แท้จริงแล้วไม่ต้องให้เทพธิดาหยุนเซวียนย้ำเตือน หลัวซิวก็วางแผนที่จะทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าแค่อาศัยพวกเขาทั้งสองคนที่มีศักยภาพเทียบเท่าผู้สูงส่งช่วงปลายร่วมมือกัน ไม่สามารถต่อกรกับผู้สูงส่งอัมพรเทวที่อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศได้ด้วยซ้ำ
“โครมโครมโครมโครม……”
ค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงหลายสิบค่ายระเบิดพลานุภาพที่น่าสยดสยองและมากมายมหาศาลออกมาพร้อมกัน ผู้สูงส่งอัมพรเทวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจมหายเข้าไปในคลื่นพลานุภาพที่ไร้ขอบเขตภายในพริบตา
“ไอ้ชาติชั่ว! ที่แท้พวกมึงก็วางแผนไว้ตั้งนานแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะวางกับดักไว้ที่นี่!”
เสียงที่โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งของผู้สูงส่งอัมพรเทวสะท้อนมา น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น
เนื่องจากค่ายกลที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นค่ายที่หลัวซิวจัดวางขึ้นมาด้วยมือตนเอง ดังนั้นเมื่ออยู่ภายในเขตพื้นที่ที่พลังของค่ายกลครอบคลุม หลัวซิวและเทพธิดาหยุนเซวียนทั้งสองคนก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลเลยแม้แต่น้อย
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็ลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ผู้สูงส่งอัมพรเทวได้เล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะพลังค่ายกลหลายสิบค่ายกดอัดฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ พลังโจมตีของพวกเขาทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้ร่วงลงบนตัวผู้สูงส่งอัมพรเทวด้วยซ้ำ
แดนผู้แกร่งเลิศแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่ว่าเพราะความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นี่แหละ จึงทำให้จิตที่จะรบของหลัวซิวฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น พลังเซียนที่อยู่รอบกายถูกเขาโคจรถึงขีดสูงสุด เข็มทิศสาสน์เต๋าสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ คลื่นพลังทั้งหลายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่ากระเพื่อมออกไปทั่วทุกสารทิศ
“ปริภูมิทำลายล้าง!”
ขั้นแรกของเข็มทิศสาสน์เต๋าถูกหลัวซิวกลั่นแปรสำเร็จ จึงยึดกุมพลังแห่งปริภูมิ บวกกับการตระหนักรู้ในเต๋าปริภูมิของหลัวซิวลึกซึ้งมากอยู่แล้ว อีกทั้งภายใต้การปลุกเสกจากพลังเซียน ทำให้ปริภูมิที่อยู่รอบ ๆ เริ่มพังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว
พลังออร่าที่น่ากลัวทำให้ผู้สูงส่งอัมพรเทวตื่นตระหนก เขารีบเรียกเตาเล็ก ๆ หนึ่งเตาออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะ แรงเต๋าโคจร แล้วคอยคุ้มกันอยู่รอบกาย
นี่คืออาวุธเทพมหาศักดิ์ชั้นสูงหนึ่งชิ้น ภายใต้การโจมตีจากพลังของปริภูมิทำลายล้าง ม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพสั่นเทิ้มอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่ถูกทลาย
“ไปตายซะเถอะ!”
หลังจากเรียกอาวุธเทพคุ้มกันออกมาแล้ว ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ไม่สนใจการโจมตีของค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากอีกต่อไป หอกเทวเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา ก่อนจะทิ่มแทงไปทางหลัวซิวพร้อมกับร่องรอยที่อนัตตาแตกร้าว
“หอคอยฮวง!”
มีหอคอยสีทองเล็ก ๆ หลังหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วหลัวซิว กลายเป็นลำแสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งตรงไปทางผู้สูงส่งอัมพรเทว
“ปั้ง!”
ณ เสี้ยววินาทีที่หอคอยฮวงพุ่งชนเข้ากับเตาเทพที่ลอยอยู่เหนือศีรษะผู้สูงส่งอัมพรเทว แสงหอกดวงหนึ่งก็ทะลวงร่างกายหลัวซิวเช่นกัน ส่งผลให้มีหมอกเลือดระเบิดออกมาจากตัวหลัวซิว
พลังเซียนผันเปลี่ยนเป็นพลังแห่งกำเนิด หลัวซิวไม่ได้สนใจสภาพอาการบาดเจ็บบนร่างกายตัวเองด้วยซ้ำ หรือร่างเนื้อของเขาเทียบทับอาวุธเทพมหาศักดิ์นั่นเอง เขาถึงสามารถต้านรับพลังโจมตีหนึ่งของผู้แกร่งเลิศ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นเสี่ยง ๆ ไปตั้งนานแล้ว
สีหน้าอารมณ์ของผู้สูงส่งอัมพรเทวดูผงะเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าพลังโจมตีในเมื่อครู่นี้ของตนจะไม่สามารถสังหารคนดังกล่าวได้ และในเวลานี้เอง ลำแสงสีทองดวงหนึ่งได้บินตรงเข้ามาแล้ว ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพที่อยู่เหนือศีรษะเขาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“แคว็ก!”
มีเสียงแตกร้าวสะท้อนเข้าไปในหู สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวดูตะลึงงันมาก จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังน่ากลัวที่เกะกะระรานซัดกระหน่ำลงร่างกายตน ม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพถึงขั้นแตกสลายไปแล้ว!
ผู้สูงส่งอัมพรเทวกระอักเลือดเฮือกหนึ่ง ร่างกายกระเด็นออกไป แม้นเขาจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งกลั่นร่าง แต่เมื่ออาศัยผลการฝึกตนที่ลึกซึ้ง ก็พอต้านทานพลังโจมตีนี้ของหอคอยฮวงเอาไว้ได้
แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ก็เป็นเพราะหลัวซิวไม่สามารถระเบิดอานุภาพทั้งหมดของหอคอยฮวงออกมาได้ หากระเบิดพลานุภาพทั้งหมดของหอคอยฮวงออกมา อย่าว่าแต่ผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นประมุขเต๋าตลอดจนมกุฎเต๋า เมื่อถูกโจมตีเข้าอย่างจัง ก็อย่าคิดว่าจะสามารถต้านทานได้
“หอคอยฮวง! มึงคือหลัวซิว!?”
แววตาที่ตะลึงงันของผู้สูงส่งอัมพรเทวจ้องมองไปทางหลัวซิว เนื่องจากการวิวัฒนาการของไร้ลักษณ์ ทำให้พลังออร่าและรูปร่างบุคลิกของหลัวซิวล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง วิถีไร้ลักษณ์ไร้ร่องรอยที่สามารถสืบหา ฉะนั้นตั้งแต่เริ่มต้น ผู้สูงส่งอัมพรเทวจึงจำเขาไม่ได้
แต่ว่าหลังจากหอคอยฮวงปรากฏ ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ไม่มีทางจำผิดอีกแล้ว อย่างไรเสียอัญดั้งเดิมชิ้นนี้ก็เคยถูกเขายึดกุมมายาวนานมาก ๆ
“ถูกต้อง กูเอง คนทรยศอย่างมึงคงคิดไม่ถึงสินะ”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางตอบกลับ การประมือในเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย แท้จริงแล้วสภาพอาการบาดเจ็บของผู้สูงส่งอัมพรเทวหนักกว่าเขาเล็กน้อย อย่างไรเสียแม้นผู้สูงส่งอัมพรเทวจักแข็งแกร่ง เขาก็ฝึกแรงเต๋าอย่างธรรมเวชกาลร้างแค่ประเภทเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนหลัวซิวที่สามารถใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งกำเนิด สภาพอาการบาดเจ็บฟื้นฟูกลับมาเยอะมาก ๆ แล้ว
“มึงหุบปากไปซะ! มึงมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ากูคือผู้ทรยศ? ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะมึงแย่งหอคอยฮวงไป แล้วสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ของกูจะถูกล้มล้างได้อย่างไร? แล้วจะมีทางศิโรราบต่อผู้อื่นได้อย่างไร?”
เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ดูดุร้ายขึ้นมา แววตาที่เพ่งมองหลัวซิวเปี่ยมล้นไปด้วยความเคียดแค้น ดุร้ายน่ากลัวปานคนสติฟั่นเฟือง
“มึงหลงตัวเองต่างหาก หอคอยฮวงไม่ได้ยอมรับมึงเป็นเจ้าด้วยซ้ำ แต่มึงกลับใช้อำนาจยึดครองไม่ยอมถ่อมตัวและเอื้อเฟื้อ ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น มึงยังคิดที่จะสังหารกู แล้วเหตุใดกูจึงไม่สามารถต่อต้าน? หรือว่าในสายตามึง แค่มึงสามารถใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่น แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามึงไปจัดการมึง?”หลัวซิวยิ้มเยาะพลางพูด
“กูไม่อยากเปลืองน้ำลายกับคนใกล้ตาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...