มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2960

หลัวซิวไม่รู้ว่าหลังจากพวกต้วนคงหนีออกมาจากโลกร้างแล้วไปที่ไหนกัน แต่สำหรับเขาในตอนนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการเตรียมตัวยกระดับให้ถึงแดนผู้สูงส่ง

หลังจากบุกเข้าประตูแห่งความตายของวังเวิ่นเทียนในครั้งนี้ เขาก็ได้ไข่มุกเต๋ามานับล้านเม็ด ทรัพยากรระดับไข่มุกเต๋านี้ ปกติแล้วล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าจึงจะมีสิทธิ์ใช้ ต่อให้เขาเผาผลาญทรัพยากรการฝึกตนอีก ไข่มุกเต๋าเหล่านี้ก็เพียงพอจะให้เขาบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีรากเซียนน้ำไฟคอยสนับสนุน หากเป็นเช่นนี้แล้วยังไม่อาจยกระดับได้ เขาก็คงต้องหาก้อนเต้าหู้มาวิ่งชนให้ตายไปเสีย

หลังจากออกจากซากโบราณสถานเวิ่นเทียนแล้ว หลัวซิวก็เข้าไปในส่วนลึกของจักรวาลห้วงดารา จากนั้นก็เปิดถ้ำถ้ำหนึ่งขึ้นมา ในดาวเคราะห์รกร้างแห้งหนึ่ง ที่ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ อีกทั้งหลังจากตั้งตัวต้องห้ามตัดขาดออร่าเอาไว้โดยรอบแล้ว เขาก็เริ่มฝึกตน

ใช้เวลาไปเพียงแค่ครึ่งปี เขาอาศัยการกลั่นแปรพลังดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ของไข่มุกเต๋า ยกระดับผลการฝึกตนของตนเองถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูงแดนบริบูรณ์

เมื่อผลการฝึกตนบรรลุมาถึงขั้นนี้ ก็ดำเนินมาถึงขีดจำกัดของแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าแล้ว

หลัวซิวไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ไข่มุกเต๋าที่กองรวมอยู่ข้างตัวเขาเป็นจำนวนมาก แผ่พลังดั้งเดิมอันยิ่งใหญ่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย มีร่างกายของหลัวซิวเป็นจุดศูนย์กลาง ปรากฏพลังดั้งเดิมขนาดมหึมาหมุนอย่างรวดเร็ว

จากนั้นการกำลังเซียนในตัวของหลัวซิวโคจรไร้ลักษณ์ พลังดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ถาโถมอย่างบ้าคลั้งเข้ามาในตัวของเขา ผลการฝึกตนที่เดิมทีถึงขีดจำกัดเริ่มบีบอัด

ในเวลาเดียวกันนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองจะสามารถฝ่าฟันกฎเกณฑ์ได้ในคราวเดียว หลัวซิวจึงนำรากเซียนน้ำไฟออกมา

ปกติแล้ว หลังจากผลการฝึกตนถึงขีดจำกัดของแดนในปัจจุบันแล้ว หากดูดซับพลังงานจากโลกภายนอกต่อไป ก็จะเหมือนน้ำที่เต็มแก้ว ไม่อาจกักเก็บเอาไว้ภายในร่างกายได้อีก

แต่กำลังเซียนภายในร่างกายของหลัวซิวกลับบีบอัดอย่างต่อเนื่อง หากจะพูดว่า กำลังเซียนที่มีอยู่ในร่างกายของเขาแต่เดิม เทียบเท่ากับแรงเต๋าที่จับตัวกันอยู่ของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งช่วงปลาย เช่นนั้น กำลังเซียนของเขาเกิดการบีบอัดและเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกขั้น กำลังเซียนของเขาก็จะบรรลุถึงระดับที่เทียบเท่ากับผู้แกร่งเลิศได้

“เปรี้ยง !”

ประตูกฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็นถูกทำลายแล้ว หลัวซิวสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงแดนของตนเองที่ก้าวข้าวไปสู่ระดับใหม่อย่างสมบูรณ์ในทันที หลังจากเปิดประตูกฎเกณฑ์บานนั้นแล้ว ก็ดูเหมือนโลกทั้งโลกในสายตาของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกันนี้ ช่วงจังหวะที่ผลการฝึกตนของเขาฝ่าฟันกฎเกณฑ์ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็มาถึงเช่นกัน นี่เป็นมหาทัณฑ์ผู้สูงส่ง ที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนในวิถียุทธ์ต้องหน้าถอดสี !

ตั้งแต่ในอดีต ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งมีอยู่น้อยนัก แม้ในทุกยุคจะเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราย มีผู้มีพรสวรรค์อยู่นับไม่ถ้วน แต่หลังจากถูกโลกของวิถียุทธ์กำจัดอย่างโหดร้าย คนที่ทั้งมีพรสวรรค์และฝึกตนถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูงได้ เดิมทีก็มีอยู่น้อยคนนั้น

อีกทั้ง หากพวกเขาต้องการบรรลุเป็นผู้สูงส่ง ก็จะต้องผ่านการทดสอบอย่างสุดท้าย นั่นก็คือมหาทัณฑ์ผู้สูงส่ง !

หากพูดว่า จากเทพมารขั้นหนึ่งถึงเทพมารขั้นเจ็ดคือหนึ่งระดับ เช่นนั้น ตั้งแต่เทพมารขั้นเจ็ดจนถึงเทพมารขั้นเก้า ก็เป็นระดับใหม่อย่างสมบูรณ์ จากราชาเทพวัฏจักรห้าไปจนถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ก็เป็นอีกหนึ่งระดับที่สูงยิ่งขึ้น

แต่ทันทีที่ก้าวสู่ผู้สูงส่ง นับเป็นการยกระดับความหมายของชีวิตใหม่อีกครั้ง เหมือนกับคนธรรมดาแปลงร่างเป็นเทพ

และเป็นเพราะการก้าวข้ามที่สำคัญนี้ ทำให้ระดับพลังและความอันตรายของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ เพิ่มความน่ากลัวเป็นหมื่นเท่า เมื่อเทียบกับทัณฑ์สายฟ้าของแดนใหญ่อื่น ๆ ทั้งหมด

ทว่าทัณฑ์สายฟ้าอันน่ากลัว ที่ทำให้นักยุทธ์คนอื่น ๆ หน้าถอดสีได้ แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว กลับไม่มีความท้าทายเลยสักนิด เพราะตอนที่เขาบรรลุและเปิดประตูแห่งกฎเกณฑ์ได้สำเร็จ ความสามารถของเขาก็ก้าวไปถึงขั้นที่เทียบเท่ากับผู้แกร่งเลิศแล้ว

ผู้ที่อยู่ในระดับผู้แกร่งเลิศ จะสนใจเพียงทัณฑ์สายฟ้าผู้สูงส่งได้อย่างไร ?

สายฟ้าขนาดเท่ามังกรตัวใหญ่ฟาดลงมาบนศีรษะของหลัวซิว แต่กลับไม่ต่างจากความรู้สึกจักจี้ หลังจากทัณฑ์สายฟ้าทั้งหมดผ่านไปแล้ว มีเพียงชุดคลุมยาวสีดำที่หลัวซิวสวมใส่อยู่ ที่ถูกสายฟ้าฟาดจนกลายเป็นขี้เถ้าเท่านั้น

หลัวซิวหยิบเสื้อผ้าออกมาใส่ จากนั้นก็ออกจากดาวเคราะห์ที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ ส่วนค่ายกลที่เขาตั้งเอาไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้ ล้วนถูกทัณฑ์สายฟ้าทำลายไปหมดแล้ว

อาณาจักรดาราที่เขาเลือกฝึกตนแห่งนี้รกร้างอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่สะดุดตาเลยสักนิดเมื่ออยู่ท่ามกลางจักรวาลห้วงดาราที่กว้างใหญ่ ดังนั้นในสถานการณ์ปกติ จึงไม่มีใครมาที่นี่อย่างแน่นอน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่เดินทางอยู่ในห้วงดารา ก็คงไม่เดินผ่านแถวนี้โดยบังเอิญ

ดังนั้นฉากการข้ามผ่านทัณฑ์ของหลัวซิวจึงไม่มีใครเห็น หลังจากผลการฝึกตนของเขาบรรลุแล้ว เขาก็เสกเข็มทิศสาสน์เต๋าออกมา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น แล้วเดินขวักไขว่ไปมาอยู่ในห้วงดารา

ไม่รู้ว่าเหาะอยู่ในห้วงดารานานเท่าไร หลังจากหลัวซิวรู้สึกว่าผลการฝึกตนระดับผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิของตนเองเสถียรแล้ว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่า ออร่าธรรมที่แผ่ขยายอยู่ระหว่างฟ้าดินของห้วงดารา เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย

ความรู้สึกนี้ทำให้หลัวซิวตื่นขึ้นมาจากสภาวะการฝึกตน เขาคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ดี เพราะเรื่องนี้มักพบเห็นได้บ่อย ๆ ในโลกาผู้สูงส่งอัษฎทิศ จากโลกาผู้สูงส่งด้านหนึ่ง มาถึงโลกาผู้สูงส่งอีกด้านหนึ่ง ล้วนเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นได้

เพราะโลกาผู้สูงส่งที่ต่างกัน อาศัยสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมที่ต่างกันในการเปิดออก ดังนั้นออร่าธรรมก็จะได้รับผลกระทบ และแตกต่างกันไปด้วยเหตุนี้

ตัวอย่างเช่นธรรมฟ้าดินของโลกร้างห้วงดารา ออร่าธรรมเวชกาลร้างที่อยู่ด้านในก็จะค่อนข้างพิเศษ ส่วนในออร่าที่หลัวซิวเพิ่มสัมผัสได้เมื่อครู่นั้น ออร่าของธรรมเวชกาลล้นค่อนข้างพิเศษ

ดังนั้นหลัวซิวจึงมั่นใจได้ว่า ตนเองน่าจะมาถึงห้วงดาราโลกล้นแล้ว

......

ในบรรดาผู้หญิงที่อยู่ข้างกายหลัวซิว เหยียนซีโรว่มีนิสัยอ่อนโยนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ในปัญหาเกี่ยวกับหลักการบางอย่าง ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ นิสัยของนางก็แข็งกร้าวได้เหมือนกับเหยียนเยว่เอ๋อร์เช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ