มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2902

แดนบรรพกาลเป็นสถานที่ที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งภายในมีดินแดนเก่ายุคไท่ชู

และเรื่องนี้ยังเป็นเพียงจุดที่เล็กน้อยที่สุดของแดนบรรพกาลเท่านั้น ตกลงภายในสถานที่ดังกล่าวมีความลับที่น่าทึ่งมากเพียงใดซ่อนอยู่นั้น เกรงว่าก็มีเพียงเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าในยุคปัจจุบันเท่านั้นแหละที่พอทราบอยู่บ้าง

ทูตเพ้าขาวกำลังควบคุมหุบเขาอสูรฟ้า และได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากจ่างเทียนตี้ ซึ่งเนื้อหาที่กล่าวถึงในข่าวสารก็มีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพกาล

ในเวลาเดียวกัน เมืองต้าฮวงโบราณกลับมาพร้อมกับชัยชนะ จากการที่ยึดครองดินแดนที่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าเคยแก่งแย่งไปกลับมา ตระกูลสำนักทั้งหลายก็ได้รับดอกผลที่ไม่น้อยเลย

สงครามดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว ทว่ากลับเป็นเพียงความสงบชั่วขณะเท่านั้น

ภายในหุบเขาอสูรฟ้า ทูตเพ้าขาวเสกหยกแขวนออกมาหนึ่งชิ้น เห็นเพียงบนหยกแขวนดังกล่าวมีรัศมีเทวลอยวนเวียนเป็นเกลียวขึ้นไป ก่อนจะผนึกรวมกันเป็นเงาลวงของมนุษย์ร่างหนึ่ง

ซึ่งเจ้าของเงาลวงดังกล่าวก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงนั่นเอง!

“แดนบรรพกาลจะเปิดออกแล้ว การปฏิบัติการในครั้งนี้ ฝั่งจ่างเทียนตี้จักเป็นผู้นำหลัก เจ้ารับผิดชอบนำพาผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาการ มุ่งหน้าไปรวมตัวกับผู้คนในจ่างเทียนตี้ที่จุดนัดพบ”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงออกคำสั่ง

“รับทราบ!”

เมื่อได้รับการยอมรับจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง นี่จึงทำให้ทูตเพ้าขาวยืนยันแล้วว่าข่าวคราวที่ส่งมาจากฝั่งจ่างเทียนตี้เป็นความจริงจริง ๆ

“ว่าอย่างไรนะ? จะไปแดนบรรพกาล?”

เมื่อผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทูตเพ้าขาวทราบว่าจะไปแดนบรรพกาล ผู้ที่มีปฏิกิริยาใหญ่โตที่สุดย่อมต้องเป็นจ้าวปีศาจเสวียนหยิน จ้าวปีศาจเทียนหยางแล้วก็บรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าอยู่แล้ว

สามารถพูดได้เลยว่าแดนบรรพกาลเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในโลกร้าง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ทำได้เพียงวนเวียนอยู่บริเวณรอบนอกแดนบรรพกาล ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปภายในง่าย ๆ

“ไยจึงต้องไปแดนบรรพกาล?”

สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน ครั้นเมื่อเขายังเป็นผู้สูงส่งโลกร้าง เคยฝ่าฟันเข้าไปในแดนบรรพกาลหลายครั้งด้วยผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศ ซึ่งมีอยู่สองครั้งที่เขาเกือบเสียชีวิตอยู่ภายใน!

ลองคิดดูว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้แกร่งเลิศยังเกือบเสียชีวิตอยู่ภายในเลย แล้วภายในแดนบรรพกาลจักอันตรายมากเพียงใด?

“ขณะที่แดนบรรพกาลยังไม่เปิดออก มันย่อมต้องอันตรายอย่างยิ่งอยู่แล้ว ทว่าทันทีที่เปิดออก อันตรายที่อยู่ภายในก็จะลดน้อยลงเยอะมาก ๆ”ทูตเพ้าขาวกล่าวเช่นนี้

“หมายความว่าอย่างไร?”พวกผู้สูงส่งอัมพรเทวต่างแสดงสีหน้ารู้สึกสงสัย

“ความหมายนั้นง่ายมาก ๆ แม้นอดีตพวกเจ้าจะเคยฝ่าฟันเข้าไปในแดนบรรพกาล แต่เนื่องจากขณะที่พวกเจ้าเข้าไป แดนบรรพกาลไม่ได้เปิดออกเองโดยธรรมชาติ ส่วนปัจจุบันเราจักมุ่งหน้าไปยังแดนบรรพกาลเพราะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งครั้งนี้แดนบรรพกาลได้เปิดออกเองโดยธรรมชาติ”

“ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าต้องรอกี่ปีแดนบรรพกาลถึงจะเปิดออกหนึ่งหน แต่ทว่าทุกครั้งที่แดนบรรพกาลใกล้จะเปิดออก ผู้มีศักยภาพต้องได้รับโอกาสดี ๆ อย่างแน่นอน”

ทูตเพ้าขาวอมยิ้ม “ยกตัวอย่างเช่นผู้สูงส่งรุ่นก่อนในโลกร้างของพวกเจ้า มหาเทพเสินหวงนั่นก็เข้าไปภายในแดนบรรพกาลเมื่อครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเช่นกัน อีกทั้งนำดินแดนเก่าในยุคไท่ชูออกมาจากภายในหนึ่งผืน มาตรแม้นว่าหลังจากเขาดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ตระกูลเทียนฮวงอาศัยโชคจากแผ่นดินเก่าไท่ชู จนตั้งตระหง่านมาจนถึงปัจจุบัน มีการถ่ายทอดสืบสานที่ยาวนาน”

“สำหรับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่ามกุฎเต๋าแล้ว ภายในแดนบรรพกาลล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่ มากไปกว่านั้นคือแม้แต่โอกาสในการบรรลุผลบนวิถีเซียน ก็ใช่ว่าจะไม่มีในแดนบรรพกาลเสมอไป!”

หลังจากพูดคำพูดดังกล่าวออกมา พวกจ้าวปีศาจเทียนหยาง ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ต่างรู้สึกช็อกทันที

โอกาสในการบรรลุเป็นเซียน? นั่นต้องเป็นโชคที่ล้ำเลิศมากเพียงใดกันนะ!

……

ณ สถานบรรพบุรุษชนเผ่าฮวง

“แดนบรรพกาลจะเปิดออกแล้ว เจ้ามีแผนการอย่างไรบ้าง?”มกุฎเต๋าหวูจี๋มองไปทางบรรพจารย์ฮวง

“แค่ขั้นที่หนึ่งของแดนปริศนาไท่ชูเอง ไม่มีค่าพอที่จะให้ความสนใจมากเท่าไหร่นัก”บรรพจารย์ฮวงส่ายหน้า “มีประมุขเต๋าคนหนึ่งคอยคุ้มกันรักษาก็เพียงพอแล้ว นอกเสียจากแดนปริศนาขั้นที่สามเปิดออก ถึงจะมีสิทธิ์ให้เจ้าและข้าลงมือ”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีเงาร่างที่สูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏหน้าประตูใหญ่วิหารบรรพจารย์ คนดังกล่าวชันเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้นแล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม

“ฮวงโหว เจ้าเดินทางไปเมืองต้าฮวงโบราณเที่ยวหนึ่ง ขั้นแรกของแดนบรรพกาลที่จะเปิดออกในครั้งนี้ เจ้าเป็นผู้ไปคุ้มกันรักษาก็แล้วกัน”น้ำเสียงที่ผ่อนคลายของบรรพจารย์ฮวงดังขึ้น

“ขอรับ บรรพจารย์!”

ฮวงโหวตอบตกลงคำหนึ่ง ก่อนจะลุกตัวขึ้นแล้วก้าวเท้ายาวออกจากที่นี่

ในขณะเดียวกัน เมืองต้าฮวงกำลังให้รางวัลตอบแทนตามผลงานรายบุคคลอยู่ ครั้งนี้ได้โค่นล้มแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าของหุบเขาอสูรฟ้า จึงค้นและรีดไถทรัพยากรสมบัติจำนวนมากได้จากอาณาบริเวณที่กองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั่นยึดครอง

เมืองต้าฮวงโบราณย่อมไม่มีทางกลืนกินทรัพยากรสมบัติเหล่านี้คนเดียวอยู่แล้ว ตระกูลเทียนฮวง อาณากระบี่หวูจี๋รวมไปถึงตระกูลสำนักทั้งหลายก็ต้องได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเช่นกัน

และในเวลานี้เอง ก็มีพลังอำนาจอันน่าสยดสยองที่ลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้จุติลงมากะทันหัน ทำการแผ่คลุมทั้งเมืองต้าฮวงโบราณเอาไว้!

วินาทีนี้ ราวกับธรรมในฟ้าดินสั่นสะเทือนจนเสียงดังเลื่อนลั่น ภายใต้การกดอัดจากพลังอำนาจดังกล่าว ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงความต่ำต้อยและความเล็กน้อยของตัวเอง เหมือนเผชิญหน้ากับทั้งฟ้าดินยังไงอย่างนั้น

ประมุขเต๋าฮวงโหวที่ร่างกายสูงใหญ่จุติลงมายังตำหนักหลักของตำหนักหลักเมืองโดยตรง เมื่อเขาปรากฏ พวกเจ้าเมืองต้าฮวงก็ต่างพากันลุกขึ้นยืน

“บรรพอาจารย์!”ผู้สูงส่งทั้งหกที่กำเนิดจากชนเผ่าฮวง รวมไปถึงเจ้าเมืองต้าฮวงต่างพากันคุกเข่าลงพื้น ทำท่าคารวะอย่างเคารพนอบน้อม

มีเพียงผู้สูงส่งเทียนฮวงที่แววตาเหม่อลอย ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอะไรยังไง

แต่ทว่าดูจากพลังอำนาจขณะบรรพอาจารย์ท่านนี้มาเยือน รวมไปถึงลักษณะท่าทีที่เคารพนอบน้อมสุดฤทธิ์ของพวกเจ้าเมืองต้าฮวง หรือจะเป็นประมุขเต๋า?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ