มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2937

เวลาล่วงเลยไปหลายร้อยปีแล้ว ผลการฝึกตนของซูเสว่หลันก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าเช่นกัน หลังศีรษะมีกงล้อเทพปรากฏหนึ่งวง อีกทั้งคุณภาพของกงล้อเทพก็ไม่ต่ำด้วย ซึ่งเป็นกงล้อเทพชั้นสูงหนึ่งวง

การที่สามารถผนึกรวมกงล้อเทพชั้นสูงออกมาได้นั้น อนาคตหากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ อย่างน้อยนางก็สามารถฝึกถึงแดนราชาเทพสี่กงล้อ

“ถูโยวหมิงล่ะ?”หลัวซิวก้าวเท้าเดินไปสอบถามด้านหน้าซูเสว่หลัน

และในเวลานี้เอง จอมยุทธ์ที่ประมือกับซูเสว่หลันในเมื่อครู่นี้ก็ผันร่างเป็นแสงกลแล้วบินหนีไป เห็นได้ชัดเจนเลยว่าศักยภาพที่หลัวซิวแสดงออกมาในเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตกใจแล้วหนีไป

หลัวซิวไม่ได้สนใจการจากไปของคนดังกล่าวแต่อย่างใด ไม่ว่าคนดังกล่าวจะมีบุญคุณความแค้นอะไรต่อซูเสว่หลันที่อยู่ตรงหน้า ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา

สามารถพูดได้เลยว่าเมื่อปีนั้นหากไม่ใช่เพราะถูโยวหมิงมุ่งมั่นขนาดนั้น หลัวซิวไม่ค่อยชอบหน้าสตรีเจ้าเล่ห์คนนี้เท่าไหร่นัก

หลัวซิวสอบถามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับถูโยวหมิงโดยตรง และนี่ก็อยู่ในการคาดหมายของซูเสว่หลันเช่นกัน อีกทั้งเมื่อนางเห็นว่าหลัวซิวปรากฏที่นี่ นางก็เตรียมใจเผชิญหน้ากับคำถามนี้แล้ว

ฉะนั้นเมื่อซูเสว่หลันได้ยินคำถามของหลัวซิว สีหน้านางจึงหม่นหมองลงไปภายในพริบตา

“โยวหมิงเขา……เขาตายแล้ว……”ใบหน้าของซูเสว่หลันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหม่นหมองโศกเศร้า เบ้าตาก็แดงก่ำเล็กน้อย มีน้ำตาเป็นประกายอยู่ในดวงตาลาง ๆ

“ตายแล้ว?”

เมื่อหลัวซิวได้ยินคำตอบนี้ เขาก็ขมวดคิ้วลงอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าคำตอบนี้ของซูเสว่หลันจริงเท็จเท่าไหร่

แต่หลัวซิวสันนิษฐานว่าซูเสว่หลันนี่น่าจะไม่ถึงขั้นเอาเรื่องเช่นนี้มาล้อเล่น ถูโยวหมิงมีโอกาสตายแล้วจริง ๆ

อย่างไรเสียครั้นเมื่อถูโยวหมิงมาถึงโลกร้าง เขาก็เป็นเพียงเทพมารระดับหกเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น บวกกับเขาถูกเรื่องอารมณ์ความรู้สึกพันธนาการ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสตรีที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์อย่างซูเสว่หลัน การที่เขายังมีชีวิตอยู่สิถึงจะเป็นเรื่องแปลก

มาตรแม้นได้ยินข่าวการตายของถูโยวหมิง สภาพจิตใจหลัวซิวก็ไม่มีการผันผวนเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากจอมยุทธ์ทุกคนที่ย่างกรายสู่เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ อันที่จริงต่างก็เตรียมใจเผชิญหน้ากับการดับสลายสูญสิ้นได้ตั้งนานแล้ว

แม้แต่ตัวหลัวซิวเอง แท้จริงแล้วเขาก็รู้แจ้งในเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว

“เขาตายอย่างไร? ขณะที่เขาตายผลการฝึกตนอยู่ระดับใด?”หลัวซิวถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม หากถูโยวหมิงตายขณะที่ผลการฝึกตนไม่สูงละก็ หลัวซิวมั่นใจว่าสามารถย้อนเพลาไหลรวยทำให้เขาฟื้นคืนชีพกลับมาได้อยู่

“ข้าไม่ทราบ……”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลัวซิวคาดไม่ถึงคือ ซูเสว่หลันส่ายหน้าแล้วตอบกลับ: “ครั้นเมื่อข้าและโยวหมิงเพิ่งมาถึงดาราทงซัง โยวหมิงร่วมขบวนกับคนกลุ่มหนึ่งเพื่อออกตามหาสมบัติในห้วงดารา หลังจากที่เขาจากไปแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย”

ในขณะที่หลัวซิวกำลังจะเอ่ยปากสอบถามอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา “หน็อยนางแซ่ซูตัวดี มึงคิดว่าตามผู้ช่วยมาคนหนึ่ง แล้วจะหนีเงื้อมมือท่านชายอย่างกูพ้นหรือ?”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็บินออกมาจากเมืองหยุนซังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วปรากฏตรงหน้าซูเสว่หลันทันที

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวมองเห็นจอมยุทธ์ที่ประมือกับซูเสว่หลันในเมื่อครู่นี้ยืนอยู่ข้างกายชายวัยกลางคนคนนั้น

“โกวต๋า! มึงอย่าได้รังแกผู้อื่นมากเกินไปนัก! มึงทำให้สามีกูตายและแย่งสมบัติพวกกูไป มึงยังคิดที่จะทำอะไรอีก?”

เมื่อซูเสว่หลันเห็นชายวัยกลางคนปรากฏ ภายในดวงตาที่มีน้ำตาเออล้นก็มีความเคียดแค้นปรากฏทันที อารมณ์ความรู้สึกก็ฮึกเหิมขึ้นมาเช่นกัน

“ซูเสว่หลัน มึงอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีนะ การตายของคู่ครองมึงไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกู”

ชายวัยกลางคนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง แววตาที่เยือกเย็นคู่นั้นกวาดมองหลัวซิวรอบหนึ่ง “สหายคนนี้เพิ่งมาดาราทงซังเป็นครั้งแรกสินะ? ฟังคำตักเตือนของแซ่โกวข้าหน่อยเถอะ เรื่องบางอย่างเจ้าอย่าริอ่านเข้ามายุ่งเกี่ยวจักดีกว่า มิฉะนั้นอาจสิ้นชีพได้”

ภายในคำพูดดังกล่าวของโกวต๋าเต็มเปี่ยมไปด้วยความข่มขู่ แต่หลัวซิวกลับไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งยังเคยตายอยู่ในเงื้อมมือตัวเอง แล้วเขาจะใส่ใจต่อคำข่มขู่ของเทพมารระดับเก้ากระจอก ๆ คนหนึ่งหรือ?

คนดังกล่าวแตกต่างจากซูเสว่หลันที่หลังศีรษะมีกงล้อเทพหนึ่งวง หลังศีรษะโกวต๋านี่มีกงล้อเทพถึงสี่วงถ้วน ถึงแม้คุณภาพของกงล้อเทพทั้งสี่วงนั้นจะไม่สูงก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีกงล้อเทพหนึ่งวงสามารถเทียบเคียงได้

เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่หันมามองตัวเองด้วยซ้ำ จึงทำให้โกวต๋ารู้สึกว่าตัวเองโดนมองข้าม สีหน้าจึงดูย่ำแย่ลงไปภายในพริบตา

ในขณะที่โกวต๋าวางแผนจะหาข้ออ้างมาอบรมสั่งสอนเจ้าเด็กใหม่คนนี้อยู่นั้น จู่ ๆ สายตาเขาก็สังเกตเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายหลัวซิว

“ช่างเป็นสตรีที่งามเพลิศพริ้งยิ่งนัก!”

สายตาของโกวต๋าถูกเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ในชุดสีแดงล้วนดึงดูดไปในทันที เขาใช้ชีวิตอยู่ในดาราทงซังมานานเช่นนี้ ได้พบเห็นรู้จักโฉมงามมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดพูดถึงออร่าและความงดงาม กลับไม่มีคนใดที่สามารถเทียบเคียงกับสตรีชุดแดงที่อยู่ตรงหน้านี้ได้เลย

“หื้ม?”

โกวต๋าใช้แววตาที่กำเริบเสิบสานกวาดมองภรรยาตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงทำให้สีหน้าของหลัวซิวเยือกเย็นขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ