มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2944



ตลอดช่วงเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา หลัวซิวสืบเสาะเบาะแสของพวกต้วนคงมาโดยตลอด ทว่ากลับไม่มีความคืบหน้าอะไรตลอดมา

เมืองต้าฮวงโบราณล่มสลายไปแล้ว ชนเผ่าฮวงที่เก่าแก่กลายเป็นประวัติศาสตร์ แดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดทั้งสองอย่างตระกูลเทียนฮวงรวมไปถึงอาณากระบี่หวูจี๋ก็กลายเป็นซากปรักหักพัง ราวกับประวัติศาสตร์ของทั้งห้วงดาราโลกร้างเข้าสู่ยุคสมัยใหม่

แท้จริงแล้วเกมการพนันของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ส่วนยอดของพีระมิด ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อจอมยุทธ์ที่อยู่ฐานพีระมิดมากเท่าไหร่นัก ภายใต้การกดอัดจากพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เหล่าสำนักตระกูลที่เคยพึ่งพิงชนเผ่าฮวง ตระกูลเทียนฮวงรวมไปถึงอาณากระบี่หวูจี๋ก็ทำได้เพียงไปขอที่พึ่งจากกองกำลังที่เพิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่

พวกต้วนคงล้วนมีความเกี่ยวข้องกับอาณากระบี่หวูจี๋ การที่หลัวซิวสืบเสาะเบาะแสของพวกเขาอยู่ในโลกร้าง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายอย่างไร้ข้อสงสัยเลย เนื่องจากเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็มีโอกาสถูกมองว่าเป็นกากเดนของอาณากระบี่หวูจี๋สูงมาก

แม้จะอันตรายก็ตาม ทว่าหลัวซิวก็ต้องทำอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเขาได้รับเบาะแสบางอย่างมา จึงรีบเร่งเดินทางไปทันที

เมืองเฟยฮวงเป็นคูเมืองที่เพิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ในโลกร้าง ซึ่งเข้ามาทดแทนตำแหน่งเดิมของเมืองต้าฮวงโบราณ ภายในห้องที่นั่งพิเศษบนชั้นสองของภัตตาคารแห่งหนึ่ง หลัวซิวได้พบกับสตรีที่ท่าทางอ่อนช้อยและมีเสน่ห์คนหนึ่ง

สตรีคนดังกล่าวดูมีอายุประมาณ 30 กว่า ร่างกายอุดมสมบูรณ์ สัดส่วนสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ เสื้อผ้าหน้าผมก็ดูค่อนข้างชิลล์สบาย สวยต้องมนต์

“ได้ยินมาว่าเจ้ากำลังสืบเสาะคนเหล่านี้อยู่หรือ?”

ทันทีที่หลัวซิวเข้าไปภายในห้องพิเศษ สตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยปากถามเข้าประเด็นโดยตรง นางโบกมือทีหนึ่ง ใช้แรงเต๋าแปลงรูปร่างลักษณะของคนกลุ่มหนึ่งออกมา

ในเมื่อหลัวซิวจะสืบเสาะเบาะแสของพวกเขา หลัวซิวย่อมต้องมีม้วนหยกที่มีรูปร่างลักษณะของพวกต้วนคงสลักอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นกิริยาท่าทางดังกล่าวของฝ่ายตรงข้าม จึงไม่ได้ทำให้หลัวซิวรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด

“ใช่ ได้ยินมาว่าเจ้ามีเบาะแสหรือ?”

การที่หลัวซิวสามารถพบหน้าสตรีนางนี้ที่นี่ได้นั้น ย่อมต้องมีคนกลางอยู่แล้ว ซึ่งคนกลางที่กล่าวถึงแท้จริงแล้วก็มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับสื่อกลาง หลัวซิวเป็นผู้นำข้อมูลของบุคคลที่ตนจะตามหาฝากฝังให้ผู้อื่นจัดการ

“เบาะแสน่ะ สามารถพูดได้เลยว่าทั้งมีและไม่มี”สตรีสวยยั่วยวนยิ้ม ริมฝีปากที่แดงก่ำโค้งงามได้รูปอย่างมีเสน่ห์

“ผู้เพื่อนยุทธ์กำลังล้อเล่นกับข้าหรือ?”เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคำตอบที่กำกวมของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำให้หลัวซิวรู้สึกพึงพอใจได้

ภายใต้กระแสสัมผัสตัวสำนึกของเขา แม้นสตรีคนนี้จะเก็บออร่าผลการฝึกตนเข้าไปแล้ว แต่หลัวซิวก็ยังสามารถดูออกได้อยู่ว่าอย่างน้อยผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ต่ำกว่าระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ยิ่งกว่านั้นคืออาจสูงกว่านี้ก็เป็นได้

ต้องท้าวความก่อนว่าผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อเป็นต้นไปมันไม่ได้หากันง่าย ๆ เลยนะ การที่ฝ่ายตรงข้ามปรากฏที่นี่ ก็ทำให้หลัวซิวระแวดระวังขึ้นมาแล้ว

“แน่นอนอยู่แล้วว่าข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า ข้าไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่เจ้าจะตามหาอยู่ที่ใด แต่กลับรู้อยู่ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ทราบว่าคำตอบนี้สามารถทำให้เจ้าพึงพอใจได้หรือไม่?”สตรีสวยยั่วยวนตอบกลับ

“อีกอย่าง ถ้าเกิดข้าเดาไม่ผิดละก็ สภาพ ณ วินาทีของเจ้าไม่ใช่โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าสินะ? กลุ่มคนที่เจ้าต้องการตามหาล้วนมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีนามว่าหลัวซิว เช่นนั้นข้าควรก็จะเรียกแทนเจ้าว่าท่านชายหลัวหรือเปล่า?”

สตรีสวยยั่วยวนอมยิ้ม คำพูดที่นางพูดออกมาเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

หลัวซิวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสตรีคนดังกล่าว สำหรับเรื่องที่ตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผยนั้น สีหน้าอารมณ์เขากลับดูไม่ตะลึงและลนลานเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับยังคงเรียบนิ่งสุขุมอยู่เหมือนเคย

เหมือนอย่างที่สตรีนางนี้กล่าวมา สำหรับกลุ่มคนที่เขาต้องการตามหานั้น ขอให้เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบก็ล้วนแต่จะสังเกตได้ว่าพวกเขาล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเขา เช่นนั้นการที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถนึกโยงมาถึงตัวตนของตัวเองได้นั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“โอ๊ะ? เจ้าไม่กลัวหรือ? โลกร้างในปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูเชียวนะ อ้างอิงจากข้อมูลที่ข้าทราบ เจ้าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะวิถีเซียนที่กองกำลังใหญ่ทั้งสองประกาศจับ”สตรีสวยยั่วยวนหรี่ตาลง เมื่อเห็นว่าสีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวยังคงสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย จึงทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

“ดูท่าเจ้าทราบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับข้าเยอะมาก เจ้ารู้จักข้า แต่ข้ากลับไม่รู้จักเจ้า ยังไม่ได้ถามเลยว่าแม่นางชื่ออะไรหรือ?”หลัวซิวยิ้มอ่อนอย่างยี่หระ

“แม่นาง? พ่อคุ๊ณข้าดูเหมือนสาวน้อยคนหนึ่งหรือ?”นึกไม่ถึงเลยว่ารอยยิ้มของสตรีสวยยั่วยวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะหายวับไปกะทันหัน ถลึงตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

“แล้วข้าควรเรียกแทนเจ้าว่าอะไร? วีรสตรี? ผู้เพื่อนยุทธ์? พี่สาว? หรือเรียกเจ้าว่าย่าน้อย?”หลัวซิวพูดหยอกล้ออย่างหาพบได้ยาก

เพราะเขาสัมผัสเจตนาร้ายจากตัวสตรีคนนี้ไม่ได้

“เจ้านี่มัน ทำแค่พอเหมาะพอควรก็ควรหยุดได้แล้วกระมัง?”

สตรีสวยยั่วยวนตบโต๊ะแล้วลุกพรวดขึ้นมา “อย่าลืมนะว่าเจ้ายังเป็นหนี้บุญคุณข้า!”

เมื่อนางเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้ออกมาด้วยตนเอง รูม่านตาของหลัวซิวก็หดลงเล็กน้อย ภายในใจทราบแล้วว่าสตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคือผู้ใด

เขาไม่เคยเห็นหน้าสตรีคนดังกล่าวมากก่อนจริง ๆ แต่กลับเคยเห็นบุคลิกลักษณะครั้นเมื่อนางยังเป็นเด็กอยู่

“เหอะ ๆ ที่แท้ก็คือเทพธิดาหยุนเซวียนนี่เอง”

หลัวซิวบอกตัวตนของฝ่ายตรงข้ามออกมาภายในคำพูดเดียว

“หึ เจ้าเพิ่งรู้รึ?”สตรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเบ้ปาก ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ