“หลัวซิว”
ในบรรดาผู้สูงส่งทั้งสามที่มายังฝั่งโลกร้าง หนึ่งในนั้นคือเจ้าเมือง ฮวงเจิ้นเทียนแห่งเมืองต้าฮวงโบราณ
ส่วนอีกสองคนที่เหลือล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งของชนเผ่าฮวง คนหนึ่งเป็นผู้สูงส่งช่วงกลาง ส่วนอีกคนเป็นผู้สูงส่งช่วงปลาย
พวกเขาเพิ่งมาถึง จากนั้นก็มีมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าของชนเผ่าฮวง ใช้ตัวสำนึกส่งเสียง บรรยายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ให้ผู้สูงส่งทั้งสามฟังโดยละเอียด ทันใดนั้นเอง สายตาของพวกฮวงเจิ้นเทียนทั้งสามที่มองหลัวซิว ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทันที
ฮวงเจิ้นเทียนคิดไม่ถึงเลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้ ที่เมื่อหลายร้อยปีก่อนยังเรียกลูกชายของตนว่าสหาย ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกับตนเองแล้ว
ไม่ อันที่จริงต้องพูดว่า เขาอยู่เหนือตนเองแล้ว เพราะแม้แต่บรรดาบรรพอาจารย์ระดับประมุขเต๋าที่เขาเคารพ ดูเหมือนยังต้องปฏิบัติตัวต่อหลัวซิวด้วยความเกรงใจ
“ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋”
ผู้สูงส่งของชนเผ่าฮวงอีกสองคนที่เหลือหันสบตากัน พวกเขาคิดว่าการที่หลัวซิวสามารถมีความสามารถที่แข็งแกร่งระดับนี้ได้ เป็นเพราะเขาเป็นศิษย์ของมกุฎเต๋า
“ผู้เพื่อนยุทธ์ เชิญ”
ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงปลายของชนเผ่าฮวง ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดผู้นั้น เป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา เขายกมือขึ้นคารวะหลัวซิวอย่างเคารพนบนอบ และเว้นพื้นที่ตรงที่นั่งด้านข้างให้
เมื่อหลัวซิวเห็นพฤติกรรมของอีกฝ่าย ก็ไม่ได้ทักทายอย่างสุภาพ กลับเดินตรงเข้าไป และยืนร่วมกับผู้สูงส่งทั้งสามคนทันที
ทุกคนล้วนเหะเหินเดินฟ้า ตำแหน่งของผู้สูงส่งทั้งสาม อยู่สูงขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงฐานะและศักดิ์ศรีของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง
และในตอนนี้ หลัวซิวใช้แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้สูงส่งแล้ว !
ในขณะเดียวกันนี้ หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา สายตาเหล่านี้มาจากผู้สูงส่งทั้งสามคที่อยู่ในค่ายศัตรู
หนึ่งในนั้น แน่นอนว่าเป็นผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชู ที่ถูกหลัวซิวโจมตีจนถอยร่นไปด้วยตนเองเมื่อครู่ ส่วนอีกสองคนที่เหลือ คนหนึ่งคือผู้สูงส่งช่วงกลางของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง อีกคนหนึ่งคือผู้สูงส่งช่วงปลายของเผ่ามังกรไท่ชู ที่มีพระอาทิตย์สิบดวงห้อยอยู่เหนือศีรษะ !
เผ่ามังกรไท่ชู สายเลือดแบ่งออกเป็นหยินหยาง ผู้สูงส่งช่วงปลายผู้นี้ เป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่ามังกรที่ครอบครอสายเลือดอัสดงโดยไม่ต้องสงสัย
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความภูมิฐานบนใบหน้า ของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งของชนเผ่าฮวงทั้งสามที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่าเป็นลูกหลานของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบในขณะที่มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนระดับเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งของชนเผ่าฮวง ดูจะโดดเด่นกว่าเผ่ามังกรไท่ชู
แต่ความสามารถของทั้งสองฝ่ายก็ต่างกันไม่มาก เพราะทางฝั่งโลกร้าง มีหลัวซิวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เด็กหนุ่มที่ไม่ใช่ผู้สูงส่ง แต่กลับรับมือได้ยากกว่าผู้สูงส่งธรรมดาเสียอีก
เจตนาฆ่าอันดุดันปรากฏขึ้นในแววตาของชายร่างยักษ์ผู้นั้น ซึ่งเป็นผู้สูงส่งระดับปฐมภูมิของเผ่ามังกรไท่ชู แต่กลับไม่ได้พุ่งเข้ามาสังหารอย่างผลีผลาม
ตอนนี้สายตาทุกคู่ ต่างจับจ้องมายังตำแหน่งที่รากเซียนน้ำไฟอยู่
ตรงนั้นเป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ เพียงแต่ทะเลสาบแห่งนี้แปลกประหลาด ด้านหนึ่งเป็นหินลาวาร้อนระอุ เดือดปุด ๆ มีระดับความร้อนที่น่าตกใจ ส่วนอีกด้านหนึ่งกลับเป็นธารน้ำแข็งที่เย็นจัด แม้แต่พื้นที่ว่างโดยรอบก็ถูกแช่แข็ง
ครึ่งหนึ่งเป็นไฟ ครึ่งหนึ่งเป็นน้ำ ซึ่งช่วยเสริมคุณลักษณะทั้งสองประการของรากเซียนน้ำไฟได้อย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกันนี้ สายตาของหลัวซิวก็สังเกตเห็นจุดศูนย์กลางของทะเลสาบน้ำไฟ มีพันธุ์ไม้ลักษณะคล้ายดอกบัวพลิ้วไหว เปล่งประกายแวววาวออกมา
ใบและรากของดอกบัวนี้มีสีแดงเพลิง กลีบดอกและเกสรกลับมีสีเหมือนหิมะ แดงขาวสลับกัน งดงามเป็นอย่างยิ่ง เหมือนสมบัติที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ประณีตราวกับคริสตัล
“โอสถเซียน !”
แค่มองจากไกล ๆ เพียงแวบเดียว หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะเผยความตกใจออกมาทางแววตา ในมือของเขาก็มียาเซียนระดับมหาศักดิ์อยู่ไม่น้อย แต่ออร่าพลังเต๋าที่แผ่ซ่านออกมา เมื่อเทียบกับรากเซียนต้นนี้แล้ว เหมือนกับนำวัชพืชมาเทียบกับยาเซียน
ยาเซียน โอสถเซียน ต่างกันเพียงหนึ่งคำ แต่กลับแตกต่างกันอย่างยิ่ง ไม่ใช่ของในระดับเดียวกันหรือโลกเดียวกันเลยสักนิด
“ช่างเป็นออร่าวิถีเซียนที่เข้มข้นยิ่งนัก”
หลัวซิวหรี่ตาลง รากเซียนน้ำไฟต้นนี้ ต้องทำให้คนมีโอกาสกลายเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน หากเป็นมกุฎเต๋าที่ได้ฝึกธรรมเวชน้ำไฟดั้งเดิมและบรรลุถึงแดนบริบูรณ์แล้ว จะต้องอาศัยรากเซียนน้ำไฟต้นนี้ ก้าวข้ามสู่แดนเซียนได้ในบัดดลแน่นอน !
แต่มกุฎเต๋าที่อยู่ในจักรวาลสามโลกาก็มีเพียงไม่กี่คน แต่สิ่งที่ผู้สูงส่งทุกคนบำเพ็ญหลักล้วนเป็นธรรมเวชดั้งเดิมที่ค่อนข้างอยู่ในระดับสูง หรือพัฒนาออกไปจากวิถีเซียนแล้ว รากเซียนน้ำไฟต้นนี้ ไม่เหมาะกับมกุฎเต๋าคนใดทั้งนั้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รากเซียนน้ำไฟก็ยากจะประเมินค่าได้ ในเมื่อไม่มีมกุฎเต๋าคนไหนที่จะใช้มันในการบรรลุแดนวิถีเซียนได้ หากได้มันมา จะต้องทำให้มกุฎเต๋ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน !
แน่นอนว่า รากเซียนน้ำไฟใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ ทะเลสาบที่รากเซียนเติบโตอยู่นั้น มีพลังของวิถีเซียนน้ำไฟที่พลุ่งพล่านอยู่ พละเซียนน้ำไฟเกิดเป็นตัวต้องห้าม ถึงแม้มกุฎเต๋าจะเป็นผู้ลงมือ ก็ยากที่จะได้มาง่าย ๆ
ก่อนที่จะเข้าไปในสถานปรักเซียน หลัวซิวเคยได้ยินมกุฎเต๋าหวูจี๋พูดว่า สมบัติสามชิ้นของสถานปรักเซียนมีตัวต้องห้ามคอยคุ้มกันอยู่ และพลังของตัวต้องห้ามจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับแดนของผลการฝึกตนของคนผู้นั้น
หากผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าลงมือ พลังของตัวต้องห้ามจะขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัว แต่ถ้าหากเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเจ้าและผู้สูงส่งลงมือ พลังที่ตัวต้องห้ามปลดปล่อยออกมานั้นจะน้อยกว่ามาก
อย่างไรเสีย บรรดาเซียนในบุกโบราณต่างทิ้งสมบัติเอาไว้ที่นี่ จึงไม่มีทางสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ถึงตายเอาไว้เด็ดขาด
ถึงแม้จะมั่นใจในความสามารถของตนเอง แต่หลัวซิวก็ยังคงไม่ผลีผลาม ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงปลายของเผ่ามังกรไท่ชูโบกมือ ผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรของโลกาเทพไท่ชูหลายคนก็ขยับตัว และพุ่งตรงไปยังจุดที่รากเซียนน้ำไฟอยู่ในทันที
คนเหล่านี้ล้วนมีผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า เป็นหมากที่ถูกส่งออกไปเพื่อหยั่งเชิง
“เปรี้ยง !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...