มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2904

ประตูแห่งแสงดาวเปิดออกแล้ว!

หลังจากใช้เวลาผนึกรวมกันมานานสองปี ประตูที่เก่าแก่บานหนึ่งก็ปรากฏกลางกลุ่มดาวระลอกคลื่น

และในขณะเดียวกัน การโคจรของกลุ่มดาวระลอกคลื่นก็หยุดลงเช่นกัน ประตูบานดังกล่าวเปิดออก ก่อนจะมีรัศมีที่ไร้ขอบเขตแย้มบานออกมา แวววาวจับตา ราวกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง

รัศมีที่ไร้ขอบเขตแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ส่องสว่างทั้งจักรวาลที่มืดหมดแล้วหนาวเย็น และดึงดูดสายตาฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณและเมืองหวูยวน

“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า……”

ประมุขเต๋าฮวงโหวรีบออกคำสั่งทันที เรือรบอสูรร้างทั้งหลายต่างบินออกมาจากเมืองต้าฮวงโบราณ จากนั้นก็มีเงาร่างมนุษย์ที่ถี่ยิบและผู้ที่ควบคุมของขลังโบยบินจำนวนมากผันร่างเป็นแสงกล พุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ฝั่งเมืองหวูยวนก็มีการเคลื่อนไหวในทันทีเช่นกัน หุ่นเชิดมังกรอสูรเปิดทาง เป้าหมายของทุกคนล้วนผนึกไปที่ประตูแสงดาวนั่น

ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายมาถึง ก็ต่างส่งผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อออกมาบนสนามรบทันที หลัวซิวเบิ่งมองออกไปไกล ๆ ก่อนจะมองเห็นจ้าวปีศาจเสวียนหยิน จ้าวปีศาจเทียนหยาง รวมไปถึงบรรพอาจารย์คนนั้นของชนเผ่าเฉว่ซ่าในขบวนของฝ่ายตรงข้าม

แต่ทว่าผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งไม่ได้ออกรบแต่อย่างใด อย่างไรเสียแดนบรรพกาลก็เพิ่งเปิดออก ซึ่งมีเพียงเขตบริเวณรอบนอกเท่านั้นที่ระดับความอันตรายมีการลดลง แม้นโชคโอกาสที่อยู่บริเวณรอบนอกจะมีไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือมีโอกาสส่งผลดีต่อผู้สูงส่งอย่างยิ่งด้วย ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความอันตรายที่ต้องเผชิญด้วยแล้ว มันกลับได้ไม่คุ้มเสียสักเท่าไหร่

อันที่จริงประโยชน์หลักของประมุขเต๋าฮวงโหวและประมุขเต๋าหวูยวนที่อยู่ในนี้หลัก ๆ คือการข่มขวัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือสังหารจอมยุทธ์แดนต่ำอย่างอุกอาจ แล้วทำให้พลังของฝ่ายตัวเองลดทอนลงไป

หลัวซิวย่อมต้องเข้าร่วมการปฏิบัติการในครั้งนี้อยู่แล้ว และเขาก็ทราบความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในแดนบรรพกาลเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความอันตรายแล้ว สิ่งที่เขาใส่ใจมากกว่าคือตนจะได้รับโชคและโอกาสระดับใด เขาจำเป็นต้องทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองยกระดับขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ อย่างน้อยสุดก็ต้องบรรลุถึงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูง

จากการที่ยิ่งอยู่ยิ่งประชิดใกล้ประตูแห่งแสงดาว กองทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายใกล้ไหลมารวมกันแล้ว และทันทีที่ทั้งสองฝ่ายไหลมารวมตัวกัน เช่นนั้นการเข่นฆ่าระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน

“ฆ่า!”

“ฆ่าพวกมันซะ!”

“......”

ศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ได้ปะทุขึ้นในทันที เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวที่นับไม่ถ้วนดังก้องไปทั้งห้วงดารา เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนมาเป็นล้านปีต่างปลดปล่อยรัศมีที่แวววาวที่สุดในชีวิตออกมา ต่อสู้อยู่บนสนามรบอย่างองอาจกล้าหาญ

บางทีถ้าเกิดไม่มีสงครามเช่นนี้ จากอายุขัยของพวกเขาสามารถคงอยู่ได้เป็นร้อยล้านปีเลย แต่ว่าเมื่อมหันตภัยแห่งความเป็นความตายของทั้งห้วงดารากำลังจะมาเยือน จึงไม่อาจมีผู้ใดหลบเลี่ยงได้เลย มีเพียงทำสงครามกันครั้งหนึ่ง ถึงจะมีโอกาสกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามได้โดยสิ้นเชิง!

“โครมคราม……”

อนัตตาแตกสลายอย่างต่อเนื่อง กองทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายราวกับเหล็กกล้าที่ซัดกระหน่ำเข้าด้วยกันดั่งกระแสน้ำ รัศมีจากพลังอมตะของขลังที่นับไม่ถ้วนระเบิด

พลังออร่าของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งหลายซัดสาด กงล้อเทพทั้งหลายที่สูงหลายพันเมตรลอยอยู่กลางอนัตตา พลานุภาพของกงล้อเทพทุกวงล้วนน่าสยดสยองอย่างยิ่ง อำนาจมโหฬารพันลึก

“นี่ก็คือสงคราม เมื่อจำนวนผู้แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อมีมากถึงระดับที่แน่นอน แม้แต่ข้าเองก็ต้องถดถอย”

ในเมืองหวูยวน สายตาของประมุขเต๋าหวูยวนเบิ่งมองไปทางสนามรบ แล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ทอดถอนใจเล็กน้อย

“โดยเฉพาะอนุกรมผู้สูงส่ง ยิ่งกว่านั้นคือผู้แกร่งเลิศขั้นสูงบางคนมีศักยภาพที่ไม่ด้อยกว่าประมุขเต๋าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของประมุขเต๋าหวูยวน เหล่าผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ล้วนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ช่วงระยะความต่างของหนึ่งแดนใหญ่ เป็นสิ่งที่สามารถทดแทนได้ด้วยจำนวนจริง ๆ หรือ?

มิหนำซ้ำการที่สามารถใช้ผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศต่อกรกับประมุขเต๋าได้นั้น ในโลกใบนี้มีคนประเภทนั้นคงอยู่จริง ๆ หรือ?

ในจำนวนคนทั้งหมดนี้ ผู้สูงส่งอัมพรเทวเป็นผู้ที่เข้าใจความรู้สึกนี้ดีที่สุดแล้ว เดิมทีเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอนุกรมผู้สูงส่งนี่แหละ แต่กลับเข้าใจดีอย่างลึกซึ้งเลยว่าตนที่อยู่ในสภาวะเฟื่องฟูที่สุดเป็นอย่างไร คาดว่าก็คงต้านทานการกดอัดด้วยนิ้วมือเดียวของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าไม่ได้

ประมุขเต๋าหวูยวนไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด อ้างอิงจากข่าวกรองที่จ่างเทียนตี้ยึดกุม ในบรรดาศิษย์เต็มตัวของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ก็มีผู้ที่มีศักยภาพอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี่แหละ

ในฐานะที่เป็นประมุขเต๋า กาลเวลาที่หวูยวนคงอยู่มานั้นยาวนานเพียงพออย่างแน่นอน เขาจำได้ดีมาก ๆ ว่าในยุคสมัยที่ไกลโพ้นอย่างยิ่ง ก็คือศิษย์เต็มตัวคนนั้นของมกุฎเต๋าหวูจี๋นี่แหละที่ลงมือสังหารประมุขเต๋าคนหนึ่ง!

ก่อนตายประมุขเต๋าคนนั้นได้หลบหนีเข้าไปในหอคอยนภากาศ แต่ทว่าผู้ที่เห็นภาพเหตุการณ์ในครั้นนั้น ล้วนทราบกันดีว่าประมุขเต๋าที่บาดเจ็บสาหัสนั่นต้องไม่รอดแน่นอน

ซึ่งประมุขเต๋าที่ถูกศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋สังหารนั่นก็คือประมุขเต๋าคงกระพัน!

แม้นจะขึ้นชื่อว่าคงกระพัน แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นคือผู้ที่สังหารเขาไม่ใช่ประมุขเต๋าที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่เป็นเพียงผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งเท่านั้น!

“หวูยวน!”

จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา เห็นเพียงเงาร่างของประมุขเต๋าฮวงโหวปรากฏบนกำแพงเมืองของเมืองต้าฮวงโบราณ ภายในแววตามีจิตสังหารที่ไม่มีการปิดบังปนอยู่ด้วย แล้วผนึกมาทางประมุขเต๋าหวูยวน

“ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดจ่างเทียนตี้จึงต้องร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชู พวกเจ้าคิดว่าหากเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดของเราพ่ายแพ้ไปแล้ว สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูก็จะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตรอดต่อไปอย่างนั้นหรือ?”ประมุขเต๋าฮวงโหวพูดกระแทกเสียงต่ำ

“คำถามนี้ของเจ้าตอบยากมาก ข้าก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ท่านเท่านั้นแหละ”ประมุขเต๋าหวูยวนตอบกลับอย่างเย็นชา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างเจ้าและข้าคงต้องประมือกันหน่อยแล้วล่ะ ในฐานะที่เจ้าเป็นประมุขเต๋า บางทีวันนี้อาจเป็นวันที่เจ้าได้สูญเสียชีวิตที่เป็นอมตะ แล้วนอนหลับใหลอยู่ในห้วงดาราที่มืดมนและเย็นเยือกนี้”ประมุขเต๋าฮวงโหวหกระเหินเดินฟ้า จิตสังหารเข้มข้นมากยิ่งขึ้น!

“สังหารข้า?”ประมุขเต๋าหวูยวนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฮวงโหวเอ๊ยฮวงโหว เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว ถ้าเกิดผู้บุกเบิกของชนเผ่าฮวงพวกเจ้ามาเยือนด้วยตนเอง ข้าย่อมต้องอ่อนข้อและหลบเลี่ยงให้อยู่แล้ว ทว่าเจ้ายังอ่อนไปหน่อย”

“จักรวาลที่กว้างใหญ่เป็นเอกภพ หลังจากแตกแยกกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันก็ถึงยุคสมัยของการรวมดินแดนแล้วล่ะ”

สีหน้าอารมณ์ของประมุขเต๋าหวูยวนเย็นชา ก่อนจะตอบกลับด้วยการถากถางเล็กน้อย “มหันตภัยแห่งต้าเหยียนเมื่อคราวก่อน หากไม่ใช่เพราะอัษฎบรรพดั้งเดิมใช้ร่างผันโลกาฝืนบรรลุถึงแดนมกุฎเต๋า ห้วงดาราแห่งนี้คงไม่คงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยนั้นแล้ว”

“บรรพบุรุษของเรามุมานะอย่างทรหด อดทนมายาวนานเช่นนี้ ซึ่งสิ่งที่รอคอยก็คือวันนี้……”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ประมุขเต๋าฮวงโหวก็หรี่ตาลง “ข้าคิดว่าข้าพอจะเดาได้แล้วล่ะว่าพระองค์ที่เจ้าหมายถึงคือผู้ใด”

ประมุขเต๋าหวูยวนผงะ ก่อนจะตอบสนองกลับมาได้ทันทีว่าเมื่อครู่ตัวเองปากมากไปหน่อย ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน ยังไงไม่เร็วก็ช้าตัวตนของพระองค์ก็จะถูกค้นพบอยู่ดี มิหนำซ้ำฮวงโหวก็แค่คาดเดาเท่านั้น

สมมุติเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ต่อให้เขาคาดเดาถูกแล้วอย่างไร? พระองค์เป็นหนึ่งในคนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของทั้งจักรวาลเชียวนะ!

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ