในอดีตสามารถเปรียบเทียบได้ เมื่อหลัวซิวมองเห็นบันไดทะลุฟ้านั่นอีกครั้ง รูม่านตาเขาก็หดลงกะทันหัน
“นี่คือค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งนี่”
หลัวซิวหรี่ตาเพ่งมองไป ตัวสำนึกก็แผ่ขยายออกไปเช่นกัน เห็นเพียงระหว่างวังตรีภพทั้งหลายต่างมีเกณฑ์ที่นับไม่ถ้วนประสานเชื่อมต่อกัน พลานุภาพของทั้งค่ายใหญ่ล้วนผนึกรวมกันที่ส่วนปลายของจุดที่ลึกที่สุดของบันไดทะลุฟ้า
และเป็นเพราะพลานุภาพของทั้งค่ายใหญ่ผนึกรวมกันอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งนั่นเอง ดังนั้นครั้นเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่เมื่อครั้งก่อน จึงไม่ได้ประสบพบเจอกับภยันตรายที่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่นัก มิเช่นนั้นเมื่ออาศัยระดับขั้นของค่ายใหญ่ดังกล่าว อย่าว่าแต่เขาในตอนนั้นที่ผลการฝึกตนยังบรรลุไม่ถึงเทพมารระดับสามเลย ต่อให้จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งมาถึง เกรงว่าอาจได้ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุก็เป็นได้
“แผะ!”
หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า ย่ำลงบันไดทะลุฟ้าดังกล่าว ก่อนที่เขาจะมาถึงสุดปลายขอบเขตของช่วงแรกของบันไดทะลุฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วมองเห็นวังตรีภพที่เขาเคยเข้าไปในอดีต
เขาจำได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าภายในวังตรีภพหลังนี้มีกรุงลงกาอลหม่านแห่งหนึ่ง จอมยุทธ์บางส่วนในจักรวาลกันดารที่โชคค่อนข้างดี เคยได้รับโอกาสและสมบัติจากภายในไม่น้อยเลย
แต่หลัวซิวกลับไม่รู้สึกสนใจต่อสถานที่ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เขาดึงสายตากลับมาจากวังตรีภพหลังนั้น ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังช่วงที่สองของบันไดทะลุฟ้าต่อ
ต้องมีผลการฝึกตนระดับจ้าวมหาเทพถึงจะสามารถฝ่าฟันผ่านช่วงแรกของบันไดทะลุฟ้าได้ หรือแดนเทพมารระดับสี่นั่นเอง ส่วนพลังตรีภพที่ตลบฟุ้งอยู่ในช่วงที่สองกลับบ้าระห่ำมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีผลการฝึกตนที่ไม่ต่ำกว่าเทพมารระดับหกถึงจะสามารถต้านทานได้
และในจักรวาลกันดารนั้น เทพมารระดับหกถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นร้อยล้านปีถึงจะมีเทพมารระดับหกอุบัติขึ้นมาคนหนึ่ง
จากการที่เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลัวซิวก็เดินมาถึงช่วงที่สี่ของบันไดทะลุฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นสุดปลายขอบเขตอยู่เช่นเคย ไม่รู้ว่าตกลงบันไดทะลุฟ้านี่ยาวเท่าไหร่กันแน่ แล้วมีกี่ช่วงกันแน่
วินาทีนี้เขากำลังเดินอยู่บนขั้นบันได รอบกายตลบฟุ้งไปด้วยพลังตรีภพที่บ้าระห่ำ ซึ่งบรรลุถึงขั้นที่แม้แต่เทพมารระดับเก้ายังยากที่จะต้านทานไหว
หลังจากหลัวซิวขึ้นมาถึงช่วงที่เจ็ดของบันไดทะลุฟ้า พลังตรีภพของที่นี่ก็เทียบเท่าแรงเต๋าจักรพรรดิเทพแล้ว ต่อให้ร่างเนื้อของเขาจะเทียบเท่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพชั้นยอด แต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น
ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนี้แล้วเบิ่งมองออกไปไกล ๆ ในที่สุดหลัวซิวก็มองเห็นสุดปลายขอบเขตของบันไดทะลุฟ้าสักที ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไปอีก บันไดทะลุฟ้ายังเหลืออีกสามช่วง ซึ่งนี้ก็หมายความว่าบันไดทะลุฟ้ามีทั้งหมดสิบช่วง
สุดปลายขอบเขตของบันไดทะลุฟ้าดังกล่าวมีพระราชวังที่กว้างใหญ่โอ่อ่าตั้งอยู่หนึ่งหลัง และมีออร่าพลังเต๋าอันมากมายมหาศาลที่เก่าแก่ปานล้นร้างแพร่กระจายออกมาด้วย
ต่อให้จะอยู่ห่างกันไกลมาก ๆ บวกกับมีตรีภพคอยขวางกั้น เพียงแวบเดียวหลัวซิวก็รู้อยู่ว่าวังตรีภพดังกล่าวต้องเป็นอาวุธเทพระดับประมุขเต๋าหนึ่งชิ้นอย่างแน่นอน เป็นอัญประมุขเต๋าชิ้นหนึ่ง!
“โครม! ……”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่ดังกึกก้องสะท้อนออกมาจากวังตรีภพ หลัวซิวสามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่าเลยว่าวังตรีภพสั่นสะเทือนทีหนึ่ง จากนั้นประตูใหญ่สีดำที่ปิดแน่นอยู่ก็เหมือนถูกฟ้าผ่ายังไงอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวยังมองเห็นอีกด้วยว่ามีรอยแตกเล็ก ๆ หนึ่งจุดปรากฏบนประตูใหญ่สีดำทั้งสองบานที่กำลังปิดแน่นของวังตรีภพ
และจากรอยแตกที่เล็กน้อยมากจนแทบจะมองไม่เห็นนั่น หลัวซิวพบว่าเหมือนมีรัศมีที่แวววาวจับตาเป็นประกายระยิบระยับอยู่ภายในวังตรีภพ
รัศมีที่งดงามนั่นดั่งทางช้างเผือก เหมือนแสงสว่างอันโชติช่วงที่สาดส่องลงมาจากพระจันทร์
“ประมุขเต๋าเยว่เทียนที่เป็นหนึ่งในประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 หรือ?”หลัวซิวทำการคาดเดาในใจ เนื่องจากเขาเคยใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมานตระหนักแรงเต๋าสวรรค์มาก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยต่อออร่าพลังเต๋าของพลังแห่งเยว่เทียนอยู่
ช่วงเวลาที่เก่าแก่ในยุคไท่ชูมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ยิ่งกว่านั้นคือความลับของเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากล้วนไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนในโลกหล้าต่างทราบกัน
จวบจนปัจจุบัน หลัวซิวเคยได้สัมผัสกับประมุขเต๋าเลี่ยเทียนในเขาผีเก้า ประมุขเต๋าเฟิงเทียนในแดนเซียนนอกนภา นี่จึงทำให้เขาเข้าใจว่าผู้แข็งแกร่งโบราณบางคนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งไม่ได้ดับสลายสูญสิ้นอย่างที่ผู้คนต่างเล่าขานกัน
ดูจากตรีภพที่ตลบฟุ้งอยู่ในวังดับฟ้าแห่งนี้ หลัวซิวสันนิษฐานว่าประมุขเต๋าที่กดอัดอยู่ภายในน่าจะเป็นประมุขเต๋าเยว่เทียน อีกทั้งดูจากท่าทีนี้ ประมุขเต๋าเยว่เทียนยังไม่ตาย แต่กำลังพยายามทลายผนึกที่กดอัดตัวเองไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...