มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2930

รากเซียนน้ำไฟไม่มีแล้ว แม้แต่น้ำอมฤตเทียนอีและไฟอมฤตชูหยวนที่ใช้ชุบเลี้ยงรากเซียนก็ถูกสูบไปจนหมดแล้ว อย่าว่าแต่หลัวซิว ต่อให้เป็นคนอื่น ก็ไม่มีใครคิดจะอยู่ที่นี่ต่ออีก

ตอนที่หลัวซิวมาถึงสถานที่ที่มีไข่มุกสาสน์เต๋าอยู่พร้อมกับฮวงเจิ้นเทียน ก็เห็นว่าบนพื้นดินที่รกร้าง มีลูกปัดสีน้ำเงินส่องประกายแวววาว ลอยอยู่กลางอากาศ

โดยรอบของมีไข่มุกสาสน์เต๋ามีตัวต้องห้าม คุณลักษณะของตัวต้องห้ามยังคงเป็นน้ำไฟ เห็นได้ว่าเซียนในสมัยโบราณที่ทิ้งสมบัติไว้ที่นี่ น่าจะเป็นเซียนที่ฝึกตนวิถีน้ำไฟ

อาณาเขตโดยรอบไข่มุกสาสน์เต๋า หลัวซิวเห็นผู้สูงส่งหลายคนของโลกร้าง อีกทั้งหลัวซิวก็ได้รู้จากปากของผู้สูงส่งเหล่านี้ว่า ทางฝั่งเข็มทิศสาสน์เต๋าก็ยังไม่มีใครได้ไป

จนถึงตอนนี้ สมบัติวิถีเซียนสามชิ้น มีเพียงหลัวซิวที่คว้ามาได้สำเร็จ นอกจากเขาคนเดียวแล้ว นักยุทธ์คนอื่น ๆ ทั้งหมดที่เข้าไปในสถานปรักเซียน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงส่งหรือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ไม่มีใครสามารถฝ่าฟันตัวต้องห้ามที่อยู่โดยรอบสมบัติวิถีเซียนทั้งสามชิ้นได้

ดังนั้นตอนที่หลัวซิวปรากฏตัวขึ้นที่ไข่มุกสาสน์เต๋า คนที่อยู่ทางฝั่งเข็มทิศสาสน์เต๋าเองก็รีบทยอยมาทางด้านนี้ ไม่นานนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงส่งและมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าของโลกร้าง หรือแม้แต่ฝ่ายศัตรูเอง ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ไข่มุกสาสน์เต๋า

เพราะมีเพียงหลัวซิวที่สามารถฝ่าฟันตัวต้องห้ามเข้าไปได้ ดังนั้น ต่อให้ทางฝั่งเข็มทิศสาสน์เต๋าจะไม่มีใครคอยเฝ้าดูอยู่ก็ตาม ก็ไม่มีใครเป็นกังวลว่าจะมีคนแอบขโมยเอาเข็มทิศสาสน์เต๋าไปได้สถานปรักเซียน มีเพียงเขาที่สามารถฝ่าฟันตัวต้องห้ามเข้าไปเอา

......

“ฮ่า ๆ ๆ ศิษย์พี่หวูจี๋ ช่างอิจฉาท่านจริง ๆ ที่ได้ศิษย์ดีมาคนหนึ่งอีกแล้ว ในบรรดาคนที่เข้าไปในภัณฑ์เซียนได้ หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าสมบัติวิถีเซียนทั้งสามชิ้น คงต้องถูกศิษย์ของท่านคว้าไปได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน”

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานปรักเซียน มกุฎเต๋าทั้งสี่ล้วนมองเห็นอย่างชัดเจน ตอนนี้มกุฎมังกรอิมยิ่งพูดจาแปลกประหลาดขึ้นทุกที

“นั่นก็ไม่แน่ คนเราจะละโมบเกินไปไม่ได้” มกุฎเต๋าหวูซินพูดขึ้นเบา ๆ

“คนของเจ้ามีความสามารถไม่พอ หรือคิดจะแย่งชิงซึ่งหน้า ? หากจะลงมือจริง ๆ รู้เอาไว้เสียเลยว่าที่แห่งนี้เป็นถิ่นของโลกร้างเรา !” มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

แดนพรรพกาลตั้งอยู่ในโลกร้าง ดังนั้นที่นี่ บรรพจารย์ฮวงสามารถแสดงพลังการต่อสู้ขั้นสูงสุดออกมาได้ และมีสิทธิ์ในการพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์

“ตาเฒ่าฮวง เจ้าไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูดบ้างเลย” มกุฎมังกรอิมตอบโต้ แย้งกลับอย่างเฉียบคม ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย

มกุฎเต๋าทั้งสี่ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันที แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าไม่อาจจัดการอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครลงมือจริง ๆ

ทว่าในตอนนี้เอง ภายในสถานปรักเซียน ตรงจุดที่ไข่มุกสาสน์เต๋าตั้งอยู่ เกิดการต่อสู้ที่โกลาหลขึ้นอีกครั้ง และสาเหตุก็ง่ายมาก เป็นเพราะหลัวซิวบุกรุกเข้าไปในตัวต้องห้าม และคิดที่จะนำไข่มุกสาสน์เต๋าไป !

ตอนที่ลงมือ หลัวซิวรู้ดีว่าคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชู ต้องลงมือขัดขวางอย่างแน่นอน แต่หลัวซิวยังคงทำเช่นนี้ เพราะในสถานปรักเซียน นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถเอามันมาได้

ก่อนหน้านี้ตอนที่ผลการฝึกตนยังไม่บรรลุ หลัวซิวก็สามารถคว้ารากเซียนน้ำไฟมาได้แล้ว ตอนนี้ความสามารถของเขา แข็งแกร่งกว่าตอนที่คว้ารากเซียนน้ำไฟมาได้ไม่รู้ตั้งเท่าไร ดังนั้นหากเขาคิดจะคว้าไข่มุกสาสน์เต๋ามา ย่อมง่ายกว่าตอนที่คว้ารากเซียนน้ำไฟมาได้อย่างแน่นอน

และความจริงก็ไม่ต่างจากที่หลัวซิวคาดการณ์ไว้นัก เขาบุกรุกเข้าไปในตัวต้องห้ามภายในชั่วพริบตา จากนั้นเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าไข่มุกสาสน์เต๋าอย่างรวดเร็วที่สุด ยกมือขึ้นแล้วคว้าไปยังลูกปัดเม็ดนี้

ทั้งหมดนี้ ล้วนอยู่ในแผนการของหลัวซิวทั้งหมด ขอเพียงเขานำไข่มุกสาสน์เต๋ามาได้ เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสลัดศัตรูเหล่านั้นทิ้งได้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้มีตัวคนเดียว บรรดาผู้สูงส่งในโลกร้างนี้ จะช่วยเขาขัดขวางศัตรูที่แข็งแกร่งไว้ในเวลานี้อย่างแน่นอน

ทว่า หลัวซิวคิดไม่ถึงว่าความเร็วของเขานั้นเร็วอย่างยิ่งแล้ว แต่กลับมีอีกคนหนึ่งที่มีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย ตอนที่หลัวซิวกำลังยื่นมือออกไปคว้าไข่มุกสาสน์เต๋า อีกฝ่ายได้ยื่นมือออกมาฟาดพลังอมตะ ระเบิดเจตนาฆ่าอันรุนแรงเข้าใส่หลัวซิว

ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตา และในตอนที่หลัวซิวพบว่าคนผู้นี้ลงมือกับตนเอง เขาก็ตั้งตัวไม่ทันเสียแล้ว

และสิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกโมโหยิ่งกว่าก็คือ คนที่ลงมือจัดการกับเขา กลับไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชู แต่เป็นผู้สูงส่งช่วงปลายคนหนึ่งของโลกร้างแห่งนี้ !

“ฟึบ !”

หลิวซิวคว้าไข่มุกสาสน์เต๋าเอาไว้ แต่หลังจากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากร่างกายของเขา ร่างกายของเขาถูกแทงทะลุด้วยลำแสงสีทองที่แปลงมาจากพลังอมตะ

“สารเลว ! หยวนฮว๋า เจ้ากำลังทำอะไร ?”

“ให้ตายเถอะ หยวนฮว๋า ที่แท้เจ้าก็เป็นคนทรยศ !”

“......”

เมื่อผู้สูงส่งคนอื่น ๆ ของโลกร้างเห็นภาพนี้ ต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง ไม่มีใครคาดคิดว่า ในเวลาสำคัญเช่นนี้ จะมีคนทรยศแฝงตัวอยู่ในโลกร้างด้วย

สีหน้าของหลัวซิวเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด การโจมตีด้วยพลังอมตะของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงปลาย ไม่ใช่สิ่งที่จะต้านทานได้ง่าย ๆ ถึงแม้วิถีแห่งเป็นตาย เขาจะประสบความสำเร็จในระดับที่สูงมาก แต่ตอนนี้ยังกระอักเลือดออกมาสามครั้งอย่างห้ามไม่ได้

“ฟึบ !”

หลัวซิวไม่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ในขณะที่เขาคว้าไข่มุกสาสน์เต๋ามาได้ เขาก็ขับเคลื่อนกำลังเซียนไร้ลักษณ์ แปลงเป็นคุณลักษณะปริภูมิ และเคลื่อนย้ายออกไปไกลหลายร้อยลี้

“ฆ่าเขา !”

“ปิดกั้นปริภูมิ อย่าให้เขาหนีไปได้ !”

เสียงด่าทอดังขึ้นมาจากรอบข้างไม่หยุด ในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา ไม่รู้ว่ามีพลังอมตะจำนวนเท่าไร ที่เข้ามาปกคลุมในอาณาบริเวณที่หลัวซิวอยู่อย่างมืดฟ้ามัวดิน

“เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !......”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ