มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2882

ฝึกตนอยู่ในช่วงที่หกของบันไดทะลุฟ้ามาสองปี หลัวซิวได้ทำการดูดซับกลั่นแปรแรงเต๋าตรีภพจำนวนมาก ผลการฝึกตนก็เป็นไปตามแผนการของเขา ได้รับการยกระดับอย่างมั่นคง

แม้พลังตรีภพของที่นี่จะบรรลุถึงระดับขั้นของแรงเต๋าระดับจักรพรรดิเทพแล้ว ทว่าท้ายที่สุดระยะเวลาสองปีมันก็สั้นเกินไปอยู่ดี ผลการฝึกตนของเขายังคงอยู่ที่แดนมกุฎเทพระดับเก้าขั้นปฐมภูมิอยู่เช่นเคย

“ช้าเกินไปแล้ว อ้างอิงจากระดับความเร็วในการก้าวหน้านี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองร้อยปี ข้าถึงจะสามารถบรรลุถึงมกุฎเทพช่วงกลาง หากยกระดับถึงมกุฎเทพช่วงปลาย อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาห้าร้อยปี ในส่วนของเรื่องที่ว่าหากต้องการยกระดับถึงมกุฎเทพขั้นสูง ยิ่งต้องใช้เวลาเป็นพันปีถึงจะสามารถทำได้”

หลัวซิวหยุดการฝึกตน ส่ายหน้าอย่างรู้สึกปลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ความเร็วในการฝึกตนของเขาพุ่งพรวดรวดเร็วมาโดยตลอด ทว่าจากการที่ผลการฝึกตนยิ่งอยู่ยิ่งสูง ระดับความยากในการยกระดับผลการฝึกตนของเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ในความเป็นจริงการที่สามารถดูดซับกลั่นแปรพลังตรีภพระดับแรงเต๋าจักรพรรดิเทพมาฝึกตนได้นั้น ถือเป็นเงื่อนไขที่ดีเลิศมาก ๆ แล้ว แท้จริงแล้วระดับความเร็วในการฝึกตนเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าช้าเช่นกัน แต่หลัวซิวกลับรู้สึกไม่พอเพียง

มหันตภัยสามารถปะทุได้ตลอดเวลา นี่จึงทำให้เขารู้สึกมีความกดดันต่อวิกฤตการณ์มาโดยตลอด ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองให้เร็วมากยิ่งขึ้น

เงยหน้ามองขึ้นไป หากมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าอีกละก็ ก็จะยิ่งใกล้กับวังดับฟ้า ระดับขั้นของพลังตรีภพก็ยิ่งสูง แต่แรงเต๋าระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้กลั่นแปรง่ายขนาดนั้น นอกเสียจากเขาสามารถยกระดับเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแปรที่หก เมื่อเป็นเช่นนั้นร่างเนื้อก็จะเทียบเท่าเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็จะสามารถต้านทานพลังโจมตีจากแรงเต๋ามหาจักรพรรดิยุทธ์ได้แล้ว

แต่น่าเสียดายที่เคล็ดเซียนแปรเก้าของเขายังคงอยู่ในแดนแปรที่ห้าอยู่เช่นเคย การที่อยากยกระดับถึงแปรที่หก จำเป็นต้องใช้สมุนไพรเพิ่มพลังและสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ จำนวนมาก จึงทำให้เขารู้สึกปวดกบาลอย่างยิ่ง

“มีคนมาแล้ว!”

ทันใดนั้นเอง แววตาของหลัวซิวก็ดูเข้มงวดขึ้นมา ตัวสำนึกของเขาสัมผัสได้ว่ามีพลังออร่าที่แข็งแกร่ง 18 ดวงมาถึงบันไดทะลุฟ้า อีกทั้งกำลังประชิดใกล้เข้ามาทางช่วงที่หกที่เขาอยู่อย่างรวดเร็ว

เนื่องจากศึกสงครามครั้งยิ่งใหญ่เมื่อหลายแสนล้านปีก่อน ทำให้เกณฑ์ฟ้าดินของจักรวาลกันดารไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ดังนั้นเมื่ออยู่ในนี้ มากสุดแค่สามารถฝึกถึงแดนเทพมารระดับหกก็จะไม่มีการพัฒนาอีกแล้ว หากต้องการบรรลุสู่เทพมารระดับเจ็ดตระหนักวิถีแห่งเกณฑ์ ก็จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดถึงจะสามารถทำได้

แต่ทว่าเทพมารระดับหกไม่มีทางฝ่าฟันขึ้นมาถึงช่วงท้าย ๆ ของบันไดทะลุฟ้าได้ด้วยซ้ำ วินาทีนี้กลับมีคนฝ่าฟันเข้ามา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่ใช่จอมยุทธ์ในจักรวาลกันดาร แต่ฝ่ายตรงข้ามมุ่งเป้ามาที่วังดับฟ้า!

“ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ……”

ความเร็วในการเคลื่อนที่ของจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 18 คนรวดเร็วอย่างยิ่ง อาศัยผลการฝึกตนที่แข็งแกร่ง พวกเขาจึงขึ้นมาถึงช่วงที่ห้าของบันไดทะลุฟ้าได้อย่างง่ายดาย

แต่ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ สีหน้ากลับเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

“ตัวสำนึก!”

“มีคนกำลังใช้ตัวสำนึกตรวจสอบเราอยู่ในช่วงที่สูงกว่าของบันไดตรีภพแห่งนี้!”

“หรือว่ากองกำลังในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดค้นพบที่นี่แล้ว?”

เทพธิดาเสวียนหวงโบกมือให้จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 17 คนที่อยู่ด้านหลังหยุดการเคลื่อนที่ ความรู้สึกบนใบหน้านางดูค่อนข้างตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ดำเนินการอย่างเป็นความลับ ถ้าเกิดถูกกองกำลังในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดค้นพบละก็ ฝ่ายตรงข้ามแค่ส่งผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาคนหนึ่ง ก็สามารถทำให้พวกเขาทุกคนตายอยู่ในนี้ได้แล้ว

“ไม่ต้องลุกลนไป ดูจากตัวสำนึกในเมื่อครู่นี้ ฝ่ายตรงข้ามก็น่าจะอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อเหมือนเราเช่นกัน”

“เทพธิดาพูดถูก แม้นตัวสำนึกในเมื่อครู่นี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่มีพลังอำนาจของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แฝงซ่อนอยู่ภายในจริง ๆ”

“หากเป็นเพียงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อก็จัดการง่ายมากแล้วล่ะ จากศักยภาพของเรา เพียงพอที่จะสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ทั้งปวงที่อยู่ต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อได้แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทพธิดาเสวียนหวง ผู้คนที่สีหน้ายังดูประหม่ามาก ๆ ในเมื่อครู่นี้ก็ต่างดูผ่อนคลายขึ้น

อันที่จริงก็ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะประหม่าเช่นนี้ อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่โลกาฟ้าดินหลิงหลงที่ถูกควบคุมโดยสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ทันทีที่ประสบกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด พวกเขาไม่มีทางขอความช่วยเหลือได้เลยด้วยซ้ำ

“ทุกคนใจเย็นก่อน ในเมื่อตัวสำนึกของฝ่ายตรงข้ามสัมผัสเราได้แล้ว มันก็ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเราด้วยตนเองแน่นอน เราแค่คอยเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างนิ่ง ๆ ก็พอแล้ว”เทพธิดาเสวียนหวงพูดอย่างหนักแน่นมาก

“ได้ เราจักปฏิบัติตามคำสั่งของเทพธิดาขอรับ”

“เทพธิดาปฏิบัติการได้สุขุมมาก ช่างเป็นเรื่องที่น่าเคารพเลื่อมใสเสียจริง!”

เหล่าจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งหลายต่างวางใจลง สายตาและตัวสำนึกล้วนเพ่งเล็งไปข้างหน้า

“คนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง!”

กลางตรีภพช่วงที่หกของบันไดทะลุฟ้า มีรัศมีเทวที่น่าดึงดูดกระพริบผ่านไปในแววตาหลัวซิว

ในเมื่อเขารู้จักโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชู ย่อมต้องเข้าใจสถานการณ์โดยคร่าว ๆ ของทั้งสองพื้นโลกดาราดังกล่าวอยู่แล้ว

เนื่องจากโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดผ่านพ้นมหันตภัยครั้งหนึ่งในยุคต้าเหยียน ดาราจักรวาลได้รับความเสียหายสาหัสเป็นวงกว้าง อสูรจิตสูญพันธุ์ ดังนั้นบรรพโบราณทั้งแปดถึงได้บุกเบิกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดขึ้นมา ทำให้พื้นโลกดาราแห่งนี้แบ่งออกเป็นแปดเขตพื้นที่ใหญ่ สาเหตุที่ทำเช่นนี้นั้น ก็เป็นเพราะผลการฝึกตนของบรรพโบราณทั้งแปดไม่สามารถบุกเบิกโลกาที่ครอบคลุมทั้งพื้นโลกดาราเอาไว้ได้

ทว่าในขณะเดียวกัน และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง โลกาทั้งแปดจึงได้แบ่งพรรคแบ่งพวกกัน ไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้อย่างแท้จริงตลอดมา ประมุขเต๋าสวรรค์ในยุคไท่ชู รวมไปถึงประมุขเต๋าวัฏสงสารในช่วงหลังต่างอยากรวมโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดให้เป็นเอกภพ ทว่าต่างล้มเหลวไปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

อย่างไรก็ตามโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชูกลับแตกต่างกัน พื้นโลกดาราทั้งสองรวมกันเป็นเอกภพได้อย่างแท้จริงตั้งนานแล้ว โลกาฟ้าดินหลิงหลงถูกสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงควบคุมโดยสมบูรณ์ ส่วนโลกาเทพมังกรไท่ชูนั้นกลับถูกควบคุมอยู่ในกำมือของเผ่าพันธุ์เทพมังกรไท่ชู

หลัวซิวได้ยินบทสนทนาของพวกเทพธิดาเสวียนหวงอย่างชัดแจ๋วเลย สาเหตุที่ตัวสำนึกของเขาถูกพวกเขาค้นพบตั้งแต่วินาทีแรกนั้น เป็นเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจอำพราง ทว่าเมื่ออาศัยความลึกลับและมหัศจรรย์ของพลังญาณเทว เขาจึงจงใจอำพรางตัวสำนึก ดังนั้นพวกเขาถึงไม่พบตัวสำนึกเขาแล้ว คิดว่าเขาดึงตัวสำนึกกลับไปแล้ว

แต่ในเมื่อถูกค้นพบแล้ว หลัวซิวก็ไม่มีความคิดที่จะอำพรางต่อไปเช่นกัน เห็นเพียงเขาค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น หยุดการฝึกตน ก่อนจะเดินลงมาจากช่วงที่หกของบันไดทะลุฟ้า มาถึงหน้าวังตรีภพที่อยู่สุดปลายขอบเขตของช่วงที่ห้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ