มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2929

ในตัวหยั่งรู้ที่ใหม่ทั้งหมดและกว้างใหญ่เหมือนจักรวาล ห้วงความคิดของหลัวซิวมาถึงญาณเทวดั้งเดิม

ภายใต้การชุบของกำลังเซียนบริสุทธิ์ เห็นได้ชัดว่าญาณเทวดั้งเดิมของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน บนร่างกายส่องแสงประกายจาง ๆ ออกมา แฝงไปด้วยออร่าของเซียน

นี่คือเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในทางทฤษฎีเท่านั้น เดิมทีเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณเป็นวรยุทธ์กลั่นวิญญาณระดับประมุขเต๋า น้ำวิญญาณดั้งเดิมจากรูปร่างช่องจิต ฝึกตนถึงรูปร่างญาณเทว สูงสุดสามารถบรรลุได้ถึงแดนมกุฎเต๋า

ทว่าแม้แต่ประมุขเต๋าไท่ชิงที่สร้างวรยุทธ์นี้ขึ้นมา ก็ยังไม่อาจบรรลุได้ถึงแดนนี้ หยุดอยู่เพียงแค่ประมุขเต๋าช่วงปลายเท่านั้น

แต่ในบรรดาของสืบทอดที่ประมุขเต๋าไท่ชิงทิ้งเอาไว้ กลับเคยกล่าวถึงแนวคิดอย่างหนึ่งที่อยู่ในใจ นั่นก็คือ หากญาณเทวดั้งเดิมเริ่มมีท่วงเซียน ส่องประกายแสงเซียนออกมา นั้นก็หมายความว่าเริ่มกลายร่างเป็นภูตเซียนแล้ว !

และแดนวิญญาณเช่นนี้ ถูกเรียกว่าแปรเซียน !

ช่องจิต ญาณเทว แปรเซียน แดนวิญญาณสามประเภท ระดับสามประเภท

แน่นอนว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าจำนวนมากล้วนอยู่ในแดนวิญญาณของช่องจิต มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญในวรยุทธ์กลั่นวิญญาณ และบรรบุถึงแดนผู้สูงส่งแล้วเท่านั้น จึงจะบรรลุถึงระดับญาณเทวได้

แต่ตอนนี้หลัวซิวก้าวเข้าสู่แปรเซียนระดับชั้นครึ่งหนึ่งแล้ว เทียบเท่ากับแดนขั้นสูงของระดับญาณเทว และเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง ที่เชี่ยวชญในการกลั่นวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นประเภทที่เก่งกาจมากอีกด้วย

หากตอนนี้ประมือกับผู้สูงส่งปฐมภูมิของเผ่ามังกรไท่ชูคนนั้นอีกครั้ง เกรงว่าหลัวซิวใช้พลังของตัวสำนึก ที่อาศัยการขับเคลื่อนโดยระดับวิญญาณในตอนนี้ การโจมตีด้วยวิญญาณของเขา จะต้องทำให้ตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตาอย่างแน่นอน !

จากนั้น หลัวซิวก็พบว่าผลการฝึกตนของตนเอง ก็พลอยบรรลุไปด้วยเช่นกัน กำลังเซียนส่วนหนึ่งที่ไม่ถูกนำมาชุบตัวหยั่งรู้ ได้ถูกร่างเนื้อของเขาดูดรับไป ถึงแม้จะเป็นกำลังเซียนเพียงส่วนน้อย แต่ก็ยังคงทำให้เขาบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลายได้อย่างง่ายดาย

ที่นี่คือสถานปรักเซียน ความแข็งแกร่งของวิถีเซียนปิดกั้นการสัมผัสของกฎทวยเทพธรรมดั้งเดิม ดังนั้นจึงไม่มีการมาถึงของทัณฑ์สายฟ้า

แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าไม่อาจสร้างความหวาดกลัวใด ๆ ต่อเขาได้อีก จะต้องผ่านทัณฑ์หรือไม่ สำหรับเขาแล้วไม่มีผลกระทบใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

อาการบาดเจ็บฟื้นฟูจนเป็นปกติ ผลการฝึกตนก็ยกระดับขึ้น โดยเฉพาะตัวหยั่งรู้ก็เลื่อนขั้น พลังของตัวสำนึกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสามารถโดยรวมของหลัวซิว ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น

เขาโบกมือก็กำจัดค่ายกลที่อยู่โดยรอบไปทันที ตอนนี้เขาไม่กลัวว่าจะมีใครตามล่าอีก ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งของฝ่ายศัตรูผู้นั้น ออกมาตามล่าเขาด้วยตนเอง ถึงแม้หลัวซิวจะรู้ว่าตนเองเอาชนะไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีกำลังที่จะปกป้องตนเองได้แน่นอน

ผ่านไปเพียงไม่นาน หลัวซิวก็กลับมายังสถานที่ที่พบรากเซียนน้ำไฟในตอนแรกอีกครั้ง ถึงแม้รากเซียนน้ำไฟจะถูกเขาเอาไปแล้ว แต่ทะเลสาบที่จะมีรากเซียนน้ำไฟเติบโตขึ้นได้นั้นย่อมไม่ธรรมดา เซียนไฟและเซียนน้ำในทะเลสาบ ก็ล้วนเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาจึงต้องกลับมาดูอย่างแน่นอน

อาศัยกำลังเซียนอันบริสุทธิ์ในการบรรลุและยกระดับ หลัวซิวใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน เดิมทีเขาคิดว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทะเลสาบน้ำไฟคงไม่มีใครอยู่นานแล้ว แต่ตอนที่เขามาถึงที่นี่กลับพบว่า ที่นี่ยังคงมีคนรวมตัวอยู่กว่าห้าสิบคน

ดูไปแล้วคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ ล้วนมีผลการฝึกตนในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าอย่างแน่นอน มีผู้สูงส่งเพียงแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นหลัวซิวยังรู้จักอีกด้วย ซึ่งก็คือเจ้าเมืองต้าฮวง ฮวงเจิ้นเทียน และเป็นบิดาของฮวงหวูจี๋อีกด้วย

ส่วนผู้สูงส่งของฝ่ายศัตรูผู้นั้น และเป็นศัตรูเก่าของหลัวซิว ผู้สูงส่งปฐมภูมิที่ครอบครองสายเลือดมังกรคู่อิมไท่ชูผู้นั้น

“เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ ? คิดว่าข้าจอมมกุฎยี่หลงจัดการกับเจ้าไม่ได้จริง ๆ หรือ ?”

หลังจากอีกฝ่ายเห็นหลัวซิวแล้ว ก็ลงมือทันทีโดยไม่พูดไม่จา เพราะเขารู้ว่ารากเซียนน้ำไฟยังอยู่กับหลัวซิว

เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวได้ยินชื่อเต็มของเขา แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาไม่เหมือนก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายลงมือ เขาจึงพุ่งเข้าใส่โดยไม่ลังเล

จอมมกุฎยี่หลงเผยความชั่วร้ายออกมาบนใบหน้า เขากับหลัวซิวเคยประมือกันมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้รับมือได้ยาก แต่โชคดีที่เขายืมสมบัติชิ้นหนึ่ง มาจากผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงปลาย ของเผ่ามังกรไท่ชูคนนั้น

“เปรี้ยง !”

จอมมกุฎยี่หลงยกมือขึ้นโบก แสงสีดำก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ราวกับงูพิษตัวหนึ่ง ส่งเสียงร้องและพุ่งตรงเข้ามาพัน

นี่คือของขลังระดับผู้สูงส่งชิ้นหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่ของประเภทที่ใช้โจมตี แต่ใช้สำหรับผูกมัดศัตรูโดยเฉพาะ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงกลาง หากถูกพันเข้าละก็ ผลการฝึกตนทั้งหมดก็จะถูกสกัดกั้นเอาไว้ และสูญเสียกำลังที่จะต้านทาน

จอมมกุฎยี่หลงยืมของขลังชิ้นนี้มา ก็เพื่อใช้รับมือกับหลัวซิว

ทว่าดูเหมือนจอมมกุฎยี่หลงจะมั่นใจในความคิดมากเกินไป ทันทีที่หลัวซิวเห็นแสงสีดำที่เสกออกมา เขาก็แสดงพลังอมตะวิญญาณ เทพสังหาร !

พลังของตัวสำนึกที่ทรงพลานุภาพสำแดงออกมา ล่องหน ไม่ส่งเสียงที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้จอมมกุฎยี่หลงแสดงท่าทีตกใจออกมาได้ในทันที พร้อมทั้งปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาบนใบหน้า

“เผียะ !”

ลำแสงสีดำนั้นยังไม่ทันพุ่งมาถึงตัวของหลัวซิว ก็ร่วงหล่นลงไปเหมือนงูที่ตายแล้ว กลายเป็นเชือกสีดำเส้นหนึ่ง อีกทั้งตราประทับตัวสำนึก ที่เดิมทีเป็นของจอมมกุฎยี่หลง ถูกตัวสำนึกของหลัวซิวโจมตีจนแตกสลายในชั่วพริบตา

“เพล้ง !”

ในขณะเดียวกันนี้ เกิดเสียงดังอู้อี้ขึ้นมา ร่างกายที่เคลื่อนไหวของจอมมกุฎยี่หลงถูกแช่แข็งในทันที จู่ ๆ ศีรษะก็ระเบิดออก ศพที่ไร้ศีรษะโอนเอนไปมา มีเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่ว โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า

หลังจากที่ตัวหยั่งรู้และญาณเทวเลื่อนขั้นแล้ว พลังตัวสำนึกของหลัวซิวก็เทียบได้กับผู้สูงส่งช่วงปลาย ใช้พลังทั้งหมดขับเคลื่อนพลังอมตะวิญญาณ สามารถสังหารผู้สูงส่งปฐมภูมิที่ไม่ทันป้องกันตัวได้ในชั่วพริบตา โดยไม่ยากลำบากเท่าไรนัก

หลัวซิวขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนถูกฉีกขาดมาจากตัวหยั่งรู้ของตนเอง ถึงแม้พลังโจมตีวิญญาณจะมหาศาล แต่ในขณะเดียวกับที่โจมตีศัตรู ตนเองก็จะได้รับการสะท้อนกลับในระดับเดียวกัน

ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ที่ทะเลสาบน้ำไฟต่างตกใจจนอ้าปากค้างในทันที ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งผู้หนึ่ง กลับถูกสังหารในชั่วพริบตา นี่เป็นไปได้อย่างไร ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ