มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2905

“มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายหรือ?”

เมื่อหลัวซิวมองเห็นมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอที่โจมตีมาทางตัวเอง รูม่านตาจึงหดลงกะทันหัน

ถึงแม้ผลการฝึกตนจะอยู่ในแดนเดียวกัน ทว่ากำลังรบก็แตกต่างกันเยอะมาก ๆ เหมือนอย่างเช่นมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอคนนี้ที่มีผลการฝึกตนเหมือนจ้าวปีศาจเทียนหยางและจ้าวปีศาจเสวียนหยิน แต่หลัวซิวกลับรู้สึกว่าเขาอันตรายกว่าจ้าวปีศาจทั้งสองแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจมาก

ดวงแสงดาบสีทองเฉือนสับเข้ามา อนัตตาจึงถูกทำลายล้างไปอย่างง่ายดาย ซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษของธาตุทองที่เป็นทำนองเดียวกันกับพลังแห่งเวหาแฝงซ่อนอยู่ภายใน แข็งแรงมากจนไม่อาจมลาย!

“ไสหัวไป!”

หลัวซิวไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด แต่เป็นการตะคอกเสียงดังลั่น ใช้พลังแห่งหอคอยฮวงปลุกเสกร่างตน ทำให้เขาที่มีกำลังรบเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิในตอนแรก พุ่งขึ้นมาถึงระดับที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายภายในพริบตา

“ตู้ม!”

ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น ดวงแสงดาบจึงแตกสลายอยู่กลางท้องฟ้า ส่วนร่างกายของหลัวซิวกลับยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สูงตระหง่านแข็งแกร่งไม่สั่นคลอน

“พลังแห่งหอคอยฮวงหรือ? สมกับเป็นของล้ำค่าที่กำเนิดในธรรมดั้งเดิมเสียจริง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่พลังของตัวเจ้าเอง”

มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ร่างกายของเขาผันเป็นแสงทองดวงหนึ่ง ความเร็วในการเคลื่อนที่รวดเร็วอย่างยิ่ง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่รุมโจมตีหลัวซิวในตอนแรกก็ต่างพากันหลบเลี่ยง

“ร่างวัชรยักษ์!”

ร่างกายของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอกลายเป็นแสงสีทองที่แวววาวจับตา ราวกับอาวุธร่างมนุษย์ที่ดุดันชิ้นหนึ่ง พุ่งโจมตีสังหารเข้าไปทางหลัวซิว

เห็นได้ชัดเจนมากว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอคนนี้ก็ฝึกวรยุทธ์กลั่นร่างเช่นกัน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในแดนเดียวกันแต่ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์กลั่นร่างมาก ๆ

เตาอลวนหวูจี๋ลอยอยู่เหนือศีรษะหลัวซิว พลังแห่งหอคอยฮวงวนเวียนอยู่รอบกาย หลัวซิวก็ยังไม่มีท่าทีที่จะหลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อยอยู่เช่นเคย

เนื่องจากเขาอยากรู้มาก ๆ ว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายจะแข็งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่

“ตู้มม!”

การพุ่งชนในครั้งนี้ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอใช้ร่างวัชรยักษ์ปลุกเสกร่างแล้วประชิตใกล้เข้ามา ส่วนหลัวซิวก็พุ่งสังหารเข้าไปเช่นกัน ไม่มีความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย

“ตู้มม!”

ร่างวัชรยักษ์และเตาอลวนหวูจี๋พุ่งชนเข้าด้วยกัน สีหน้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอเปลี่ยนไปกะทันหัน เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่ามีอานุภาพที่ทรงพลังและเกะกะระรานอย่างยิ่งกำลังม้วนซัดเข้ามา ทำให้ร่างกายของเขาถึงขั้นถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว!

และ ณ เสี้ยววินาทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอถอยหลังกลับ ก็มีแสงเซียนวนเวียนอยู่กลางฝ่ามือหลัวซิว ก่อนที่เขาจะง้างมือปล่อยตรามหาหัตถ์ราชาเซียนออกไป

เงาร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอกระพริบ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพลังอมตะที่เขาใช้คือวิชาล่องหนวิชาหนึ่งที่ปราดเปรื่องอย่างยิ่ง ห้วงเวลาที่อยู่รอบ ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตรามหาหัตถ์ราชาเซียนของหลัวซิวโจมตีไม่เป็นผล

“สมกับเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายขั้นสุดยอดจริง ๆ อุบายที่ใช้ไม่ธรรมดาเลยนะ”

หลัวซิวบิดคอไปมา ร่างกายที่เฉื่อยชาไปแล้วเริ่มฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติเล็กน้อย

เสี้ยววินาทีที่เกิดการพุ่งชนอย่างรุนแรงในเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนเขาจะทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอถดถอยและเป็นฝ่ายได้เปรียบ แท้จริงแล้วพลังที่เคลื่อนผ่านเตาอลวนหวูจี๋แล้วส่งตรงมายังตัวเขา ก็ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเช่นกัน รู้สึกชาไปตั้งแต่หัวจรดเท้า หากไม่มีพลังแห่งหอคอยฮวงปลุกเสกร่าง เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปตั้งนานแล้ว

“ฆ่า!”

“ไปตายซะเถอะ!”

หลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอตะคอกเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกัน ถัดจากนั้นทั้งคู่ก็ประสานงากันอยู่กลางอนัตตาไม่รู้ตั้งกี่รอบ

ผลการฝึกตนของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอลึกซึ้ง ร่างวัชรยักษ์แข็งกร้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่หลัวซิวอาศัยพลังแห่งหอคอยฮวงปลุกเสกร่าง บวกกับมีเตาอลวนหวูจี๋คุ้มกันร่างกาย จึงถึงขั้นปะทะกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสูสี ยิ่งกว่านั้นคือเขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบเล็กน้อยด้วย มีหลายครั้งมากที่บีบจนทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอทำได้เพียงอาศัยพลังอมตะวิชาล่องหนที่ประณีตสวยวิจิตรมาหลบเลี่ยงพลังโจมตีของหลัวซิว

“ไม่นึกเลยว่าแม้แต่นภาทองก็ยังฆ่ามันไม่ได้อย่างนั้นรึ?”

ประมุขเต๋าหวูยวนเฝ้าติดตามลาดเลาบนสนามรบมาโดยตลอด ซึ่งการเข่นฆ่าระหว่างหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอย่อมต้องเป็นจุดที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว

ทันทีที่อัจฉริยะวิถีเซียนคนหนึ่งเติบใหญ่ขึ้นมา คนคนนั้นต้องกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่มากแน่นอน แม้นการบรรลุเป็นเซียนจะยากมาก ๆ แต่ขอแค่ก้าวเข้าสู่แดนประมุขเต๋าก็จะไม่ธรรมดาแล้ว ต่อให้มกุฎเต๋าลงมือก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารได้เสมอไป

และทันทีที่บรรลุเป็นมกุฎเต๋า เช่นนั้นก็จะยิ่งเป็นบุคคลที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของดาราจักรวาล ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ยังสามารถเปลี่ยนแปลงจุดจบของมหันตภัยได้ด้วย!

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นมหันตภัยในครั้งก่อน หรือมหันตภัยในปัจจุบัน สำหรับอัจฉริยะที่มีศักยภาพสูงส่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว ล้วนเป็นคู่กรณีที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูจะทำการกำจัดทิ้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

มหัตภัยในครั้งนี้ จ่างเทียนตี้เลือกยืนข้างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูแล้ว เช่นนั้นสำหรับอัจฉริยะที่มีปัญญาวิถีเซียนอย่างหลัวซิว พวกเขาย่อมต้องมีจิตใจที่ต้องการสังหารเขาอยู่แล้ว

“มาตรแม้นว่าหากข้าที่มีผลการฝึกตนประมุขเต๋าลงมือจะทำให้คุณค่าในตัวข้าลดลง ทว่าจำเป็นต้องกำจัดเจ้าหมอนั่นทิ้ง จักปล่อยให้มันเติบใหญ่ขึ้นมาไม่ได้”

จิตสังหารที่อยู่ในใจประมุขเต๋าหวูยวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่เขากำลังจะลงมือด้วยตนเองอยู่นั้น จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีพลังชี่ดวงหนึ่งได้ผนึกตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา

“ฮวงโหว!”

ประมุขเต๋าหวูยวนคุ้นเคยต่อพลังชี่ดังกล่าวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว สีหน้าจึงดูย่ำแย่ลงไปกะทันหัน

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฝั่งประมุขเต๋าฮวงโหวคอยระมัดระวังเขามาโดยตลอด พวกเขาต้องการสังหารอัจฉริยะที่มีปัญญาวิถีเซียนคนหนึ่ง เช่นนั้นฝั่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดก็ย่อมต้องปกป้องเขาอย่างสุดกำลังสามารถอยู่แล้ว

ประมุขเต๋าหวูยวนที่ใบหน้าหม่นหมองคำนวณผลได้ผลเสียในครั้งนี้ เขาคาดการณ์ว่าต่อให้ตนลงมือด้วยตัวเอง เมื่อมีการขัดขวางของประมุขเต๋าฮวงโหว อัตราที่เขาสามารถสังหารหลัวซิวได้ก็มีไม่ถึงสามส่วน

ยิ่งกว่านั้นคือที่นี่คือห้วงดาราของโลกร้าง ทันทีที่เขาลงมือ อาจทำให้บรรพจารย์ฮวงที่น่ากลัวคนนั้นตื่นตกใจด้วย อย่างนั้นไม่แน่เขาไม่เพียงไม่สามารถสังหารหลัวซิว บางทีตนก็อาจต้องฝากชีวิตไว้ที่นี่ด้วย

“นภาทอง อย่าเสียเวลาอยู่กับมัน เข้าไปในแดนบรรพกาล”

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ประมุขเต๋าหวูยวนก็เข้าใจดีมาก ๆ ว่าการรบติดพันต่อไปเรื่อย ๆ มีแต่จะทำให้เสียเวลา เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการทันทีย่อมต้องเป็นการสำรวจแดนบรรพกาลอยู่แล้ว

มีเสียงของประมุขเต๋าสะท้อนเข้ามาในหู จึงทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอเข้าใจเจตนาของประมุขเต๋าทันที เขากวาดตามองหลัวซิวด้วยสายตาที่เยือกเย็นรอบหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก่อนจะผันร่างเป็นแสงกลสีทองดวงหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปในประตูแห่งแสงดาวโดยตรง

“เข้าไปในแดนบรรพกาล!”

ในขณะเดียวกัน เสียงของประมุขเต๋าฮวงโหวก็สะท้อนเข้าไปในหูของเหล่าจอมยุทธ์แห่งโลกร้างเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน นอกจากกลุ่มคนที่ฆ่าล้างจนตาแดงเถือกไม่ได้หยุดการโจมตี คนส่วนมากล้วนหยุดการเข่นฆ่า ล้วนพุ่งไปยังประตูแห่งแสงดาวด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ