มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2895

เมืองต้าฮวงโบราณ กงล้อเทพนับหมื่นทะยานนภา กองกำลังจากทั่วทุกสารทิศรวมตัว หารือวิธีรับมือการยั่วยุประกาศศึกของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่ซ่า

และวันนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นวันที่ไม่อาจสงบได้ อันดับแรกคือมีเรื่องเกิดขึ้นที่ตำหนักหลักตำหนักหลักเมืองอย่างต่อเนื่อง

หลังจากตอนที่ตู๋กูได้พาหลัวซิวกับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจากไป ไม่นานสักเท่าไรนัก ก็ได้มีข่าวอย่างหนึ่งกระจายไปทั่วปฐพี

สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ถูกล้างสำนักแล้ว!

ฮวงจวินที่ถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลกร้าง ได้หลบหนีไปแล้ว!

เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ต่างพากันตกตะลึงไปทั้งโลก

“สวรรค์ เป็นไปได้อย่างไร? นั่นเป็นผู้สูงส่งแห่งโลกร้าง อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศเชียวนะ......”

คำวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด กองกำลังต่าง ๆ ในปฐพีต่างพากันตื่นตระหนกขั้นมา

สุดยอดแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ยังถูกคนกำจัดไปได้ แล้วจะไม่ให้ตระกูลสำนักอื่น ๆ รู้สึกถึงอันตรายได้อย่างไร?

“ใคร? เป็นฝีมือของใครกัน?”

แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่ซ่าเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างก็ตะลึงงันไม่น้อย ภายใต้สถานการณ์ที่ประมุขเต๋าจะไม่ลงมือโดยง่ายอย่างในปัจจุบัน นับได้ว่าผู้แกร่งเลิศแทบจะไร้เทียมทานอยู่แล้ว

เดิมทีแผนการระดมพลโจมตีเมืองต้าฮวงโบราณในเวลาอันใกล้ ก็ถูกยกเลิกชั่วคราว เพราะข่าวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

“เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันขึ้นในโลกร้าง ทำให้โลกาฟ้าดินหลิงหลงกับโลกาเทพมังกรไท่ชูส่งยอดฝีมือมาช่วยเพิ่มมากขึ้น”

จ้าวปีศาจเทียนหยางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ และบรรพอาจารย์ของชนเผ่าเฉว่ซ่าได้ทำการตัดสินใจหลังจากพบปะหารือกัน

การปะทุของสงครามถูกเลื่อนออกไป แต่ทั่วทั้งโลกร้างก็ยังคงตกอยู่ในสถานการณ์คลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ

......

หอคอยเล็ก ๆ สีทองลอยอยู่บนฝ่ามือข้างขวาของหลัวซิว หอคอยฮวงดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ในตัวหยั่งรู้ที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของเขาแปลงเป็นลำแสงสีทองลอยออกมา พุ่งจมลงไปในหอคอยเล็กสีทองหลังนี้

หอคอยเล็กสีทองหลังนี้ ก็คือหอคอยฮวงนั่นเอง สมบัติที่เกิดจากการบ่มเพราะของธรรมดั้งเดิมชิ้นหนึ่ง หากแสดงอานุภาพออกมาอย่างเต็มที่ มันร้ายกาจยิ่งกว่าสมบัติแห่งมกุฎเต๋าเสียอีก เป็นลองแค่ภัณฑ์เซียนในตำนาน

กระทั่งที่ว่าเมื่อเทียบกับภัณฑ์เซียนในตำนานแล้ว สมบัติที่เกิดจากการบ่มเพราะของธรรมดั้งเดิมอย่างหอคอยฮวง ความจริงแล้วมีศักยภาพในการเติบโตสูงยิ่งกว่า หากผู้ครอบครองหอคอยฮวงบรรลุเป็นเซียน มันก็จะเลื่อนขั้นตาม กลายเป็นมณีวิถีเซียน ธรรมเวชกาลร้างที่แฝงอยู่ในหอคอยฮวง ก็จะเพิ่มระดับขึ้นตาม กลายเป็นวิถีเซียนอย่างหนึ่ง

“ช่างเป็นของดีชิ้นหนึ่งจริง ๆ”

หลัวซิวมือประคองหอคอยฮวง รักจนไม่อาจวางมือ เตาอลวนหวูจี๋ที่เขาเห็นเป็นที่พึ่งสูงสุดตลอดเวลามานั้น เมื่อเทียบกับหอคอยฮวงแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับการเอาเม็ดฝุ่นมาเปรียบเทียบกับก้อนทอง ทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากผลการฝึกตนของหลัวซิวผู้เป็นเจ้าของหอคอยฮวง อานุภาพโดยส่วนมากของหอคอยฮวงจึงถูกผนึกตัวเอง ทว่าอาศัยความแข็งแกร่งของพลังวิถีเซียน หลัวซิวก็ยังคงแสดงอานุภาพที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเตาอลวนหวูจี๋ของหอคอยฮวงออกมาได้

เขาประเมินว่าการโจมตีหนึ่งครั้งที่ถูกขับเคลื่อนออกมาจากหอคอยฮวง คงมีอานุภาพที่ไล่ทันการของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายแล้ว

จักต้องรู้ว่าพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเขา เทียบเท่าได้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นปฐมภูมิ หรืออาจเหนือกว่านั้นอีกนิดหน่อย มีสมบัติที่ทรงพลังยิ่งกว่าในมือ ความสามารถโดยรวมจึงเพิ่มขึ้นมาอีกสองแดนเล็ก!

“โชคดีที่ข้าฝึกฝนวิถีกระบี่แต่ไม่ใช่ธรรมเวชกาลร้าง มิเช่นนั้นคงถูกเจ้าอิจฉาตาร้อนตายแน่” ตู๋กูกล่าวหยอกล้ออยู่ข้าง ๆ

“ยินดีด้วยขอรับเจ้าสำนักน้อย!”

จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนได้มองหลัวซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แสดงคำนับด้วยความเคารพ

เจ้าแดนแข็งแกร่งมากแล้ว ส่วนเจ้าสำนักน้อยผู้นี้ก็เหมือนจะไม่ธรรมดา ยอดอัจฉริยะผู้ครอบครองหอคอยฮวงหากเติบโตขึ้นมา ในอนาคตจักต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าแดนอย่างแน่นอน

“ครั้งนี้ต้องขอคุณศิษย์พี่มาก” หลัวซิวยิ้มระรื่นพลางเก็บหอคอยฮวงเข้าไปตรงกลางระหว่างคิ้ว

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก หากไม่ใช่เพราะหอคอยฮวงยอมรับเจ้าเป็นผู้ครอบครอง ข้าก็ไม่อาจช่วยแย่งมันมาให้เจ้าได้”

ตู๋กูยิ้มพลางตบไหลหลัวซิว “อาจารย์ต้องการพบเจ้า กลับไปกับข้าเถิด”

ระหว่างที่พูดนั้น ตู๋กูได้ให้จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนพากันกลับตระกูลสำนักของตนเองก่อนคอยรอฟังคำสั่งการ จากนั้นเขาก็พาหลัวซิวกลับหุบเขากระบี่ แล้วอาศัยค่ายวาร์ปที่ค่อนข้างแปลกประหลาดนั่น มายังโลกาอนัตตาอู๋จี๋อีกครั้ง

บนภูเขาอนัตตาอู๋จี๋ หลัวซิวได้พบกับศิษย์พี่ที่ชื่อหยุนอี้คนนั้นอีกครั้ง

“ศิษย์น้องตู๋กู ในที่สุดเจ้าก็บรรลุแดนวิถีเซียนขั้นสูงแล้วหรือ? บรรลุประมุขเต๋าคงอีกไม่นาน!”

เมื่อหยุนอี้เห็นตู๋กู ก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงบนร่างของเขาในทันที จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แดนธรรมดั้งเดิมขั้นสูง หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การได้กลายเป็นประมุขเต๋านั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

“ศิษย์พี่หยุนอย่าหัวเราะเยาะข้าอีกเลย เทียบกับศิษย์พี่แล้ว ข้ายังห่างอยู่มากนัก” ตู๋กูกล่าวพลางเกาศีรษะอย่างเขินอาย

แม้ว่าผลการฝึกตนของเขาจะบรรลุแดนผู้สูงส่งขั้นสูงแล้ว แถมวิถีกระบี่ยังบรรลุแดนขั้นสูงอีกด้วย แต่สำหรับศิษย์พี่หยุนอี้ผู้นี้ เขามองไม่ออกถึงความตื้นลึกเลยสักนิด

“แน่นอนสิ เจ้าคิดตามข้าให้ทัน ยังต้องฝึกฝนอย่างหนักอีกหลายหลานปีถึงจะได้” หยุนอี้หัวเราะพลางตบไหล่ของตู๋กู

เขาพูดอย่างไม่แกรงใจเลยสักนิด ทว่าตู๋กูกลับไม่รู้สึกกระดากใจเลย เพราะเขาทราบดีว่าที่ศิษย์พี่หยุนอี้กล่าวมานั้นเป็นความจริง

ศิษย์ของมกุฎเต๋ามีความรู้แจ้งเป็นอันดับหนึ่ง ชื่อเสียงเช่นนี้มิได้กล่าวเล่น ๆ เท่านั้น ไม่พูดถึงความสูงต่ำของผลการฝึกตน แค่พูดถึงแดนแห่งเต๋า ในบรรดาลูกศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ หยุนอี้เป็นอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้ง

“ศิษย์น้องเล็ก? ไม่เลวนี่ ผลการฝึกตนรุดหน้าเร็วเช่นนี้เชียว?”

จากนั้น สายตาของหยุนอี้ก็สังเกตเห็นหลัวซิว ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจ

ตู๋กูปิดขังฝึกตนครั้งหนึ่งทำให้ผลการฝึกตนและแดนฝึกตนต่างเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น หยุนอี้กลับไม่ได้แสดงท่าทางอะไรเป็นพิเศษเลยสักนิด ทว่าหลัวซิวกลับทำให้เขามีท่าทางเช่นนี้ เป็นที่ประจักษ์ว่าระยะนี้เขาเปลี่ยนไปมากเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ