มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2909

การเปิดออกของแดนบรรพกาลได้ดึงดูดสายตาของกองกำลังทั้งหลาย ในห้วงดาราที่เป็นทางเข้าของแดนปริศนา เมืองต้าฮวงโบราณและเมืองหวูยวนกำลังคุมเชิงกันอยู่ไกล ๆ

นอกจากประมุขเต๋าทั้งสอง รวมไปถึงเหล่าผู้สูงส่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชา วินาทีนี้มีจอมยุทธ์ระดับมกุฎเทพหกกงล้อถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อจำนวนมากต่างพากันเข้ามาในแดนบรรพกาลแล้ว

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าและผู้สูงส่งแล้ว เขตพื้นที่ที่แดนบรรพกาลเปิดออก ณ วินาทีนี้เป็นเพียงเขตพื้นที่รอบนอกเท่านั้น ซึ่งมีโชคโอกาสน้อยมากที่พวกเขาต้องตา

โดยส่วนใหญ่แล้ว ขอแค่เขตพื้นที่ที่เป็นใจกลางของแดนบรรพกาลเปิดออก ถึงจะมีโอกาสระดับผู้สูงส่งเป็นต้นไปปรากฏ

แต่กลับไม่มีคนใดทราบเลยว่ามาตรแม้นว่าเป็นเขตพื้นที่บริเวณรอบนอกสุดของแดนบรรพกาล ก็มีโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่คงอยู่เช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่นสถานสาสน์เต๋าที่หลัวซิวกำลังอยู่ ณ วินาทีนี้ ที่นี่คือสถานสืบทอดที่ผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนคนหนึ่งทิ้งไว้ ซึ่งถือเป็นพรหมเซียนหนึ่งส่วนแล้ว!

แต่ว่าผู้คนในโลกาภายนอกล้วนไม่ทราบถึงการคงอยู่ของพรหมเซียนดังกล่าว เนื่องจากขอแค่เข้ามาในสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้แล้ว นอกเสียจากเจ้าจะผ่านบททดสอบและได้รับการถ่ายทอดสืบสาน มิเช่นนั้นก็จะติดอยู่ที่นี่ตลอดกาล กระทั่งสิ้นอายุขัย

ดังนั้นผู้คนในโลกาภายนอกจึงไม่ทราบความลับของสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้ตลอดมา

บททดสอบที่สองคือความสามารถในการตระหนักรู้ จำเป็นต้องตระหนักพลังอมตะหลอมจิตให้ขึ้นไปถึงแดนสำเร็จน้อย ซึ่งเท่ากับธรรมเวชกาลล้นสำเร็จน้อย โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้นั้น ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ทั้งยังเป็นผู้โดดเด่นในหมู่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อด้วย

สำหรับจอมยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เจ็ดกงล้อแล้ว การที่จะทำเรื่องที่ต้องก้าวข้ามสองแดนใหญ่บรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อถึงจะสามารถทำได้นั้น มันเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่มากจริง ๆ

“พี่ใหญ่ตี้ขุย ท่านคิดว่าเขาต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะผ่านบททดสอบความสามารถในการตระหนักรู้หรือเจ้าคะ?”

เมื่อเห็นว่าหลัวซิวเดินไปหน้าศิลา นั่งลงในท่าขัดสมาธิแล้วเริ่มตระหนักรู้ จึงมีความสงสัยและความตั้งตารอคอยเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของนักสาสน์เต๋าด่านห้าผู้มีนามว่าเฟยเสว่นั่น

อย่างไรเสียขอแค่มีคนสามารถผ่านด่าน เช่นนั้นนางก็จะได้รับอิสระแล้ว

ตี้ขุยที่เฟยเสว่กล่าวถึงก็คือนักสาสน์เต๋าในด่านหกนั่นเอง เห็นเพียงเขายิ้มพลางพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วง เขาน่าจะสามารถผ่านได้อยู่ แต่ติดแค่เรื่องเวลาเท่านั้นแหละ”

การที่สามารถกลายเป็นนักสาสน์เต๋าของด่านที่หกได้นั้น ตัวตี้ขุยเองก็คือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งอยู่แล้ว โลกทัศน์ประสบการณ์ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเห็นหลัวซิว เขาก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งคนนี้ไม่ธรรมดามาก

“ร้อยปี? พันปี? หรือหมื่นปีเจ้าคะ?”เฟยเสว่กระพริบตาถี่ ๆ สภาพที่ดูซุกซนเหมือนน้องสาวกำลังอ้อนพี่ชาย ดูไม่เหี้ยมโหดอย่างครั้นสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอแม้แต่น้อย

“หมื่นปีแล้วอย่างไร? เราเฝ้าคอยอยู่ในนี้มาไม่รู้ตั้งกี่ยุคตรีภพแล้ว เจ้ายังใส่ใจระยะเวลาแค่นี้อยู่อีกหรือ?”ตี้ขุยหลุดหัวเราะออกมาแล้วพูด

“ข้าจักไม่ใส่ใจได้หรือ? นี่เป็นคนแรกที่ผ่านบททดสอบแรกหลังจากกาลเวลาผ่านพ้นมาไม่รู้กี่ยุคตรีภพแล้วนะ การที่อยากเจออัจฉริยะที่มีปัญญาระดับเซียนคนหนึ่งนั้น จักมีผู้ใดทราบบ้างเล่าว่าต้องรออีกกี่ยุคตรีภพ?”เฟยเสว่ทำปากจู๋พลางพูด

“อดทนรอไปก่อนเถิด ไม่เพียงเจ้าร้อนรน ข้าเองก็ด้วย พวกท่านพี่ก็ร้อนใจเช่นกัน เมื่อปีนั้นเราติดตามนักเซียนหลอมจิต อีกทั้งเฝ้าระวังการถ่ายทอดสืบสานของที่นี่ เพื่อเฝ้าคอยผู้สืบทอดของท่านปรากฏ และนี่ก็คือภารกิจที่หนักอึ้งของเรา”ตี้ขุยพูดอย่างทอดถอนใจ

“เวิ่ง!”

ในช่วงเวลาที่เฟยเสว่และตี้ขุยทั้งสองคนพูดคุยกัน จู่ ๆ ก็มีคลื่นพลังที่มากมายมหาศาลจุติลงมา เห็นเพียงมีลำแสงเซียนขนาดใหญ่สาดส่องลงมาจากขอบฟ้า แสงเซียนดั่งมังกร สาดส่องลงมา ทำให้ร่างกายของหลัวซิวที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่หน้าศิลาจมหายไปในแสงเซียน

“นะนี่……”

เมื่อตี้ขุยเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”เฟยเสว่ทำหน้าสงสัย นางมิใช่นักสาสน์เต๋าในด่านหก จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีภาพเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

“บททดสอบความสามารถในการตระหนักรู้……เขาผ่านแล้ว……”มาตรแม้นว่าเป็นผู้ที่สุขุมอย่างตี้ขุย น้ำเสียงก็สั่นคลอนขึ้นมาเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน

“ว่าอย่างไรนะ? เขาผ่านแล้ว?”เฟยเสว่ก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ ขนตายาวนั่นกระพริบขึ้นลง เหมือนดั่งดวงดาวที่เป็นประกายระยิบระยับ

จู่ ๆ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งถามตี้ขุยไปเลยว่าหลัวซิวต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะผ่านบททดสอบที่สอง บางทีอาจเป็นร้อยปี หรืออาจเป็นพันปี และอาจจะเป็นหมื่นปีตลอดจนนานกว่านี้

แต่ทว่าในช่วงเวลาที่นางพูดคุยกับตี้ขุยเพียงครู่เดียว ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวดั่งปีศาจนั่นถึงขั้นผ่านบททดสอบแล้วอย่างนั้นหรือ!

นี่ต้องเป็นความสามารถในการตระหนักรู้ที่เหลือเชื่อและแหกกฎสวรรค์มากเพียงใดกันนะ?

“สรุปแล้วนี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกกันแน่?”

เฟยเสว่ก็รู้สึกเหลือเชื่อมากเช่นกัน ต่อให้จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งจักเชี่ยวชาญในธรรมเวชกาลล้น ทว่าหากต้องการตระหนักรู้พลังอมตะหลอมจิตให้บรรลุถึงแดนสำเร็จน้อย ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน

เนื่องจากธรรมดั้งเดิมและพลังอมตะมีความหมายที่แตกต่างกัน เมื่อตระหนักรู้ธรรมที่เหมือนกัน จะสามารถวิวัฒนาการพลังอมตะที่แตกต่างกันออกมาได้ บางทีสิ่งที่เจ้าฝึกอาจจะเป็นธรรมเวชกาลล้น ทว่าหากการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลล้นของเจ้าไม่สอดคล้องกับพลังอมตะหลอมจิต เช่นนั้นขณะที่เจ้าตระหนักรู้พลังอมตะหลอมจิตก็จะไม่ชำนาญคล่องแคล่วขนาดนั้น

ส่วนพลังอมตะหลอมจิตก็เป็นพลังอมตะเฉพาะของนักเซียนหลอมจิตด้วย ผู้คนในโลกาภายนอกไม่มีทางฝึกได้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่มาจากโลกาภายนอกคนหนึ่ง ถึงขั้นใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ตระหนักรู้ถึงแดนสำเร็จน้อยแล้วอย่างนั้นหรือ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันน่าทึ่งเกินไปแล้วจริง ๆ

“สถานสาสน์เต๋าแห่งนี้คือสถานที่ที่กลายมาจากวิถีเซียนของนักเซียนหลอมจิตหลังจากท่านดับสลายสูญสิ้น พลังแห่งวิถีเซียนของที่นี่เป็นสัญลักษณ์ปณิธานของท่าน แสงเซียนจุติลงมาล้างบาป ซึ่งนี่ก็หมายความว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวสำเร็จบททดสอบโดยสมบูรณ์แล้ว ได้รับการยอมรับจากปณิธานของเซียน”

น้ำเสียงของตี้ขุยเต็มเปี่ยมไปด้วยความทอดถอนใจ พวกเขาอยู่ในนี้ด้วยตัวตนของนักสาสน์เต๋าและเฝ้าดูแลรักษามายาวนานอย่างไม่รู้จบ และถือว่าได้พบเห็นรู้จักกับอัจฉริยะผู้มีความปราดเปรื่องในยุคหลังมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่กลับไม่มีคนใดสามารถเทียบเคียงกับคนดังกล่าวได้ และยิ่งไม่อาจเทียบเคียงกันได้ด้วยซ้ำ

“มาตรแม้นว่าเป็นนักเซียนหลอมจิต ครั้นเมื่อท่านอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ ก็คงทำถึงขั้นนี้ไม่ได้หรอกกระมัง?”ตี้ขุยแอบนึกคิดในใจ

ในขณะเดียวกัน ก็มีปณิธานหนึ่งถ่ายทอดเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวที่อยู่ภายใต้การปกคลุมของแสงเซียน

ภายในตัวหยั่งรู้ ญาณเทวดั้งเดิมค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา และมีแสงเซียนผนึกรวมกันอยู่หน้าญาณเทว ก่อนจะกลายเป็นรูปร่างลักษณะของผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกที่ผอมแห้งคนหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ