ในฐานะที่เป็นบุตรสาวแห่งราชาเซียน วรยุทธ์ที่เทพธิดาหยุนเซวียนฝึกย่อมต้องเป็นวรยุทธ์วิถีเซียนอยู่แล้ว แถมภายในร่างกายนางได้ผนึกรวมพลังเซียนออกมาตั้งนานแล้ว
จำเป็นต้องใช้พลังเซียนมากระตุ้นฮู้เซียน หลังจากที่นางถ่ายเทผลการฝึกตนครึ่งหนึ่งในร่างกายเข้าไปในฮู้เซียนชิ้นนี้แล้ว ก็มีรัศมีที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากฮู้เซียน
“เวิ่ง!”
เทพธิดาหยุนเซวียนสะบัดมือทีหนึ่ง ฮู้เซียนก็กลายเป็นแสงกลรุ้งยาวดวงหนึ่งบินออกไป
เมื่อผู้สูงส่งอัมพรเทวตอบสนองกลับมาได้ ทุกอย่างก็ช้าเกินไปแล้ว
ร่างกายของเขาถูกพันธนาการ ยิ่งกว่านั้นคือไม่เพียงร่างกายเขาเท่านั้น แม้แต่เวลาและปริภูมิที่อยู่รอบกายก็ถูกคุมขังเช่นกัน ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบกายราวกับหยุดนิ่งไปแล้วยังไงอย่างนั้น ราวกับพลังอมตะที่ทำให้ห้วงเวลาหยุดนิ่ง แต่กลับน่ากลัวกว่าห้วงเวลาที่หยุดนิ่งเสียอีก
ในขณะที่เทพธิดาหยุนเซวียนกระตุ้นฮู้เซียน หลัวซิวก็ผนึกรวมพลังเซียนในร่างกายเช่นกัน ดังนั้น ณ เสี้ยววินาทีที่ผู้สูงส่งอัมพรเทวถูกฮู้เซียนพันธนาการ เงาร่างของหลัวซิวก็หายไปภายในพริบตา ก่อนจะมาถึงเหนือศีรษะผู้สูงส่งอัมพรเทว
“นี่คือพลังอมตะอะไร?”
ผู้สูงส่งอัมพรเทวตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี วินาทีนี้สิ่งเดียวของเขาที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่นั่นก็คือความคิดของเขา ทว่ามีเพียงความคิดแต่กลับไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้ ยิ่งกว่านั้นคือภายใต้สถานการณ์ที่แม้แต่ตัวสำนึกยังถูกพันธนาการไปด้วย ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์ที่ลึกซึ้ง
เขาสัมผัสการหมุนเวียนของออร่าพลังเต๋าของเวลาและปริภูมิไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงสามารถยืนยันได้ว่า กลอุบายที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ต้องไม่มีทางใช่ห้วงเวลาหยุดนิ่งแน่นอน……
ทันใดนั้นเอง ก็มีวิกฤตการณ์แห่งความตายที่น่ากลัวแผ่คลุมท้ังร่างกายเขา ผู้สูงส่งอัมพรเทวไม่สามารถเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่กลับทราบอยู่ว่าหลัวซิวในวินาทีนี้ต้องอยู่เหนือศีรษะตนแน่นอน แล้วปลดปล่อยพลังโจมตีที่ทรงพลังและรวดเร็วเฉียบคมที่สุดของเขาลงมา
“ตราเข้าล็อกเดิม!”
แสงเซียนที่งดงามตระการตาอย่างไร้ขอบเขตผนึกรวมกันอยู่กลางฝ่ามือหลัวซิว หลังจากแสงเซียนผนึกรวมกันถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ก็ราวกับกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง แต่ก็เหมือนดาบเล่มหนึ่ง และเหมือนหอกเล่มหนึ่งด้วย
นี่คือพลังอมตะที่ได้รับการยกระดับโดยการหลอมรวมพลังอมตะนับหมื่นแสนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็มีแก่นสารที่เปลี่ยนจากไม่มีเป็นมีของวิถีไร้ลักษณ์สะท้อนออกมาด้วย
ไร้ลักษณ์สามารถวิวัฒนาการความว่างเปล่าให้กลายเป็นสรรพสิ่ง และสามารถวิวัฒนาการสรรพสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่าได้เช่นกัน……
กรณีแรกคือความโชคดี กรณีหลังคือความพังพินาศ
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ และผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างอีก แค่อาศัยระดับความแข็งแกร่งของร่างเนื้อเขา ไม่มีทางต้านทานพลังโจมตีในครั้งนี้ได้ด้วยซ้ำ
“ปั้ง!”
เพียงเสี้ยววินาทีเดียว แสงโลหิตก็แตกกระเด็น มีแสงเซียนดวงหนึ่งร่วงหล่นลงมา พุ่งตกลงมาจากด้านบนสู่ด้านล่างภายในเสี้ยววินาทีเดียว ทะลวงร่างกายของผู้สูงส่งอัมพรเทว
“หอบ หอบ……”
เงาร่างของหลัวซิวปรากฏในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล กำลังหายใจหอบ เริ่มจากกระตุ้นหอคอยฮวงโจมตีก่อน ต่อมาก็ตามมาด้วยปลดปล่อยพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุด ทำให้พลังเซียนในร่างกายเขาสูญเสียไปเยอะมาก จึงสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอที่ไม่เคยรู้สึกมานาน
ในขณะเดียวกัน ก็มีความขาวซีดเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้าเทพธิดาหยุนเซวียนเช่นกัน การประคองผลการพันธนาการของฮู้เซียนก็ทำให้นางสูญเสียพลังเซียนไปเยอะมากเหมือนกัน สิ่งที่โชคดีคือหลัวซิวทำการสังหารในขั้นตอนสุดท้ายสำเร็จแล้ว
“เวิ่ง!”
ฮู้เซียนกลายเป็นลำแสงดวงหนึ่งบินกลับเข้ามาในมือเทพธิดาหยุนเซวียน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฮู้เซียนชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่เป็นสมบัติที่เป็นทำนองเดียวกันกับของขลัง
หลังจากผ่านศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ ทำให้หลัวซิวตระหนักความแข็งแกร่งของผู้แกร่งเลิศได้อย่างลึกซึ้ง หากไม่ใช่เพราะมีเทพธิดาหยุนเซวียนร่วมมือต่อกรกับศัตรู แม้นจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีการเตรียมตัวอย่างครบครัน เขาก็ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของผู้สูงส่งอัมพรเทวแน่นอน อย่างมากสุดก็แค่สามารถหนีเอาชีวิตรอด นอกเสียจากเขาจะยอมทุ่มเททุกอย่างแล้วเข้าสู่สภาวะเซียน 15 นาที
เลือดสีแดงสดของผู้แกร่งเลิศในยุคสมัยหนึ่งได้ย้อมเต็มขอบฟ้า ศพอันไร้วิญญาณร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
เทพธิดาหยุนเซวียนไม่ได้หยิบยาเซียนออกมากินเพื่อฟื้นฟูผลการฝึกตนก่อนแต่อย่างใด แต่เป็นการผันร่างเป็นแสงกล เก็บแหวนเก็บของของผู้สูงส่งอัมพรเทวมา
แท้จริงแล้วหากหลัวซิวต้องการละก็ จากระดับความเร็วในการเทเลพอร์ตของเขา ต้องเร็วกว่าเทพธิดาหยุนเซวียนแน่นอน
แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เนื่องจากที่เขาร่วมมือกับเทพธิดาหยุนเซวียนในครั้งนี้ ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณนาง และสาเหตุที่เทพธิดาหยุนเซวียนยอมคิดหาทุกวิถีทางเพื่อกำจัดผู้สูงส่งอัมพรเทวนั้น บนตัวผู้สูงส่งอัมพรเทวต้องมีของอะไรบางอย่างที่นางต้องการมาก ๆ แน่นอน
“เอาไป นี่คือค่าตอบแทนของเจ้า”
หลัวซิวเห็นเทพธิดาหยุนเซวียนหยิบของชิ้นหนึ่งออกไปจากแหวนเก็บของของผู้สูงส่งอัมพรเทว จากนั้นนางก็โยนแหวนเก็บของวงนั้นมา
หลังจากหยิบของสิ่งนั้นออกไปแล้ว เทพธิดาหยุนเซวียนก็เก็บมันเข้าไปเลย ดูแล้วเหมือนเป็นกล่องใบหนึ่ง แต่ทว่าบนกล่องมีผนึกปิดอยู่ด้วย ไม่มีพลังออร่าใด ๆ รั่วไหลออกมา ดังนั้นหลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่านั่นคืออะไรกันแน่
ยื่นมือออกไปคว้า แหวนเก็บของจึงร่วงลงในมือ หลัวซิวใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจภายใน ก่อนจะรู้สึกตะลึงต่อความมั่งคั่งของผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งอย่างอดไม่ได้
ภายในแหวนเก็บของวงนี้ มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากจนเพียงพอที่จะสามารถบรรจุดาราหนึ่งดวง
ภายในพื้นที่ของแหวนเก็บของวงนี้ หลัวซิวมองเห็นวัตถุดิบระดับสูงต่าง ๆ ที่กองกันเท่าภูเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีสวนยาเซียนที่มีปราณทิพย์เข้มข้นแห่งหนึ่งด้วย มีต้นยาเซียนชั้นยอดจำนวนมากปลูกอยู่ในสวน นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีขวดยาจำนวนไม่น้อย ซึ่งภายในล้วนเป็นยาเซียนระดับสิบกงล้อจำนวนมากที่ผู้แกร่งเลิศใช้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...