มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2885

ย่างเท้าเดินอยู่ในห้วงดารา ประมุขเต๋าเยว่เทียนมองคนที่อยู่ข้างกายรอบหนึ่งแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ปัจจุบันคือยุคอะไร?”

“ตอบกลับท่านอาวุโส หลังจากสิ้นสุดยุคไท่ชูแล้วคือยุควัฏสงสาร ปัจจุบันคือยุคมหาศักดิ์ขอรับ”ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งคนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม

“ข้าถูกปิดผนึกมานานเช่นนี้เลยหรือ?”ประมุขเต๋าเยว่เทียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

“ท่านอาวุโสใจเย็นก่อนนะขอรับ เนื่องจากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สถานภาพของสามโลกาค่อนข้างมั่นคง ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้มาช่วยเหลือท่านตลอดมา”

“ฟังจากคำพูดของเจ้า สถานภาพในปัจจุบันของสามโลกาไม่มั่นคงแล้วหรือ?”

“ใช่ขอรับ มีการปะทะและความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งมหันตภัยก็ใกล้จะปะทุแล้วขอรับ!”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ประมุขเต๋าเยว่เทียนก็พยักหน้าแล้วมองห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ขอบเขตรอบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง: “เราไปกันเถอะ หลังจากกลับมาคราวหน้า เกรงว่าห้วงดาราแห่งนี้คงไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว”

และในเวลานี้เอง ก็มีระรอกคลื่นลูกหนึ่งปรากฏตรงหน้าอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง สีหน้าอารมณ์ของเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงล้วนดูตึงเครียดขึ้นมา แต่ละคนราวกับกำลังเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ

เนื่องจากขณะที่พวกเขาจะเดินทางมา เจ้าศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตักเตือนพวกเขาแล้วว่ามีโอกาสเจอศัตรูตัวฉกาจของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดที่นี่สูงมาก

มีเพียงประมุขเต๋าเยว่เทียนคนเดียวเท่านั้นที่สีหน้าเรียบนิ่ง แม้นนางเพิ่งจะหลุดออกจากพันธนาการ ผลการฝึกตนยังไม่ฟื้นฟูกลับคืนมา ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นประมุขเต๋าคนหนึ่ง ต่อให้ผู้มาเยือนคือประมุขเต๋าที่อยู่ในสภาวะเฟื่องฟูที่สุด นางไม่ใช่คู่ต่อสู้แต่ก็มั่นใจว่าสามารถถอยกลับอย่างปลอดภัยได้แน่นอน

มีผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินออกมาจากระลอกคลื่นสีดำ ดวงตาที่ดูค่อนข้างขุ่นมัวมีความซับซ้อนปนอยู่ พลางเพ่งมองเรือนร่างที่งดงามนั่นของประมุขเต๋าเยว่เทียน

“เยว่ฮว๋า ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็หลุดจากการพันธนาการอยู่ดีสินะ……ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้”ผู้อาวุโสถอนหายใจแล้วพูด

เยว่ฮว๋าคือชื่อจริงของประมุขเต๋าเยว่เทียน ครั้นเมื่อนางยังฝึกตนไม่ถึงประมุขเต๋าขจ เยว่ฮว๋าก็คือชื่อของนาง กระทั่งต่อมาหลังจากบรรลุเป็นประมุขเต๋าแล้ว นางถึงจะได้รับราชทินนามเยว่ฮว๋า กลายเป็นหนึ่งในประมุขเต๋าสวรรค์

“เหอะ ๆ แล้วข้าควรเรียกเจ้าว่าอาจารย์? หรือเรียกชื่อเจ้าว่ามกุฎเต๋าเทียนชูดี?”

เมื่อประมุขเต๋าเยว่เทียนพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา ความเป็นมาของผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว ซึ่งเขาก็คือผู้เฒ่าเทียนชูที่ไปแดนเซียนนอกนภา และเป็นศิษย์พี่น้องกับมกุฎเต๋านอกนภานั่นเอง!

ผู้เฒ่าเทียนชูก็เป็นมกุฎเต๋าคนหนึ่งเช่นกัน!

“เยว่ฮว๋า เจ้าไม่เจียมตัวมากเกินไปแล้วนะ”มกุฎเต๋าเทียนชูขมวดคิ้วลงเล็กน้อย มีพลังอำนาจที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา

เพียงชั่วพริบตาเดียว เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่ยืนอยู่ด้านหลังประมุขเต๋าเยว่เทียนก็ต่างเหงื่อแตกท่วมตัว ใบหน้าขาวซีด ราวกับกำลังแบกภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูกอยู่บนหลัง กดอัดจนพวกเขาหายใจไม่ออก

“คิกคักคิกคัก……”

เมื่อเผชิญหน้ากับมกุฎเต๋าเทียนชูที่โกรธเกรี้ยว ประมุขเต๋าเยว่เทียนกลับหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในห้วงดาราที่มืดมน

“ตาแก่ เจ้ามิต้องหลอกข้าหรอก นี่เป็นเพียงร่างผันหนึ่งของเจ้าเท่านั้นแหละ นอกเสียจากร่างแท้ของเจ้ามาเยืนอด้วยตนเอง มิเช่นนั้นแค่อาศัยร่างผันร่างหนึ่ง ยังสร้างภัยคุกคามอะไรให้แก่ข้าไม่ได้”

ประมุขเต๋าเยว่เทียนพูดอย่างไม่เก็บมาใส่ใจ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของนาง เหล่าผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็ต่างรู้สึกโล่งอก

พวกเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะได้เจอผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของสามโลกาที่นี่ หากไม่มีประมุขเต๋าเยว่เทียนอยู่ที่นี่ด้วยละก็ แม้จะเป็นร่างผันร่างหนึ่งของมกุฎเต๋า ก็ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในแดนผู้สูงส่งอย่างพวกเขาสามารถต่อกรได้

“เยว่ฮว๋า บัดนี้อาจารย์รู้สึกเสียใจเล็กน้อยแล้ว เมื่อปีนั้นข้าไม่ควรกดอัดเจ้า แต่ควรสังหารเจ้าต่างหาก”

มกุฎเต๋าเทียนชูถอนหายใจเฮือกยาวอีกครั้ง “เดิมทีคิดว่าเมื่อผนึกกดอัดเจ้าแล้ว จะสามารถทำให้เจ้าคิดทบทวนความผิดพลาดของตัวเองดี ๆ ไม่นึกเลยว่าหลังจากเจ้าหลุดพ้นจากพันธนาการแล้ว ก็ยังคงทรยศอาจารย์อยู่ดี!”

“ตาแก่ ครั้นเมื่อเจ้าสังหารหลิงเฟิงด้วยฝ่ามือเดียว เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเจ้าก็ทรยศข้า?”

รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าประมุขเต๋าเยว่เทียนหายไป สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความเย็นยะเยือก รวมไปถึงความเกลียดชังที่มากล้นในแววตาที่งดงามคู่นั้น

อารมณ์รักทำให้คนคนหนึ่งเกิดความเกลียดแค้นได้ง่ายมาก ซึ่งประมุขเต๋าเยว่เทียนก็คือคนประเภทนี้นี่แหละ เมื่อหลายแสนล้านปีก่อน นางคบหาดูใจบุรุษคนหนึ่ง แม้นจะรู้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามคือคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลง นางก็ไม่มีความโกรธแค้นใด ๆ

แต่ว่าต่อมาตัวตนของหลิงเฟิงถูกเปิดโปง ซึ่งเป็นหนอนบ่อนไส้ที่มาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลง มกุฎเต๋าเทียนชูจึงทำการสังหารเขาด้วยน้ำมือตนเอง และเริ่มตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเช่นกัน จึงมีความเกลียดแค้นที่มากล้นกำเนิดขึ้นมาในใจประมุขเต๋าเยว่เทียน

นางไม่มีวันลืมเลยว่าเมื่อปีนั้นตนขอร้องอ้อนวอนอย่างไร แต่อาจารย์คนนี้ของตัวเองกลับไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย ทำการสังหารบุรุษที่นางรักอย่างราบคาบในฝ่ามือเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก วิญญาณสูญสิ้น!

……

หลัวซิวไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวฝั่งวังดับฟ้าอีก แต่เขาที่อยู่ในอาณากระบี่หวูจี๋ก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า หาเวลาว่างเดินทางไปแดนสุขาวดีหนหนึ่ง

แดนสุขาวดีดูเหมือนจะเป็นสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่สอง ครั้นเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ครั้งแรกผลการฝึกตนยังค่อนข้างต่ำฌบ จึงไม่สามารถเสาะหาความลับที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด

แต่ตอนนั้นจอมเซียนหยุนเซวียนเคยบอกกับเขาว่า ภายในโลงศพเทวที่อยู่ในส่วนลึกของสถานฌาปนเป็นโลงเปล่า!

หลัวซิวเคยได้ยินจอมเซียนหยุนเซวียนบอกว่า จ้าววัฏสงสารในยุคสมัยแรกมีเล่ห์เพทุบายที่ยิ่งใหญ่มาก เหมือนเขากำลังฝึกวรยุทธ์บางอย่างอยู่

ตั้งแต่จ้าววัฏสงสารยุคที่สองตลอดจนยุคที่เก้าในภายหลัง ล้วนเป็นของบำรุงของเขา

แล้วเมื่อปีนั้นสาเหตุที่จอมเซียนหยุนเซวียนไล่ล่าเมิ่งเชียนชางนั้น ก็เป็นเพราะเมิ่งเชียนชางเป็นผู้สืบทอดของจ้าววัฏสงสารยุคที่เก้า นางต้องการกำจัดเมิ่งเชียนชางทิ้ง เพื่อที่จะทำให้วรยุทธ์ที่จ้าววัฏสงสารยุคแรกฝึกไม่บรรลุผล

“ที่แท้ก็เป็นโลงเปล่าจริง ๆ ด้วย”

ครั้งนี้หลัวซิวได้เข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของแดนสุขาวดี โลงศพเทวที่ลอยอยู่ในแรงเต๋าวัฏสงสารถูกเขาเปิดออก ซึ่งภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

นี่จึงทำให้เขาเริ่มเชื่อคำพูดของจอมเซียนหยุนเซวียน ตั้งแต่ที่จากลากันในแดนเซียนนอกนภา เขาก็ไม่เคยพบสตรีที่มีความเป็นมาลึกลับนั่นอีกเลย

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางเติบโตหรือยัง”นึกย้อนกลับไปถึงสภาพที่ยังเป็นเด็กน้อยเจ็ดแปดขวบของแดนเซียนนอกนภา หลัวซิวก็รู้สึกน่าขำเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีแดงที่อยู่ไกลถึงโลกใต้ดินก็จามครั้งหนึ่ง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความมึนงง

“มีคนแอบพูดลับหลังข้าหรือ?”หญิงสาวเบ้ปาก ใช้มือเท้าสะเอว ดวงตาที่งดงามคู่นั้นจ้องมองไปยังโพรงใต้ดินหนึ่งแห่ง ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วถาม: “ศิษย์พี่รอง ท่านไม่ออกมาใช่ไหม? ไม่นึกเลยว่าท่านจะมีนิสัยแบบเดียวกับเจ้านอกนภาและเทียนชูนั่นเลยนะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ