หลัวซิวได้รับสมบัติสามชิ้นมาจากสถานปรักเซียน ในจำนวนทั้งสามชิ้น เข็มทิศสาสน์เต๋าคือตัวอ่อนภัณฑ์เซียนชิ้นหนึ่งที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาเองโดยธรรมชาติ อนาคตหากสามารถบรรลุถึงระดับภัณฑ์เซียน มันต้องอยู่เหนือขวดเซียนอัคคีหลอมจิตอย่างแน่นอน
ในไข่มุกสาส์นเต๋ามีวรยุทธ์วิถีเซียน ทั้งยังเป็นวรยุทธ์ระดับเซียนวิชาหนึ่งด้วย ซึ่งระดับขั้นของมันก็อยู่เหนือขวดเซียนอัคคีหลอมจิตเช่นกัน
เทพธิดาหยุนเซวียนไม่ได้ถามถึงเข็มทิศสาสน์เต๋า และไม่ได้ถามถึงไข่มุกสาส์นเต๋าเช่นกัน แต่ดันถามถึงรากเซียนน้ำไฟ นี่จึงทำให้หลัวซิวตระหนักได้ว่ามีโอกาสสูงมากที่เทพธิดาหยุนเซวียนอาจจะมีวิธีการบางอย่าง ซึ่งสามารถดูดซับกลั่นแปรพลังเซียนที่บริสุทธิ์ในรากเซียนน้ำไฟแล้วยกระดับผลการฝึกตนได้เหมือนเขา
โดยส่วนใหญ่แล้ว นอกเสียจากเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกวิถีน้ำไฟ คนอื่นจะไม่สามารถกลั่นแปรพลังเซียนน้ำไฟได้ สาเหตุที่หลัวซิวทำเช่นนั้นได้ ก็เป็นเพราะเขาได้เปรียบเรื่องยึดกุมวิถีไร้ลักษณ์
แต่ทว่าหลัวซิวก็ไม่เคยคิดเลยว่ามีเพียงตนเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากในโลกที่มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายมหาศาลนี้ มันลึกลับกว่าที่เขารู้จักมาก และมีความเป็นไปได้ที่นับไม่ถ้วนคงอยู่เช่นกัน
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองแค่พูดคุยกันอย่างเรียบง่ายไม่กี่ประโยค ก็มีข้อมูลและการคาดเดาจำนวนมากกระพริบผ่านไปในหัวหลัวซิว
“รากเซียนมีประโยชน์ต่อข้าอยู่ ฉะนั้นจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้”หลัวซิวส่ายหน้าพลางตอบกลับ
“เจ้าไม่กลัวข้าแตกหักกับเจ้าหรือ?”สีหน้าของเทพธิดาหยุนเซวียนหม่นหมองลงไป
……
เพียงพริบตาเดียว นับตั้งแต่หลัวซิวและเทพธิดาหยุนเซวียนร่วมมือกันสังหารผู้สูงส่งอัมพรเทว ปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยไปสามเดือนกว่าแล้ว
เมื่อนนั้นเทพธิดาหยุนเซวียนอยากแลกเปลี่ยนรากเซียนน้ำไฟ แต่กลับจบลงด้วยความล้มเหลว อย่างไรเสียภายในรากเซียนน้ำไฟก็มีพลังเซียนที่บริสุทธิ์แฝงซ่อนอยู่ ทั้งระดับของพลังงานยังอยู่เหนือพลังดั้งเดิมบริสุทธิ์ที่แฝงเร้นอยู่ร่างกายในประมุขเต๋าด้วย
รากเซียนน้ำไฟเป็นกุญแจสำคัญที่จะบอกว่าหลัวซิวสามารถบรรลุสู่แดนผู้สูงส่งภายในระยะเวลาอันสั้นได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางนำมันไปแลกเปลี่ยนกับเทพธิดาหยุนเซวียนอยู่แล้ว แม้นเขาจะรู้อยู่ว่าบนตัวเทพธิดาหยุนเซวียนต้องมีสมบัติที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้เขาจะปฏิเสธในการแลกเปลี่ยน เทพธิดาหยุนเซวียนก็ไม่ได้ลงมือแตกหักกับเขาจริง ๆ ผลลัพธ์สุดท้ายก็แค่แยกจากกันอย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากโลกร้างถูกข้าศึกยึดครองไปแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าผู้สูงส่งอัมพรเทวที่อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงแห่งโลกร้างเป็นหมากที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นการดับสลายสูญสิ้นของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ทำให้โลกร้างวุ่นวายไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าหลัวซิวกลับซ่อนเร้นไปตั้งนานแล้ว ตลอดช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า พลางใช้ไฟอมฤตชูหยวนชุบร่างเนื้อต่อ พลางอาศัยหินบรรพไท่ชูและไข่มุกเต๋ามาผนึกรวมพลังเซียนในร่างกาย
ผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงแล้ว ต่อจากนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเตรียมพร้อมสำหรับการบรรลุสู่แดนผู้สูงส่ง ซึ่งสิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือยกระดับผลการฝึกตนให้ถึงขีดสูงสุด
ร่างเนื้อยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็สามารถรองรับผลการฝึกตนได้มากเท่านั้น เพราะฉะนั้นหลัวซิวจึงอยากสะสมผลการฝึกตนให้อยู่ในสภาวะที่เต็มอิ่มจนถึงขีดสุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งมาตกตะกอน
นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก นั่นก็คือหอคอยฮวงที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขายังคงร้องเรียกออร่าดั้งเดิมเสี้ยวหนึ่งที่ผนึกร่วมอยู่ในทุกแห่งหนของห้วงดาราโลกร้างอย่างไม่หยุดหย่อน
ซึ่งออร่าดั้งเดิมเหล่านี้ก็คือดั้งเดิมของมกุฎเต๋าบรรพฮวงนั่นเอง
ระยะเวลาสามเดือนล่วงเลยไป ไม่ว่าจะเป็นร่างเนื้อหรือผลการฝึกตนของหลัวซิว ต่างก็มีการยกระดับอย่างมั่นคง เขาไม่ได้รีบทลายพันธนาการของแดนใหญ่แต่อย่างใด เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายิ่งแดนในปัจจุบันสั่งสมได้ลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ถึงแม้ระดับความยากในการบรรลุแดนใหญ่จะเพิ่มขึ้น แต่กลับจะทำให้รากฐานของเขาแข็งขันมากกว่าเดิม ความสามารถในการเจริญเติบโตและความสามารถในการบ่มเพาะในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
เขาเตรียมพร้อมที่จะยกระดับศักยภาพของตัวเองให้ขึ้นไปถึงขีดสูงสุด รอหลังจากที่ศักยภาพของเขาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้แล้ว เขาก็จะเลือกที่จะทลายพันธนาการของแดนใหญ่
ดังนั้นเขาจึงใช้ทรัพยากรอย่างหินบรรพไท่ชูและไข่มุกเต๋าตลอดมา แล้วเก็บรากเซียนน้ำไฟไว้ คอยทลายพันธนาการของแดนใหญ่เมื่อไหร่ ค่อยใช้ทรัพยากรนี้
แต่ทว่าในวันนี้ ขณะที่หลัวซิวยังปิดขังอยู่ จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกที่ไม่สบายใจผุดขึ้นมาในหัวใจเขา ทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากสภาวะฝึกตน
เสี้ยววินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจนั่นก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นวิกฤตการณ์ที่เร่งด่วนมาก!
“หรือว่ามีคนทราบตัวตนของข้าแล้ว ทั้งยังตามหาสถานที่ปิดขังของข้าพบด้วย?”
หลัวซิวรีบหยุดการฝึกตนทันที พร้อมกับแผ่ขยายตัวสำนึกของตัวเองออกไป สถานที่ที่เขาเลือกฝึกตนคือกลางป่าไม้แห่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นในโลกร้าง บริเวณรอบ ๆ ของถ้ำที่เขาบุกเบิกขึ้นมาอย่างเรียบง่ายก็ถูกเขาจัดวางด้วบค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงเช่นกัน
เมื่อพูดตามหลักแล้ว ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเดินทางผ่านสถานที่แห่งนี้ ทั้งใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจหนึ่งรอบ ขอแค่ผลการฝึกตนไม่สูงกว่าผู้สูงส่งช่วงปลาย ก็ไม่มีทางค้นพบถ้ำดังกล่าวของเขาแน่นอน
หลังจากหลัวซิวแผ่ตัวสำนึกออกไปนอกค่ายกลต้องห้าม จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีระลอกคลื่นปริภูมิปรากฏบนนภาสูง
“ในที่สุดก็เจอตัวเจ้าแล้ว……”
เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเก่าแก่สะท้อนมาจากอนัตตา ถัดจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมยาวขาวดำ ย่างเท้าเดินออกมาจากระลอกคลื่นปริภูมิ
ด้านหลังของชายวัยกำลังคนนั่นมีรูเล็ตขนาดใหญ่กำลังโคจรอยู่อย่างช้า ๆ มีพลังออร่าที่เก่าแก่และมโหฬารพันลึกไหลเวียนออกมาจากด้านใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...