เพียงพริบตาสิบวันได้ผ่านพ้นไป เมื่อหลัวซิวออกมาจากหุบเขาสยบปีศาจ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งในใจ คิ้วของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
เพราะระดับวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับการอัพเกรดจากช่องจิตเป็นญาณเทวมานานแล้ว ดังนั้นจิตญินของเขาจึงค่อนข้างอ่อนไหวมากกว่านักยุทธ์ธรรมดา บางครั้งการเตือนของจิตญินนั้นทําให้เขารู้สึกถึงการมีอยู่ของวิกฤตได้
“หรือว่าท่ามกลางผู้อาวุโสของอาณากระบี่หวูจี๋จะมีไส้ศึกอยู่จริง ๆ?”
ใบหน้าของหลัวซิวมืดมนลง คําทํานายที่ไม่ดีเท่าใดนักประเภทนี้ ทําให้ความสงสัยในใจของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสสาดเข้ามาในสมองของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนใดเป็นคนทรยศแม้แต่ผู้เดียว
“แม้ว่าจะเป็นลางสังหรณ์จากจิตญิน แต่ก็ไม่ได้รุนแรง ครานี้ถึงแม้จะมีคนอยากรอบโจมตีข้าในระหว่างทางไปเมืองต้าฮวงโบราณ ก็ไม่น่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งออกโรงเอง”
หลัวซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้าวขึ้นไปในอากาศทันทีโดยไม่ลังเล เดินไปที่ด้านนอกของสำนักธรณีของอาณากระบี่
ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งไม่ใช่พวกหน้าใหม่ ครั้งก่อนที่ลอบโจมตีตนทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลงถึงกับเสียชีวิต ดังนั้นตราบใดที่ไม่ใช่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง หลัวซิวจึงไร้ซึ่งความเกรงกลัว
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อร่างของหลัวซิวออกมาจากธรณีสำนักของอาณากระบี่ มีสายลับจำนวนมาที่ซ่อนตัวอยู่นอกธรณีสำนัก รวมถึงผู้ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของเขาต่างก็สังเกตเห็น
ท่ามกลางอนัตตาที่ห่างออกไปไกลแสนไกล มีร่างของนักยุทธ์แดนมกุฎเทพวัฏจักรหกจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น สายตาจับจ้องมายังร่างของหลัวซิวจากที่ไกล ๆ
แต่ว่าคนพวกนี้กลับไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เพราะตามรายงานที่มีของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่า รายงานว่าพลังรบของหลัวซิวสามารถเทียบเท่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นใกล้กับธรณีสำนักอาณากระบี่ถึงเพียงนี้ ช่างไม่เหมาะสมในการลงมือเอาเสียเลย“หลัวซิวปรากฏตัวแล้ว!”
“รีบไปทูลต่อผู้อาวุโส!”
“……”
ข่าวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหลัวซิวก็สังเกตเห็นคนเหล่านี้เช่นกัน แต่เขาไม่สนใจและเดินไปข้างหน้าโดยไม่รีบไม่ร้อน
“พวกที่พาตนเองมาตายช่างมากมายเสียจริง”
เมื่อเวลาผ่านไป หลัวซิวรู้สึกว่ามีคนปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ปรากฏตัวขึ้นเลย
ถึงอย่างไรเบื้องหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้น โดยปกติผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ต่างก็มีเรื่องที่สำคัญที่ต้องทำ
อีกทั้งตามเนื้อหาในรายงาน พลังรบของหลัวซิวก็เป็นเพียงแค่เทียบเท่ากับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด เคยถูกจักรพรรดิเทพทั้งสี่ของจ่างเทียนตี้ร่วมมือกันล้อมโจมตีถึงกับเกือบตาย เพราะฉะนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าจึงได้ส่งจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดจำนวนมากมาเพื่อลงมือ
ส่วนทางด้านสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลง เป็นเพราะการปิดกั้นของพื้นโลกดารา ดังนั้นข้อมูลใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับหลัวซิวจึงยังไม่ถูกส่งไปถึง
“ปัง!”
โดยไม่มีการเตือนใด ๆ อนัตตาที่ด้านบนศีรษะของหลัวซิวก็แตกออก มือขนาดมหึมาที่น่ากลัวตกลงมาจากอากาศบาง นิ้วทั้งห้าของมือนั้นกลายเป็นห้ามังกรโลหิตที่น่าหวาดกลัว ปากของมันถูกกัดลงไปที่ศีรษะของเขา
เพียงแค่การประจันหน้าครั้งเดียวเท่านั้น ร่างของหลัวซิวก็ถูกทึ้งจนแหลกสลายเป็นฝุ่นผง
“ตายง่าย ๆ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดคนหนึ่งของชนเผ่าเฉว่ซ่าชะโงกหน้าออกมาจากอนัตตา มองร่างที่แหลกสลายของหลัวซิวด้วยแววตาประหลาดใจ เมื่อครู่เขาเพียงแค่ลองเชิงดูเท่านั้น ไม่ได้คาดคิดจริง ๆ ว่าจะสามารถกำจัดเจ้าหนุ่มที่มีพลังรบเทียบเท่าจักรพรรดิเทพผู้นี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
แต่จากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแห่งชนเผ่าเฉว่ซ่าผู้นี้แววตาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจขึ้นมา เพราะร่างของหลัวซิวที่ถูกฉีกกระชากนั้นจนแหละนั้นกลับค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ จากนั้นจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่ได้การ! นั่นคือเงาลวง ความเร็วของเขาช่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว ทิ้งเพียงเงาลวงเอาไว้ตรงที่เดิม ทั้งยังสามารถทำให้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นร่างจริงได้อีกด้วย!”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าท่านนี้ตกใจจนหน้าถอดสี ความเร็วที่เร็วมากจนปรากฏเป็นเศษเงานั้นทำได้ไม่ยาก สิ่งที่ยากคือเศษเงาที่เหลือไว้สามารถทําให้คนเข้าใจผิดคิดว่าร่างจริงได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สูงมากทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด แม้แต่เขาเองก็ยังมองไม่ออกว่านั่นคือเศษเงา เห็นได้ชัดว่าความเร็วของหลัวซิวนั้นแท้จริงแล้วมันรวดเร็วถึงเพียงใด
“มหาค่ายผึกจิตแสงเลือด!”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าท่านนี้คำรามออกมาเสียงดังลั่นทันใดนั้นแสงเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็พวยพุ่งออกมา กลายเป็นค่ายกลขนาดมหึมา ครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่กว่าหมื่นลี้
“ทำลาย!”
ทันใดนั้นเสียงที่ไม่เฉยชาก็ดังขึ้น จากนั้นมือขนาดมหึมาที่หลอมรวมด้วยแสงเซียนก็ปกคลุมท้องฟ้า ภายใต้การบดขยี้ของฝ่ามือ แสงเลือดที่ไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็ถูกทําลายและสลายไป
“นี่มันพลังอมตะอะไรกัน?”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าหน้าถอดสี เห็นเพียงแค่มหาค่ายผึกจิตแสงเลือดที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพยังไม่ทันได้สำแดงฤทธิ์เดช ก็ถูกมือฝ่ามือแสงเซียนทำลายจนสิ้น ค่ายขนาดมหึมาแหลกสลาย!
ฝ่ามือของตรามหาหัตถ์ราชาเซียน หลัวซิวสวมชุดสีดำตัวตรงอยู่ ดวงตาที่เย็นชามองไปยังจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดอย่างไม่แยแส
“ตาย!”
ในเวลานี้เอง ตราประทับสีดําขนาดใหญ่ฝ่าทะลุอนัตตาออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
หลัวซิวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จากนั้นตราประทับสีดำสนิทก็กระแทกลงบนศีรษะของเขาอย่างแรงด้วยเสียงที่ดังสนั่น
ไม่มีฉากสาดเลือดตามที่คาดไว้ ตราประทับสีดำสนิทถูกดีดกระเด็นออกไปอย่างสูง ส่วนศีรษะของหลัวซิวกลับสะอาดเอี่ยมอ่อง แม้แต่ร่องรอยแผลแม้แต่เสี้ยวเล็บยังไม่มี
“กะโหลกหนาเสียจริง!” เสียงหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตกใจดังออกมาจากอนัตตา จากนั้นจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก็พลันปรากฏกายขึ้นมา
แต่แล้ว จักรพรรดิเทพวิถีมารผู้นี้ที่เพิ่งปรากฏตัว แสงเซียนลำแสงหนึ่งก็พุ่งไปเพียงชั่ววินาที มาถึงตรงหน้าของเขา
“ผุ!”
แสงเซียนราวกับกระบี่ แทงทะลุห้วงจักรของเขาอย่างง่ายดายถึงที่สุด ตรงเข้าไปสังหารช่องจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายในตัวหยั่งรู้
“ไม่ได้การ!”
เมื่อจักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าวัฏจักรเจ็ดท่านนั้นเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าแสดงความตื่นตกใจ และปฏิกิริยาแรกของเขาคือการหันหลังกลับและหนีไป
แต่ในขณะที่เขากําลังจะเคลื่อนไหว ตรามหาหัตถ์ราชาเซียนที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ร่วงลงมา และบดขยี้ร่างกายของเขาเป็นกลายเป็นผุยผง
ในพริบตาสองผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดต่างเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลัวซิว
อาจกล่าวได้ว่า สำหรับหลัวซิวในวันนี้ จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแดนที่ยิ่งใหญ่นี้แทบไม่มีใครสามารถคุกคามเขาได้ ถ้าหากคนของชนเผ่าเฉว่ซ่าและคนของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจได้รู้เรื่องจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งสิบแปดคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงต่างตายด้วยน้ำมือของหลัวซิว พวกเขาย่อมไม่มีทางส่งผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมาตายเปล่าอย่างแน่นอน
“ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน กล้าดียังไง!”
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนั้น ในที่สุดผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของชนเผ่าเฉว่ซ่าและแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก็ออกโรงแล้ว
คนแรกที่ลงมือ ก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ คนผู้นี้มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ชื่อเสียงเลื่องลือ หลัวซิวก็ยังเคยได้ยินชื่อนี้ด้วย
มังกรพิษสีแดงเลือดเก้าตัวหมุนตัวบินไปมา ตรึงอนัตตารอบ ๆ เอาไว้ เมื่อครู่จักรพรรดิเทพชนเผ่าเฉว่ซ่าที่ถูกหลัวซิวบดขยี้ด้วยมือขนาดมหึมาจนตายนั้น ก็คือศิษย์ของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...