มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2907

เหมือนอย่างที่นักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่กล่าว ตั้งแต่ที่เข้ามาในสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้แล้ว หลัวซิวก็ไม่พบวิธีการใด ๆ ที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย

ทั้งสถานสาสน์เต๋าถูกพลังที่แข็งแกร่งพลังหนึ่งปกคลุม ซึ่งการพันธนาการและการผนึกของพลังประเภทนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผลการฝึกตนของเขาในปัจจุบันสามารถทลายได้อย่างแน่นอน

หลัวซิวไม่ได้รีบเข้าสู่ด่านที่ห้าแต่อย่างใด เขานั่งท่าขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าประตูแสงดาว ก่อนจะเข้าสู่สภาวะการฝึกตนอย่างรวดเร็ว

เมื่อนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่เห็นกิริยาท่าทางของเขา ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน และเขาก็จะไม่จู่โจมหลัวซิวขณะฝึกตนด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีความชื่นชมทะลุออกมาจากแววตาเล็กน้อย

“เขาฉลาดมาก บางทีหลังจากผ่านไปหลายปี เขาอาจจะได้รับการถ่ายทอดสืบสานของที่นี่จริง ๆ ก็เป็นได้”

นักสาสน์เต๋าด่านสี่พูดในใจ คนที่อยู่ตรงหน้านี้สามารถใช้ผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อโค่นล้มตัวเอง เช่นนั้นหากเขายกระดับผลการฝึกตนของตัวเองให้ขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ เช่นนั้นเขาก็น่าจะมีศักยภาพที่สามารถฝ่าด่านห้าได้แล้ว

คอยหลังจากที่เขาผ่านด่านห้า ก็สามารถฝึกตนต่อไปได้ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจที่จะสามารถฝ่าฟันด่านที่หกได้แล้วค่อยก้าวไปข้างหน้าต่อ เมื่อพูดตามหลักทฤษฎี การปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนี้มันมีโอกาสผ่านทุกด่านได้จริง ๆ

แน่นอนอยู่แล้วว่าอัตราที่จะทำเช่นนี้สำเร็จมันต่ำมาก ๆ เนื่องจากตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา อัจฉริยะจำนวนมากที่เคยมาที่นี่ล้วนเคยคิดวิธีการนี้ได้อยู่ แต่การที่จะให้ผลการฝึกตนของตัวเองค่อย ๆ ยกระดับขึ้นไปได้นั้น มันจะทำได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?

มิหนำซ้ำเมื่ออยู่ในสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้ นอกจากได้รับความล้ำลึกส่วนหนึ่งของพลังอมตะหลอมจิตหลังจากผ่านทุก ๆ ด่านแล้ว ก็ไม่ได้รับทรัพยากรการฝึกตนใด ๆ อีกเลย

หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าจากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของตัวเอง ต่อให้อาศัยพลังของหอคอยฮวงจะทำให้เขาสามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้ แต่กลับยังไม่เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาผ่านด่านห้าไปได้อย่างมั่นใจ

อ้างอิงจากข้อมูลที่เขาได้รับจากนักสาสน์เต๋าในด่านก่อน ๆ นักสาสน์เต๋าที่อยู่ในทุก ๆ ด่านของสถานสาสน์เต๋าล้วนเป็นบุคคลขั้นสุดยอดที่แท้จริงในหนึ่งแดนใหญ่

ผลการฝึกตนในปัจจุบันของหลัวซิวคือจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงกลาง การที่อยากให้ตัวเองมีกำลังรบที่ไม่ด้อยกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งปวงนั้น อย่างน้อยก็ต้องยกระดับให้ขึ้นไปถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูงให้ได้ก่อน

ต่อให้บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูง กำลังรบขอตัวเขาเองก็ไม่สามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้ ก็ยังต้องอาศัยพลังของหอคอยฮวงอยู่ดี

“หลังจากเคล็ดเซียนแปรเก้าบรรลุถึงแปรที่หก ก็เข้าสู่สภาวะตีบตันแล้ว การที่อยากฝึกถึงแปรที่เจ็ดนั้น นอกเสียจากผลการฝึกตนของข้าสามารถบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ”

บนวิถีการฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตน พลังอมตะหรือการตระหนักรู้ในธรรมวิถี แดนยิ่งสูง การยกระดับก็จะทำได้ยิ่งยาก โดยเฉพาะวรยุทธ์กลั่นร่างขั้นสุดยอดที่เป็นทำนองเดียวกันกับเคล็ดเซียนแปรเก้า มาตรแม้นว่าด้วยผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศของตู๋กูเจี้ยนเฉิน ก็ฝึกถึงแดนแปรที่หกเท่านั้นเอง

การที่อยากยกระดับจากแปรที่หกขึ้นไปถึงแปรที่เจ็ดนั้น ไม่เพียงผลการฝึกตนต้องบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ยังต้องใช้สมุนไพรเพิ่มพลังที่มากดุจมหานที และยาเซียนสมบัติขั้นสุดยอดมาตกตะกอนด้วย

หากฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแดนแปรที่เจ็ด เช่นนั้นร่างเนื้อก็จะสามารถต้านทานอาวุธเทพมหาศักดิ์ และสำหรับตู๋กูแล้ว ผลการฝึกตนของตัวเขาเองก็คือผู้แกร่งเลิศตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่ร่างเนื้อจะสามารถต้านทานอาวุธเทพมหาศักดิ์ได้หรือไม่นั้น มันไม่ค่อยมีความหมายอะไรสำหรับเขาแล้ว

ในขณะที่หลัวซิวหยุดฝึกตนอยู่ในด่านที่สี่อยู่นั้น ไม่นานนัก ก็มีคนอื่นฝ่าฟันขึ้นมาถึงด่านที่สี่เช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่เดินทางมาสถานสาสน์เต๋าในครั้งนี้ มีมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อไม่น้อย และยิ่งมีมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้ออย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอด้วย

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ นอกจากมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนอื่น ๆ ล้วนถูกนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่ใช้พลังอมตะหลอมจิตสังหาร!

แม้นนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่จะแข็งแกร่ง และยิ่งมีกำลังรบที่แทบจะไม่ต่างอะไรจากมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ทว่าอย่างไรเสียมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลาย การข้ามผ่านด่านที่สี่จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอยู่แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในพื้นที่ของด่านที่สี่จึงเหลือแค่หลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอสองคน

ส่วนผู้คนนับแสนที่เดินทางมาถึงสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้พร้อมกับพวกเขา คนส่วนมากล้วนไม่มีทางฝ่าฟันขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้อีกแล้ว

ซึ่งนี่ก็คือความน่ากลัวของแดนบรรพกาล คนนับแสนถูกส่งเข้ามาที่นี่ แต่กลับมีเพียงหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอที่ยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งกว่านั้นคือหากพวกเขาทั้งสองไม่สามารถผ่านด่านได้อีกละก็ พวกเขาก็จะตายอยู่ในนี้เหมือนกัน!

“สุดท้ายผู้ที่สามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ จักมีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้น!”

มีจิตสังหารที่เฉียบคมและดุดันเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในแววตามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ เขาหกระเหินเดินฟ้า มุ่งหน้าเดินตรงมาทางหลัวซิวที่กำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่หน้าประตูแสงดาว

“เวิ่งง!”

เห็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอง้างมือปล่อยฝ่ามือออกมา บนมือใหญ่สีทองมีพลังเต๋าวนเวียนแล้วครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่

เดิมทีสิ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอฝึกคือธรรมเวชทอง และธรรมประเภทนี้แข็งแรงไม่อาจมลาย พลังโจมตีเกะกะระราน

ทว่าเขาที่ฝ่าฟันอยู่ในสถานสาสน์เต๋าก็ได้รับพลังอมตะหลอมจิตเช่นกัน จึงตระหนักความล้ำลึกของธรรมเวชกาลล้นที่แฝงซ่อนอยู่ในพลังอมตะหลอมจิตได้เสี้ยวหนึ่ง อีกทั้งหลอมรวมมันเข้าไปในธรรมเวชทองของตัวเอง จึงทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทีเดียว!

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวหลังจากเจอหลัวซิวที่นี่นั่นเอง ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเข้ามาในแดนบรรพกาล หลัวซิวสามารถต่อสู้กับเขาได้ ทว่าบัดนี้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมาก หลัวซิวต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองแน่นอน!

มากไปกว่านั้นคือในมุมมองของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ สถานสาสน์เต๋านี่ก็คือโชคและโอกาสของเขา หากได้รับพลังอมตะหลอมจิตที่สมบูรณ์ครบถ้วนของที่นี่ เช่นนั้นเขาก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกธรรมดั้งเดิมสองประเภทอย่างล้นและทองพร้อมกัน อนาคตมีความหวังที่จะบรรลุเป็นผู้สูงส่ง ตลอดจนประมุขเต๋า!

“มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ เจ้าไม่เจียมตัวมากเกินไปแล้ว”

หลัวซิวนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ ไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่อย่างใด เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ณ เสี้ยววินาทีที่มือใหญ่สีทองนั่นร่วงลงมา เตาอลวนหวูจี๋ก็บินลอยขึ้นฟ้า แล้วพุ่งชนเข้ากับมือใหญ่

“อาวุธเทพมหาศักดิ์หรือ? แม้นเจ้าจักเป็นอัจฉริยะวิถีเซียน สามารถข้ามขั้นประลอง ทว่าช่วงระยะความต่างระหว่างเจ้าและข้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถทดแทนได้ด้วยอาวุธเทพมหาศักดิ์ชิ้นเดียว”

มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอหัวเราะอย่างเยือกเย็น การลงมือโจมตีในเมื่อครู่นี้ของเขาไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถแต่อย่างใด เป็นเพียงการทดสอบหยั่งเชิงเท่านั้น

เห็นเพียงแสงทองที่อยู่รอบกายเขาสว่างเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น พลังของธรรมดั้งเดิมสองประเภทโคจรปลุกเสก ทำให้พลานุภาพของมือใหญ่สีทองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงกับกดอัดจนเตาอลวนหวูจี๋ร่วงหล่นลงมา ราวกับจักกดอัดเตาเทพเตานี้ลงไปบดขยี้หลัวซิวให้ตาย!

“ตู้ม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ