มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2950

“ไม่ไล่มาแล้วหรือ?”

เมื่อพลังออร่าของหลัวซิวหายไปจากด้านหลัง มกุฎเต๋าวัฏสงสารที่ยืนอยู่บนของขลังกระสวยก็หรี่ตาลง

เขาไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด เนื่องจากเขาก็ไม่แน่ชัดเช่นกันว่าสาเหตุที่หลัวซิวทำเช่นนี้นั้น มันเป็นแผนการของหลัวซิวหรือไม่

“เห็นได้ชัดเจนเลยว่าที่ข้าคาดเดานั้นไม่มีผิด สภาวะเซียนของมันในวินาทีนี้แค่สามารถประคองได้ในระยะเวลาอันสั้น มันเข้าใจดีมาก ๆ ว่าไล่ตามข้าได้ยาก และทันทีที่สภาวะเซียนสิ้นสุดลง เช่นนั้นข้าก็จะสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย”

“และบัดนี้มันก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะจากไปก่อน หากข้าไล่ตามไปละก็ น่าจะมีโอกาสสามารถสังหารมันได้สูงถึงเจ็ดในสิบเลย”

มกุฎเต๋าวัฏสงสารกำลังพิจารณา สาเหตุที่มองว่าอัตราสำเร็จสูงประมาณเจ็ดส่วนนั้น ก็เป็นเพราะการที่หลัวซิวเป็นฝ่ายถดถอยกลับไปด้วยตนเองนั้น มีโอกาสเป็นกลหลอกได้ถึงสามส่วน และทันทีที่เขาเป็นฝ่ายไล่ตามหลัวซิวไปละก็ มีโอกาสติดกับดักฝ่ายตรงข้ามสูงมาก

……

เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะเซียน ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลัวซิวรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาเทเลพอร์ตเพียงสามครั้งเท่านั้น ก็ย้อนกลับมายังแผ่นดินใหญ่ของโลกร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไม่ได้ไล่ตามมาหรือ?”

ในกระแสสัมผัสของหลัวซิวไม่มีพลังออร่าของมกุฎเต๋าวัฏสงสารปรากฏแต่อย่างใด จากสภาวะในปัจจุบันของเขา ไม่มีทางมีคนสามารถตามสะกดรอยตนได้โดยที่เขาสัมผัสไม่ได้

แท้จริงแล้วขณะที่หลัวซิวตัดสินใจเลือกที่จะไม่ไล่ล่ามกุฎเต๋าวัฏสงสารต่อ เขาก็คาดเดาได้แล้วว่ามกุฎเต๋าวัฏสงสารอาจจะไล่ตามมา อย่างไรก็ตามมกุฎเต๋าวัฏสงสารกลับไม่ทำเช่นนั้น จึงแสดงให้เห็นเลยว่ามกุฎเต๋าที่เก่าแก่คนนั้นระมัดระวังอย่างยิ่ง ทั้งยังละเอียดรอบคอบด้วย

แน่นอนอยู่แล้วว่าการที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารไม่ไล่ตามมา ย่อมต้องเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อหลัวซิวอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ละก็ ไม่ว่าเขาจะปฏิบัติการในเรื่องใดก็จะสะดวกสบายมากกว่าเดิม ยิ่งไม่ต้องมีเรื่องอะไรที่ต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลังแล้ว

“จากสภาวะเซียน ณ ปัจจุบันของข้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถกลั่นแปรตัวต้องห้ามทั้งหมดที่อยู่ในขวดเซียนอัคคีหลอมจิตและเข็มทิศสาสน์เต๋าได้หรือไม่”

ทันใดนั้นเองจิตใจหลัวซิวก็หวั่นไหวขึ้นมา ก่อนจะรีบถ่ายเทพลังเซียนเข้าไปในเข็มทิศสาสน์เต๋า ภายใต้การทลายของพลังเซียนที่มากมายมหาศาล หลังจากที่ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็มีเสียงแคว็กดังขึ้น ตัวต้องห้ามขั้นที่สองของเข็มทิศสาสน์เต๋าถูกกลั่นแปรไปอย่างง่ายดาย

“พลังแห่งเวลาหรือ?”

มีความรู้สึกที่ล้ำลึกถ่ายทอดออกมาจากเข็มทิศสาสน์เต๋า ในฐานะที่เป็นเจ้าของเข็มทิศสาสน์เต๋า หลัวซิวย่อมต้องสัมผัสได้อยู่แล้ว

ทว่าหลัวซิวก็ขมวดคิ้วลงไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแม้จะดูเหมือนว่าเขาสามารถกลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นที่สองของเข็มทิศสาสน์เต๋าไปได้อย่างง่ายดาย แต่กลับสัมผัสได้ว่าพลังเซียนที่อยู่ในร่างกายหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว หากเขายังต้องการกลั่นแปรตัวต้องห้ามที่มากกว่า เกรงว่าสภาวะเซียนของเขาคงประคองได้ไม่ถึง 15 นาทีด้วยซ้ำ

ในขณะเดียวกัน ณ ส่วนลึกของห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล มกุฎเต๋าวัฏสงสารที่เท้าเหยียบของขลังกระสวยก็หายไปภายในพริบตา

“หากข้าคาดเดาไม่ผิดละก็ หลัวซิวนั่นน่าจะไปห้วงดาราโลกร้างแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับการยอมเสี่ยงแล้วไล่ตามไป จะดีกว่าหากยืมกำลังแรงของหลัวซิว ทำให้พวกมดตัวจ้อยอย่างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูเสียเปรียบสักหน่อย”

ถึงมกุฎเต๋าวัฏสงสารและมกุฎเต๋าหวูซินจะเป็นพันธมิตรกับมกุฎมังกรไท่ชูทั้งสองคนแล้ว แต่อันที่จริงพันธมิตรที่กล่าวถึงไม่ได้แน่นแฟ้นแต่อย่างใด ขอแค่มีโอกาส ต่างฝ่ายก็จะวางแผนทำร้ายซึ่งกันและกัน

ซึ่งมันก็เหมือนอย่างที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย สาเหตุที่หลัวซิวย้อนกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ของโลกร้าง จุดประสงค์ของเขาก็คือการกวาดล้าง!

พลังแห่งเซียนย่อมต้องแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อสงสัยอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะเช่นนี้ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างมกุฎเต๋าวัฏสงสารก็ทำได้เพียงหนีเอาชีวิตรอด ในเวลาประมาณเจ็ดนาทีสุดท้ายที่เหลืออยู่นี้ เพียงพอที่จะทำให้หลัวซิวกวาดล้างแผ่นดินใหญ่โลกร้างอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ได้แล้ว

“ตู้มม!”

มีฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีเพลิงอัคคีวนเวียนปรากฏเหนือนภาเมืองเฟยฮวง จอมยุทธ์ทั้งหมดที่อยู่คูเมืองด้านล่างล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากมายมหาศาล

“นั่นคืออะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“พระเจ้า ผู้ใดบังอาจลงมือต่อเมืองเฟยฮวง?”

“เมืองเฟยฮวงของเราถูกก่อตั้งโดยผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงเชียวนะ ผู้ใดบังอาจมากำเริบเสิบสานที่นี่?”

“……”

ผู้คนที่อยู่ในเมืองต่างตื่นตระหนก แต่ก็มีคนบางส่วนที่น้ำเสียและท่าทางเคร่งขรึม มีคนหนุนหลังอยู่จึงไม่เกรงกลัวใด ๆ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าคนเหล่านี้จะมีความคิดอย่างไร มือใหญ่เพลิงอัคคีที่ปรากฏกลางนภานั่นก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว

“แย่แล้ว! เร็ว! รีบเปิดค่ายพิทักษ์เมือง!”

น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตะลึงและโกรธเกรี้ยวสะท้อนออกมาจากตำหนักหลักเมือง ทว่าทั้งหมดทั้งมวลกลับสายไปแล้ว

จากการที่มีเสียงระเบิดที่น่ากลัวดังก้องกังวานขึ้นมา ม่านแสงค่ายพิทักษ์เมืองที่เพิ่งเลื่อนขึ้นก็ถูกทลายจนแตกสลายภายในพริบตา

เพียงฝ่ามือเดียว เมืองเฟยฮวงก็หายไปแล้ว บนตำแหน่งดั้งเดิมของคูเมืองที่ยิ่งใหญ่ถูกฝ่ามือขนาดใหญ่เข้ามาทดแทน ราวกับเหวลึกยังไงอย่างนั้น ลึกมากจนมองไม่เห็นก้นเหว

ใช้เวลาประมาณห้านาที หลัวซิวก็กวาดล้างทั่วโลกร้างไปแล้วหนึ่งรอบ สังหารประมุขเต๋าคนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง แล้วก็ประมุขเต๋าคนหนึ่งของเผ่ามังกรไท่ชู

ปกติประมุขเต๋าจะยโสโอหังอย่างยิ่ง ปัจจุบันเมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิวที่อยู่ในสภาวะเซียน ก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อย เปราะบางมากจนไม่อาจทนต่อการโจมตี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ