มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2903

ความเร็วในการโบยบินของเมืองต้าฮวงโบราณรวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ดาราจักรวาลที่มืดมนเย็นเยือกกว้างใหญ่มากเกินไป ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเดินทางมาก่อน มันกลับจะทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านบนรู้สึกว่าเมืองต้าฮวงโบราณไม่ได้เคลื่อนที่แต่อย่างใด

แดนบรรพกาลไม่ธรรมดามาก ๆ สำหรับสถานที่ที่ลึกลับแห่งนั้น หลัวซิวในอดีตชาติก็เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันเช่นกัน เนื่องจากเขาเคยไปที่ดังกล่าวมาก่อน

ภายในแดนบรรพกาลเต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งอันตรายต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็มีโชคโอกาสจำนวนมากด้วย ยกตัวอย่างเช่นของขลังพรสวรรค์อย่างเตากลั่นนภาจื่อเซียว ก็เป็นหนึ่งในสมบัติที่เขาได้รับจากแดนบรรพกาลนี่แหละ

หากเป็นอดีต ขอแค่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าเป็นต้นไปก็มีคุณสมบัติที่สามารถเข้าไปสำรวจในแดนบรรพกาลได้แล้ว ในยุคสมัยที่ไท่ซ่างฉิงคงอยู่ ครั้นเมื่อแดนบรรพกาลเปิดออกก็มีเทพมารระดับเก้าจำนวนมากได้รับโชคโอกาสจากแดนบรรพกาลไม่น้อยเลย ตลอดจนได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่เก่าแก่

แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้จะอยู่ในสภาวะที่แดนบรรพกาลเปิดออก แล้วความอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจะลดลงเยอะมาก ๆ ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากภายในได้นั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่หาพบได้ยากมาก

สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่าการเปิดออกของแดนบรรพกาลในครั้งนี้ บวกกับเนื่องจากมหันตภัยใกล้จะมาเยือน ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าจะมีคนตายอยู่ด้านในเท่าไหร่

ถึงแม้เงื่อนไขขั้นต่ำในการเข้าไปในแดนบรรพกาลต้องมีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้า ทว่าในบรรดากลุ่มคนที่ประมุขเต๋าฮวงโหวพามาในครั้งนี้ ผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำสุดก็อยู่ที่มกุฎเทพหกกงล้อ!

ยิ่งกว่านั้นคือในมุมมองของหลัวซิว มกุฎเทพหกกงล้อก็ดี จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อก็ช่าง ล้วนเป็นเพียงทหารที่มาตายฟรีเท่านั้นแหละ

แดนบรรพกาลตั้งอยู่ในส่วนลึกของห้วงดาราโลกร้าง มาตรแม้นว่าจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของเมืองต้าฮวงโบราณ ก็ใช้เวลาเกือบสามวันเช่นกันถึงจะมาถึงทางเข้าของแดนบรรพกาล

สถานที่ดังกล่าวเป็นกลุ่มดาวปานตรีภพ รูปร่างลักษณะของกลุ่มดาวเหมือนระลอกคลื่น ซึ่งมันกำลังโคจรด้วยระดับความเร็วที่คงที่ ตรงจุดศูนย์กลางของกลุ่มดาวระลอกคลื่น มีแสงดาวที่งดงามผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง และมีรูปร่างลักษณะของประตูหนึ่งบานปรากฏลาง ๆ

ขอแค่เป็นผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับแดนบรรพกาลก็ล้วนจะทราบว่า ประตูแห่งแสงดาวที่ตั้งอยู่กลางกลุ่มดาวระลอกคลื่นก็คือทางเข้าของแดนบรรพกาล

เมื่อกลุ่มดาวระลอกคลื่นหยุดโคจร ประตูแห่งแสงดาวก็จะเปิดออก

“โครม!”

ทันใดนั้นเอง ก็มีคลื่นพลังที่มโหฬารพันลึกย่างกรายมา ถัดจากนั้นคูเมืองที่มืดสนิทปานหมึกก็ฉีกกระชากอนัตตา แล้วปรากฏในละแวกใกล้เคียงของกลุ่มดาวระลอกคลื่นเช่นกัน ซึ่งห่างจากเมืองต้าฮวงโบราณหลายร้อยล้านลี้

“เมืองหวูยวน?!”

กลางเมืองต้าฮวงโบราณ รูม่านตาของประมุขเต๋าฮวงโหวหดลงกะทันหัน

“เมืองหวูยวนคืออะไร? เหตุใดจึงทำให้ประมุขเต๋าฮวงโหวให้ความสำคัญมากเช่นนี้?”

“หรือจะเป็นเครื่องยุทธนาการที่สามารถเทียบทัดเมืองต้าฮวงโบราณ?”

“......”

เมื่อเห็นประมุขเต๋าฮวงโหวแสดงสีหน้าที่ดูเข้มงวด ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

การที่มีคุณสมบัติถูกเรียกว่าเครื่องยุทธนาการได้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นสมบัติระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ยกตัวอย่างเช่เรือรบอสูรร้าง หรือหุ่นเชิดมังกรอสูรสีดำที่หุบเขาอสูรฟ้าส่งออกมาเมื่อคราวก่อน

สิ่งที่เครื่องยุทธนาการแตกต่างจากของขลังอาวุธเทพมากที่สุดก็คือ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์แดนต่ำก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพของเครื่องยุทธนาการออกมาได้เช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่เรือรบอสูรร้างระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ขอแค่จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งเป็นกำลังหลัก มกุฎเทพหกกงล้อและราชาเทพเก้ากงล้อจำนวนมากเป็นกำลังเสริม ก็สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่เทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อออกมาได้อย่างง่ายดายแล้ว

ถ้าเกิดไม่มีเรือรบอสูรร้าง จากพลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ แค่พลังอมตะวิชาเดียวก็สามารถขจัดคนทั้งหมดนี้ให้สิ้นซากได้แล้ว

สวนชนเผ่าฮวง รวมไปถึงกองกำลังที่มีการถ่ายทอดสืบสานลึกลับเก่าแก่ ยังมีเครื่องยุทธนาการที่ทรงพลังกว่าเรือรบอสูรร้างอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเมืองต้าฮวงโบราณ แล้วก็เมืองหวูยวนสีดำมืดปานหมึกนี่

เมืองต้าฮวงโบราณเคยผ่านพ้นมหันตภัยแห่งการทำลายล้างในยุคต้าเหยียนมาก่อน เป็นเครื่องยุทธนาการระดับประมุขเต๋า ซึ่งต้องใช้มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อและมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อจำนวนมากร่วมมือกัน ถึงจะสามารถฟื้นฟูพลานุภาพทั้งหมดของมันกลับมาได้โดยสิ้นเชิง

ส่วนเมืองหวูยวนก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน แม้นมันจะไม่เก่าแก่ปานเมืองต้าฮวงโบราณ ทว่ากลับมีชื่อเสียงด้านพลานุภาพที่โด่งดังมากเช่นกัน เล่ากันว่ามันถูกควบคุมโดยผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งของจ่างเทียนตี้

ส่วนประมุขเต๋าแห่งจ่างเทียนตี้นั่นก็คือประมุขเต๋าหวูยวน!

“ฮวงโหว! ข้ารู้อยู่แล้วว่าบรรพจารย์ฮวงต้องส่งเจ้ามาแน่นอน”

มีคลื่นความคิดที่มโหฬารพันลึกส่งออกมาจากเมืองหวูยวน

ภายในเมืองหวูยวน ประมุขเต๋าหวูยวนกำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ หลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่สิบวง ภายในทุก ๆ กงล้อเทพล้วนมีเหวลึกซ่อนอยู่หนึ่งแห่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่มองทะลุเข้าไปภายใน ก็ล้วนแต่จะรู้สึกเหมือนวิญญาณจะถูกดูดกลืนไปยังไงอย่างนั้น

การปฏิบัติการมุ่งเป้ามาที่แดนบรรพกาลในครั้งนี้มีจ่างเทียนตี้เป็นผู้นำ สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงรวมไปถึงเผ่ามังกรไท่ชูแค่ส่งจอมยุทธ์ส่วนหนึ่งมาให้การสนับสนุนเท่านั้น

นอกจากประมุขเต๋าหวูยวนจักมาเยือนด้วยตนเอง ข้างกายเขายังมีคนยืนอยู่อีกสองคน ซึ่งก็เป็นผู้แข็งแกร่งแห่งจ่างเทียนตี้เช่นกัน คนหนึ่งคือจอมมกุฎวัฏสมุทร ส่วนอีกคนหนึ่งคือจอมมกุฎวัฏนภา

ทั้งสองคนนั้นต่างเป็นผู้สูงส่ง อีกทั้งไม่ใช่ผู้สูงส่งทั่วไปด้วย แต่เป็นผู้สูงส่งช่วงปลาย

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ทูตเพ้าขาวและผู้สูงส่งอีกห้าคนก็ล้วนยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน

“หวูยวน ดูท่าจ่างเทียนตี้ของพวกเจ้าเลือกฝั่งตรงข้ามสินะ”สาเหตุที่สีหน้าอารมณ์ของประมุขเต๋าฮวงโหวดูเข้มงวดนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะเกรงกลัวศักยภาพของประมุขเต๋าหวูยวนแต่อย่างใด

แต่เป็นเพราะประมุขเต๋าหวูยวนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ซึ่งนี่ก็หมายความว่ากองกำลังอย่างจ่างเทียนตี้ที่อยู่เบื้องหลังเขาได้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว หรือได้ร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูแล้วนั่นเอง!

ต่อให้ไม่มีจ่างเทียนตี้ จากพลังของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด การที่จะต่อกรกับโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชู ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างลำบากแล้ว ศักยภาพด้อยกว่าหนึ่งระดับ ปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามกลับมีจ่างเทียนตี้เพิ่มเข้ามาเป็นพันธมิตรอีก จึงทำให้แรงกดดันฝั่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเพิ่มขึ้นเยอะมาก!

……

นอกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด กลางห้วงดาราแห่งหนึ่งที่ไม่ถือเป็นของโลกาใดโลกาหนึ่ง ซึ่งหน่วยองค์กรของจ่างเทียนตี้ก็ตั้งอยู่ที่นี่นี่แหละ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ