ในสถานปรักเซียน ผู้สูงส่งยี่สิบคน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าสองร้อยคน เข่นฆ่ากันในการต่อสู้แย่งชิงสมบัติวิถีเซียนทั้งสามชิ้น
และตอนนี้ด้านนอกของสถานปรักเซียน ก็คือรอบนอกของแดนบรรพกาล เมื่อตัดเมืองต้าฮวงโบราณและเมืองหวูยวนที่เป็นตัวแทนของการเผชิญหน้าทางอากาศทิ้งไป รูปร่างที่ทำให้ผู้คนต้องสะดุดตามากที่สุด ก็คือรูปร่างที่กำยำของมกุฎเต๋าทั้งสี่
พลังอมตะของผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋ากว้างใหญ่ ถึงแม้ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้อยู่ในสถานปรักเซียน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานปรักเซียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมบัติวิถีเซียนทั้งสามชิ้น พวกเขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนราวกับมองเห็นดวงไฟ
“หวูจี๋ เด็กหนุ่มคนนั้นคือศิษย์ที่เจ้าเพิ่งรับเข้ามาใหม่ใช่หรือไม่ ? สายตาของเจ้าหลักแหลมไม่น้อยเลยนะ”
จู่ ๆ มกุฎเต๋าหวูซินก็เอ่ยปากขึ้นมา เด็กหนุ่มที่เขาพูดถึง ย่อมหมายถึงหลัวซิวอย่างแน่นอน
เพราะมกุฎเต๋าหวูซินจับสัมผัสได้แล้วว่า หนึ่งในสมบัติล้ำค่าสามชิ้นของสถานปรักเซียน รากเซียนน้ำไฟต้นนั้นถูกหลัวซิวเก็บไปแล้ว
“ผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ครอบครองพลังวิถีเซียน อีกทั้งพลังวิถีเซียนยังมีคุณลักษณะอย่างน้อยสามประการ ศิษย์เช่นนี้ เจ้าหวูจี๋ยังไม่อาจสั่งสอนออกมาได้หรอกใช่ไหม ?”
มกุฎมังกรคู่อิมไท่ชูส่งเสียงฟึดฟัดออกมาเบา ๆ ริมฝีปากสีแดงสดโค้งขึ้นอย่างมีเสน่ห์ เหลือบมองมกุฎเต๋าหวูจี๋ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ดูเหมือนพลังวิถีเซียนที่จนเป็นอาจารย์อย่างเจ้าครอบครองอยู่ ดูเหมือนจะมีเพียงแค่หนึ่งคุณลักษณะสินะ ?”
“ทำไม ? มังกรอิม เจ้าอยากทดสอบกำลังเซียนของข้าหวูจี๋อย่างนั้นหรือ ?”
มกุฎเต๋าหวูจี๋ส่งเสียงฟึดฟัดออกมา และกลับส่งสายตาระแวดระวังมกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิม
เพราะเขารู้ดีว่าหลัวซิวถูกทั้งสองคนนี้จับตามองแล้ว ทันทีที่ทั้งสองคนนี้คิดร้ายต่อหลัวซิว นั่นเป็นสิ่งที่รับมือได้ยากจริง ๆ
“หากเจ้ามีความสามารถก็สู้กับศิษย์พี่หวูซินสิ”
ดูเหมือนมกุฎมังกรอิมจะไม่หลงกลมกุฎเต๋าหวูจี๋ มีเพียงแค่นางร่วมมือกับพี่ใหญ่มกุฎมังกรเอี๊ยงเท่านั้น จึงจะแสงดความสามารถออกมาได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด หากต่อสู้โดยลำพัง ย่อมรู้แก่ใจดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมกุฎเต๋าหวูจี๋
แต่มกุฎเต๋าหวูซินกลับไม่เหมือนกัน บำเพ็ญร่วมและผสมผสานเต๋าเสวียนเหลือง แม้จะไม่ได้เปลี่ยนเป็นกำลังเซียน พละเสวียนเหลืองของมกุฎเต๋าหวูซิน ก็เพียงพอจะรับมือกับหวูจี๋กำลังเซียนของมกุฎเต๋าหวูจี๋ได้
และด้วยเหตุนี้ มกุฎเต๋าหวูจี๋ถึงได้เกรงกลัวมกุฎเต๋าหวูซินเช่นนี้
แน่นอนว่า คุณลักษณะของแรงเต๋ายิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งซับซ้อน คิดจะเปลี่ยนแปลงเป็นกำลังเซียนก็จะยิ่งยากขึ้น เหมือนกับมกุฎเต๋านอกนภาที่มีความสามารถพิเศษสูงที่สุด ในบรรดามกุฎเต๋าอย่างพวกเขา เป็นเพราะเขาฝึกตนเต๋าตรีภพโกลาหลที่ซับซ้อนที่สุด ดังนั้นจึงไม่อาจผนึกรวมกำลังเซียนออกมาได้เสียที หากมกุฎเต๋านอกนภาเลือกที่จะฝึกตนธรรมดั้งเดิมที่ค่อนข้างธรรมดา เกรงว่าคนกลายเป็นเซียนได้เสียนานแล้ว
และในขณะเดียวกัน เป็นเพราะรู้เรื่องเหล่านี้ ดังนั้นกำลังเซียนของหลัวซิวจึงแสดงคุณลักษณะสามประการออกมา แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าอย่างหวูซินและมกุฎมังกรอิมต่างก็รู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ
เป็นที่รู้กันดีว่า กำลังเซียนมีสามคุณลักษณะ นั่นหมายความว่า อย่างน้อยเขาฝึกตนธรรมดั้งเดิมทั้งสามประเภทนี้จนถึงแดนที่สูงอย่างยิ่ง อีกทั้ง ทั้งหมดล้วนบรรลุถึงความต้องการในการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังวิถีเซียนแล้ว นี่จะเป็นไปได้หรือ ?
เมื่อเห็นว่ามกุฎเต๋าอย่างพวกเขาล้วนติดอยู่ในด่านนี้ ก็รู้แล้วว่าหากคิดจะผนึกรวมกำลังเซียนนั้นยากแค่ไหน ดังนั้น มกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า ในตัวของหลัวซิวจะต้องมีความลับอะไรบางอย่างแน่นอน
ถึงขั้นว่าความลับนี้ อาจเหนือกว่าโอกาสที่จะกลายเป็นเซียนเสียอีก !
……
มีเจ้าเมืองร้างทั้งสามอย่างพวกเขา คอยสกัดกั้นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งทั้งสามของฝ่ายศัตรูไว้ ทำให้หลัวซิวฝ่าวงล้อมการโจมตี ของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าจำนวนยี่สิบกว่าคน ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาสูญเสียผลการฝึกตนไปมาก ดังนั้นจึงไม่ได้เลือกที่จะช่วยเจ้าเมืองร้างรับมือกับศัตรู แต่ได้กลายร่างเป็นแสงกล ใช้ปริภูมิและความเร็วในการเคลื่อนย้าย พารากเซียนน้ำไฟหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
ปริภูมิภายในสถานปรักเซียนกว้างใหญ่มาก หลังจากที่หลัวซิวสัมผัสได้ว่า ออร่าตัวสำนึกที่ผนึกอยู่บนตัวค่อย ๆ ถูกสลัดออกไป เขาก็รีบหาที่หลบซ่อนตัวโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็ให้แสงกลร่วงลงสู่พื้น
ยกมือขึ้นโบก มีลำแสงพุ่งออกมาจากแหวนเก็บของ ลำแสงที่พุ่งออกมาทุกลำแสงล้วนเป็นธงค่าย ธงค่ายแต่ละต้นล้วนจัดเรียงอยู่บนอนัตตา ไม่ช้าก็จัดวางจนกลายเป็นค่ายกลซ่อนงำ ซ่อนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวในทันที
ด้วยระดับของหลัวซิวในตอนนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งผ่านทางมา หากไม่สังเกตจริง ๆ ก็ไม่อาจค้นพบค่ายกลซ่อนงำที่เขาตั้งขึ้นตรงนี้ได้
นอกจากค่ายกลซ่อนงำ หลัวซิวยังตั้งค่ายกลคุ้มกันขึ้นมาอีกหลายค่าย จากนั้นก็หยิบยาออกมากิน และเริ่มฟื้นฟูผลการฝึกตนที่สูญเสียไป รวมไปถึงบาดแผลบนร่างกาย
ในขณะเดียวกันนี้ หินบรรพไท่ชูจำนวนมหาศาล ก็ถูกเขานำออกมาไม่หยุด เป็นจำนวนที่น่าตกใจ กองจนเป็นภูเขา
ครั้งนี้ในสถานปรักเซียน เขากำจัดมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าไปไม่น้อย ในแหวนเก็บของของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าทุกคน มีหินบรรพไท่ชูจำนวนมากเก็บเอาไว้ เอาความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ามารวมเข้าไว้ด้วยกัน จะทำให้หลัวซิวมีความเป็นไปได้และโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น
แน่นอนว่า แค่มีทรัพยากรที่เพียงพอนั้นยังไม่พอ ถ้าหากต้องการบรรลุจากมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงกลางเป็นช่วงปลาย ภายใต้ปริมาณของหินบรรพไท่ชูและยาเทพที่มากพอ อย่างน้อยหลัวซิวก็ต้องนั่งทำสมาธิอีกหลายสิบปี จึงจะสะสมผลการฝึกตนและตกตะกอนจนถึงขั้นบรรลุได้
การยกระดับของผลการฝึกตน เหมือนกับการกินข้าว ต้องกินทีละคำ ๆ จะกินเข้าไปคราวเดียวจนกลายเป็นคนอ้วนไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...