“เจ้าแน่ใจหรือว่าเราสองคนร่วมมือกันแล้วจะสามารถกำจัดผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งได้?”
หลัวซิวคิดได้แล้วว่าตัวเองต้องชดใช้หนี้บุญคุณเมื่อครั้นนั้น แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเงื่อนไขที่เทพธิดาหยุนเซวียนเสนอคือจะให้เขาไปจัดการคู่ต่อสู้ระดับผู้แกร่งเลิศคนหนึ่ง
แม้จะอยู่ในแดนผู้สูงส่งเหมือนกัน แต่ผู้แกร่งเลิศคือผู้สูงส่งขั้นสูงเชียวนะ เป็นผู้แข็งแกร่งที่แทบจะก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปยังระดับประมุขเต๋าแล้ว ต่อให้หลัวซิวจะมีความมั่นใจในตัวเองมากเพียงใด ด้วยผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงในปัจจุบัน ยังพอถูไถเทียบเคียงกับผู้สูงส่งช่วงปลายได้ หากได้ปะทะกับผู้แกร่งเลิศแล้ว ต้องไม่มีโอกาสที่สามารถชนะได้อย่างแน่นอน
ส่วนการใช้พลังแห่งเซียนที่อยู่ในขวดเซียนอัคคีหลอมจิตนั้น หลัวซิวกลับไม่ได้คำนึงถึงด้านนี้เลย เพราะการใช้พลังแห่งเซียนจัดการผู้แกร่งเลิศคนหนึ่ง มันเป็นการกระทำที่สิ้นเปลืองชัด ๆ
“เจ้ากลัวแล้วหรือ?”เทพธิดาหยุนเซวียนเหล่ตามองหลัวซิว
“ก็ไม่ถึงขั้นกลัวหรอก ลำดับแรกคือเจ้าต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจก่อนว่าจุดประสงค์ในการทำเช่นนี้ของเจ้าคืออะไร? แล้วเจ้ามีความมั่นใจต่อเรื่องนี้มากเท่าไหร่?”หลัวซิวทำท่ายักไหล่พลางถาม
“เจ้าผนึกรวมพลังเซียนออกมาได้แล้ว เช่นนั้นจากผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงของเจ้า ภายใต้สภาวะที่ทุ่มสุดกำลังสามารถ สามารถปลดปล่อยกำลังรบที่เทียบเท่าผู้สูงส่งช่วงปลายออกมาได้ ผู้สูงส่งช่วงปลายสองคนจัดการผู้สูงส่งขั้นสูงคนหนึ่ง บวกกับมีการวางแผนล่วงหน้า ไม่ว่าอย่างไรอัตราสำเร็จก็ไม่ต่ำกว่าห้าส่วนแน่นอน”
เทพธิดาหยุนเซวียนทัดผมไว้หลังหู “ต่อให้เราสองคนจะสู้ไม่ไหว แต่ถ้าจะหลบหนีละก็ มันก็หยุดยั้งข้าและเจ้าเอาไว้ไม่ได้”
หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่หลัวซิวยังไม่ทราบตัวตนของเทพธิดาหยุนเซวียน เขาต้องไม่มีทางเห็นด้วยกับแผนการของเทพธิดาหยุนเซวียนแน่นอน แม้นเขาจะมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง แต่กลับไม่คิดว่าเทพธิดาหยุนเซวียนจะมีกำลังรบที่สามารถเทียบทัดตัวเองได้
แต่หลัวซิวนึกไม่ถึงเลยว่าความเป็นมาของเทพธิดาหยุนเซวียนนี่จะยิ่งใหญ่เช่นนี้ ผลการฝึกตนอยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงเหมือนกัน ดูเหมือนเทพธิดาหยุนเซวียนที่มีอุปนิสัยตรงไปตรงมานี่จะมีศักยภาพที่เทียบทัดผู้สูงส่งช่วงปลายจริง ๆ หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่านั้นก็เป็นได้
จวบจนปัจจุบัน สามารถพูดได้เลยว่านางเป็นคนแรกที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าเป็นผู้ที่สามารถเทียบทัดตนเองได้เมื่ออยู่ในแดนเดียวกัน
ส่วนตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดาหยุนเซวียนนั้น……นางก็คือบุตรสาวแห่งราชาเซียน!
ราชาเซียนที่กล่าวถึงในที่นี้ ก็คือราชาเซียนที่ชี้แนะการฝึกตนให้แก่พวกมกุฎเต๋าหวูจี๋ทั้ง 14 ในยุคต้าเหยียนนั่นเอง
ราชาเซียนชี้แนะการเพ็ญตนให้พวกเขา แต่กลับไม่เคยรับพวกเขาเป็นศิษย์อย่างแท้จริงมาก่อน แต่ทว่าต่อมาพวกมกุฎเต๋าหวูจี๋แค่แสดงตัวเป็นศิษย์ของราชาเซียนเท่านั้นเอง
ส่วนเทพธิดาหยุนเซวียนกลับแตกต่างกัน นางเป็นบุตรสาวของราชาเซียน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่แท้จริงของราชาเซียน นางได้สืบทอดสายเลือดของราชาเซียน มีพรสวรรค์ปัญญาที่ไม่อาจเทียบเคียงตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งวรยุทธ์ที่นางเริ่มฝึกตั้งแต่แรกก็เป็นวรยุทธ์ระดับราชาเซียนแล้ว
ส่วนพวกมกุฎเต๋าหวูจี๋ทั้ง 14 คน แค่ได้สืบทอดวรยุทธ์ธรรมดาของราชาเซียน ผลสำเร็จในอนาคตของพวกเขา ล้วนเกิดจากการอาศัยความพยายามของตัวเอง ต่างคนต่างเดินบนวิถีเส้นทางที่แตกต่างกัน
สามารถพูดได้เลยว่าราชาเซียนเป็นเพียงผู้นำทางของพวกเขา แค่โน้มนำให้พวกเขาก้าวสู่เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ ส่วนด้านการถ่ายทอดสืบสานนั้น ราชาเซียนไม่ได้ถ่ายทอดอะไรให้พวกเขาจริง ๆ
ออกจากภัตตาคารแห่งนี้พร้อมกับเทพธิดาหยุนเซวียน ทั้งสองอำพรางออร่า ก่อนจะมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองเฟยฮวงหลายล้านลี้
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก็เข้าใจเรื่องค่ายกลเช่นกัน เจ้าสามารถจัดวางค่ายกลระดับใดหรือ?”เทพธิดาหยุนเซวียนถามหลัวซิว
“ระดับผู้สูงส่งชั้นสูง”หลัวซิวตอบกลับ
โดยส่วนใหญ่แล้วค่ายกลที่อยู่ในระดับเดียวกันจะมีการแบ่งเป็นชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูงและขั้นสุดยอดสี่ระดับ
ค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงที่กล่าวถึงนั้น ก็คือพลานุภาพของค่ายกลเทียบเท่าระดับผู้สูงส่งช่วงปลาย และเป็นขีดจำกัดของค่ายกลที่หลัวซิวในปัจจุบันสามารถจัดวางได้เช่นกัน
แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าเกิดแค่อาศัยการสลักวาดลายค่ายลงกลางอากาศละก็ พลานุภาพของค่ายกลที่เขาสามารถจัดวางต้องบรรลุไม่ถึงระดับนี้แน่นอน จากการที่ระดับของค่ายกลเพิ่มขึ้น การที่อยากจัดวางค่ายกลที่มีพลานุภาพทรงพลังออกมาได้นั้น ก็จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบระดับสูงต่าง ๆ นานาถึงจะสามารถจัดวางได้
“เจ้าไม่เลวเลยนี่”เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซิว แววตาของเทพธิดาหยุนเซวียนก็เป็นประกายขึ้นมา เดิมทีนางคิดว่าการที่หลัวซิวสามารถจัดวางค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นกลางได้ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้เล็กน้อย
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เทพธิดาหยุนเซวียนก็ยื่นแหวนเก็บของให้หลัวซิวหนึ่งวงแล้วพูด: “ของที่อยู่ภายในคือวัตถุดิบที่ใช้ในการจัดวางค่าย เจ้าพยายามจัดวางค่ายกลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ล่ะ”
“นี่เจ้าจับกุมข้ามาขายแรงงานหรือ?”
หลัวซิวยิ้มพลางรับแหวนเก็บของมา แผ่ตัวสำนึกเข้าไปสำรวจภายใน ก่อนที่สีหน้าจะแข็งทื่อลงไปในทันที
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่อยู่ในนี้มาจัดวางค่ายกล?”
“มีปัญหาอะไรหรือ?”
“เจ้าคิดว่ามีปัญหาไหมล่ะ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจัดวางค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงหนึ่งค่ายมันซับซ้อนมากเพียงใด? เจ้าเอาวัตถุดิบให้ข้าเยอะเช่นนี้ นี่เจ้าจักเอาให้ข้าเหนื่อยจนตาย หรือมาอวดความมั่งคั่งของเจ้า?”หลัวซิวพูดแขวะอย่างรู้สึกปลง
แหวนเก็บของที่เทพธิดาหยุนเซวียนให้เขา ภายในเต็มเปี่ยมไปด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ นานา อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบระดับสูงที่สามารถนำมาจัดวางค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงด้วย
แต่ว่าอย่างไรเสียผลการฝึกตนของหลัวซิวก็เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูง ท้ายที่สุดแล้วผลการฝึกตนไม่เพียงพอก็เป็นข้อด้อยของเขา เขาสามารถจัดวางค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงได้ แต่มากสุดก็แค่สามารถจัดวางสองสามค่าย ผลการฝึกตนของเขาก็น่าจะแห้งเหือดแล้วล่ะ
เทพธิดาหยุนเซวียนก็ทำหน้าเกรงใจเล็กน้อยอย่างหาพบได้ยากเช่นกัน “อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้แกร่งเลิศ แค่อาศัยพลานุภาพของค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงเอาชนะด้วยจำนวนค่ายกล”
แม้หลัวซิวจะอยากพูดแขวะมาก ๆ ว่าคนที่จัดวางค่ายกลไม่ใช่เจ้าสักหน่อย แต่เขาก็ยอมรับเช่นกันว่าสิ่งที่เทพธิดาหยุนเซวียนกล่าวมาเป็นความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...