หากกล่าวว่าเคล็ดเซียนแปรเก้าที่สร้างขึ้นโดยมกุฎเต๋าหวูจี๋นั้น เป็นเส้นทางวิถีเซียนร่างศักดิ์สิทธิ์ งั้นพลังวัฏสงสารสูงสุดของมกุฎเต๋าสังสารวัฏก็เป็นการฝึกฝนช่องจิตให้กายเป็นเส้นทางวิถีแห่งเซียน
ร่างเนื้อกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ ช่องจิตกลายเป็นภูตเซียน ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดในการพิสูจน์มรรคผล ในที่สุดต่างก็สามารถกลายเซียนได้
วิถีเซียนร่างศักดิ์สิทธิ์มุ่งเน้นไปที่ร่างเนื้อและพละกำลัง ในขณะที่วิถีจิตเทพภูตเซียนให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อนของพลังอมตะและการพัฒนาวรยุทธเซียน
นี่คือการต่อสู้ระดับเจ้ายุทธจักร และแดนผลการฝึกตนของพวกเขาได้มาถึงขอบเขตของการกลับสู่พื้นฐานแล้ว ทุกๆ ครั้งที่พวกเขาปะทะกันจะไม่มีการแพร่กระจายของพลังงานที่ซัดมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ควบแน่นและควบคุมความแข็งแกร่งตามลำดับจนถึงจุดสูงสุด
“วัฏจักรธรรม!”
หลังจากการหยั่งเชิงง่ายๆ มกุฎเต๋าสังสารวัฏได้ใช้พลังอมตะของเขา ออร่าวัฏสงสารที่แข็งแกร่งแผ่ออกมา ดึงสติของมกุฎเต๋าหวูจี๋เข้าสู่วัฏสงสารไร้สิ้นสุดในทันที
“บูม...”
พลังแห่งวัฏสงสารบดขยี้ร่างเนื้อของมกุฎเต๋าหวูจี๋เหมือนหินโม่ แต่ไม่สามารถทำอะไรร่างกายของเขาได้เลย ร่างเนื้อของเขาได้ฝึกฝนเคล็ดเซียนแปรเก้าจนถึงแดนบริบูรณ์แล้ว ถึงสถานะนิรันดร์
นี่เป็นการต่อสู้ที่ดูแล้วเรียบง่ายแต่อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อมกุฎเต๋าหวูจี๋จมอยู่ในวัฏสงสารไร้สิ้นสุด เขาจะไม่มีวันตื่นขึ้นมา
และเมื่อมกุฎเต๋าหวูจี๋หลุดพ้นจากพันธนาการของวัฏจักรธรรม แล้วอาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาต่อสู้ เขาก็จะสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ มกุฎเต๋าสังสารวัฏได้!
เมื่อระดับผลการฝึกตนถึงระดับอย่างพวกเขา ก็แทบจะไม่ต่อสู้กัน แต่เมื่อต่อสู่แล้ว ก็จะเป็นกระบวนท่าสังหาร เหลือเพียงฝ่ายหนึ่งที่มีชีวิตอยู่!
...
“บูม! บูม! บูม!”
ในธรณีสำนักของอาณากระบี่หวูจี๋ ค่ายพิทักษ์เขาไม่หลงเหลือไปตั้งนาแล้ว เมิ่งเชียนชางสังหารที่ด้านหน้าของหุบเขาสยบปีศาจและโจมตีทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจอย่างบ้าคลั่ง
ในระยะไกล ตู๋กูทำได้เพียงจ้องมองทำอะไรไม่ได้ เพราะออร่าของเขาถูกล็อคโดยจ้จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปด จ้าววัฏสงสารคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าซึ่งมีข่าวลือมานานแล้วว่าได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เขาไม่สามารถต่อกรได้
จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปดไม่ได้โจมตีตู๋กู และเขาไม่ได้ช่วยเมิ่งเชียนชางในการโจมตีค่ายกลต้องห้ามของหุบเขาสยบปีศาจ ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาในการปรากฏตัวที่นี่เป็นเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นขัดขวางเมิ่งเชียนชางไปทำในเรื่องที่เขาอยากได้
“แครก!”
ค่ายกลต้องห้ามตรงที่ทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจไม่แข็งแรง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเมิ่งเชียนชางที่อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า สามารถทำลายลงไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นบุกเข้าไปในหุบเขาสยบปีศาจ
สำหรับเมิ่งเชียนชาง แม้ว่าจะเป็นในอดีตที่ไท่ซ่างฉิงปกครองหุบเขาสยบปีศาจ เขาก็ยังสามารถบุกเข้ามาได้ และเขาจะไม่คิดว่ามีอะไรในหุบเขาสยบปีศาจที่สามารถคุกคามเขาได้
แต่คราวนี้ เมิ่งเชียนชางคิดผิดแล้วเพราะหลัวซิวใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้รับรางวัลสำหรับการทะลวงด่านของวังเซียนศักดิ์สิทธิ์ และแลกเปลี่ยนวัสดุระดับสูงจำนวนมากจากคลังสมบัติของมกุฎเต๋าหวูจี๋ แล้วสร้างค่ายกลระดับเจ้ายุทธจักรใหญ่ในหุบเขาสยบปีศาจ!
ไม่เพียงแค่นั้น ค่ายกลขนาดใหญ่นี้รวมการโจมตีและการป้องกันในหนึ่งเดียว ยังใช้ศิลาเทวชิงเทียนและฮู้เทวชิงเทียนเป็นแกนหลักของค่ายกล!
“โครม!”
ทันทีที่เมิ่งเชียนชางก้าวเข้าสู่หุบเขาสยบปีศาจ ศิลาเทวสีเขียวสีเขียวลักษณะราบเรียก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและกดทับเขา
สัมผัสแห่งเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และพลังปราบปรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ลงมา ทำให้สีหน้าของเมิ่งเชียนชางน่าเกลียดอย่างยิ่งในทันที
“ค่ายกลระดับแดนผู้สูงส่ง? คาดไม่ถึงว่าไท่ซ่างฉิงจะเต็มใจเอาออกมาใช้! นั่นคือสมบัติของ ประมุขเต๋าชิงเทียนสมบัติที่สูญหายไปหลายชิ้นกลับตกไปอยู่ในมือของไท่ซ่างฉิง!”
แม้จะอยู่ในสถานะถูกกดทับ เมิ่งเชียนชางก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า ครั้งนี้ที่เขามาเพื่อระบายความเกลียดชังและความแค้นที่มีต่อไท่ซ่างฉิง เป็นค่ายกลระดับแดนผู้สูงส่งเหมือนกัน ค่ายพิทักษ์เขาของอาณากระบี่หวูจี๋ขัดขวางเขาไม่ได้ ค่ายกลนี้ของหุบเขาสยบปีศาจก็อย่าแม้แต่จะคิด!
ฮู้ดับต้องห้าม!
เมิ่งเชียนชางพลิกมือและหยิบฮู้สีดำออกมาอีกครั้ง ฮู้ดับต้องห้ามนี้ไม่ใช่ของใช้ครั้งเดียว แต่สามารถใช้ได้สามครั้ง จนถึงตอนนี้เขาใช้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น
“พรึบ!”
ลำแสงสีดำฟาดฟันออกไป เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ฉีกค่ายพิทักษ์เขาของอาณากระบี่หวูจี๋ออก ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ใช้ศิลาเทวชิงเทียนเป็นแกนค่ายกลนั้นถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา
ความรู้สึกถูกกดทับและไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวได้หายไป และในขณะเดียวกันเมื่อค่ายกลได้ถูกทำลายลง ศิลาเทวชิงเทียนก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้เจ้าของไปชั่วขณะหนึ่ง
“อัญประมุขเต๋าเป็นของดีและหายาก ข้าเอาแล้ว!”
เมิ่งเชียนชางหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง เอื้อมมือไปคว้าศิลาเทวชิงเทียนมาไว้ในมือ พลังแห่งวัฏสงสารพลุ่งพล่าน และเอาสมบัตินี้ให้กลายเป็นของเขาเอง!
เมื่อเมิ่งเชียนชางทำลายสยบต้องเทพของหุบเขาสยบปีศาจลงและบังคับยึดกลั่นแปรศิลาเทวชิงเทียน สีหน้าของหลัวซิวซึ่งอยู่ห่างไกลในแดนบรรพกาลก็เปลี่ยนไปทันที!
เพราะไม่ว่าจะเป็นค่ายกลของหุบเขาสยบปีศาจหรือศิลาเทวชิงเทียนก็ล้วนมีตราประทับของเขาอยู่ เมื่อมีปัญหา เขาจะสัมผัสได้ทันที
ในเมืองต้าฮวงโบราณ หลัวซิวกำลังประชุมกับประมุขเต๋าฮวงโหวและเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงเกี่ยวกับการแบ่งแดนบรรพกาล เพราะรอบแดนบรรพกาลมีพื้นที่มากมายและมีโอกาสมากมายด้วย
ตามข้อเสนอของประมุขเต๋าฮวงโหว ส่วนนอกของแดนบรรพกาลนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก ๆ เมืองต้าฮวงโบราณ อาณากระบี่หวูจี๋และตระกูลเทียนฮวงต่างปกคลุมพื้นที่หนึ่งเพื่อรับสมบัติและโอกาส
แน่นอน ในบรรดาสามพื้นที่ที่ถูกแบ่งออก ตระกูลเทียนฮวงครอบครองพื้นที่ส่วนที่เล็กที่สุด
สำหรับที่หลัวซิวสามารถได้รับพื้นที่ที่มากขึ้น เพราะเขาพึ่งพาต้วนคงซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่อยู่เคียงข้างเขา
เกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่นี้ ประมุขเต๋าฮวงโหวไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ในฐานะเป็นคนที่เดินออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษของชนเผ่าฮวง เขารู้ดีว่าพื้นที่ที่แบ่งมานี้ในตอนนี้เป็นเพียงส่วนรอบนอกของแดนบรรพกาล สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋ามีเพียงการสืบทอดของผู้แข็งแกร่งวิถีแห่งเซียนเหล่านั้นในส่วนที่ลึกที่สุดของแดนบรรพกาล
เดิมที ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย และรอเพียงนำพาผู้คนของหุบเขาสยบปีศาจมาสำรวจแดนบรรพกาลตามหาโอกาส แต่หลัวซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหุบเขาสยบปีศาจในหัวเลี้ยวหัวต่อนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...