ตามด้วยแผ่นดินดาราของโลกล้นตาปรากฏขึ้นสู่สายตา หลัวซิวยืนอยู่ในห้วงดาราแล้วมองไกลออกไป สามารถมองเห็นรูปร่างของแผ่นดินโลกล้นแห่งนี้ เหมือนดั่งเช่นเตาอหังการขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือห้วงดาราฝืนนี้
แผ่นดินโลกสวรรค์เป็นดั่งเช่นคัมภีร์เล่มหนึ่ง เป็นดั่งเช่นคัมภีร์สวรรค์
ส่วนโลกใต้ดินนั้นเป็นดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวง เป็นเหมือนไข่มุกมังกรเก้าเม็ด
พสุดาราโลกะเสวียนเป็นเหมือนดั่งประตูบานหนึ่ง เฉกเช่นสำนักเต๋าในตำนาน
......
เห็นได้ชัด แกนกลางของโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินดาราหรือดาวเคราะห์ ล้วนแสดงออกมาด้วยรูปแบบของอัญมณีดั้งเดิม
มันทำให้ภายในใจของหลัวซิวเกิดความคิดความอ่านอันแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ถ้าใช้หอคอยฮวงมากลั่นแปรแผ่นดินโลกร้าง ถึงจะทำให้อานุภาพแห่งอัญมณีดั้งเดิมที่แท้จริงของหอคอยฮวงตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริงใช่หรือไม่?
อันที่จริงเป็นเวลานานมากแล้วที่หลัวซิวได้ครอบครองหอคอยฮวง แต่เขากลับรู้สึกมาตลอดว่าหอคอยฮวงอัญมณีดั้งเดิมชิ้นนี้ขาดบางสิ่งบางอย่างไป มันไม่สมบูรณ์แบบ
แน่นอน ความคิดเช่นนี้หลิวซิวก็แค่คิดเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าการกลั่นแปรแผ่นดินผืนหนึ่งนั้นต้องทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายแค่ไหนที่ต้องตาย ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาลของแผ่นดินโลกร้าง อย่างน้อยก็ต้องมีผลการฝึกตนในระดับประมุขเต๋าถึงจะทำถึงขั้นนี้ได้
ห้วงดาราของโลกร้างกับโลกล้นอยู่ค่อนข้างใกล้กัน ดังนั้นหลัวซิวจึงคาดการว่าหลังจากต้วนคงและพวกหนีออกไปจากโลกร้าง มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมายังโลกล้น และนี้ก็คือเหตุผลว่าเขามาที่โลกล้นทำไม
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ชัดเจน หลังจากที่โลกร้างได้ถูกยึดครอง หลัวซิวก็ไม่รู้ถึงร่องรอยอาจารย์ท่านนั้นของตนเองเช่นกัน ดังนั้นตอนที่เขาเข้ามาในแผ่นดินโลกล้น ก็ได้ใช้พลังเซียนไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงรูปร่างและกลิ่นอายของตนเองแล้ว
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของโลกล้น ก็คือเมืองเตาเซียนที่อยู่ในการควบคุมของตระกูลหงนั่นเอง โครงสร้างของเมืองแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับเตาเซียนใบหนึ่ง เนื่องจากธรรมเวชฟ้าดินของทั่วทั้งห้วงดาราโลกล้นค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นการกลั่นยาและการหลอมอาวุธจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในโลกล้น
กระทั่งที่ว่าในทั่วทั้งโลกมหาศักดิ์ คนที่มีชื่อเสียงที่สุดด้านการกลั่นยาและการหลอมอาวุธล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกล้น
หลัวซิวเคยได้ยินมกุฎเต๋าหวูจี๋ผู้เป็นอาจารย์ของตนบอกกล่าว ในบรรดามกุฎเต๋า ที่มกุฎเต๋าบรรพล้นชำนานที่สุดก็คือการกลั่นยาและการหลอมอาวุธ ถ้าหากว่าสามารถหาสมุนไพรเซียนมาได้เพียงพอ เช่นนั้นบุคคลที่มีแนวโน้มว่าจะกลั่นยาเซียนออกมาได้ในดาราจักรวาล ก็คงจะเป็นมกุฎเต๋าบรรพล้นแล้ว
หลังจากได้เข้ามาในเมืองเตาเซียน หลัวซิวก็ได้ตามหาฐานปฏิบัติการของเทียนหวางโหลวพบอีกครั้ง
เทียนหวางโหลวทำกิจการด้านข่าวกรอง ฐานปฏิบัติการในแต่ละที่ค่อนข้างจะลึกลับ แต่ตราบใดหากเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจเทียนหวางโหลว เพียงแค่ติดตามเบาะแส ก็ย่อมสามารถตามหาพวกเขาพบเพื่อซื้อข่าวกรอง
แต่มันแตกต่างไปจากฐานปฏิบัติการที่หลัวซิวหาพบที่ดาราทงซังในตอนนั้น เทียนหวางโหลวที่ตั้งอยู่ในเมืองเตาเซียนเป็นสำนักแห่งหนึ่ง ตอนที่เขามาถึงที่นี่ มีผู้คนมากมายเดินไปมาในสำนัก เห็นได้ชัดว่ากิจการในที่แห่งนี้ของเทียนหวางโหลว ได้กระทำการอย่างโจ่งแจ้งเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อหลัวซิวได้เข้ามาด้านใน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีตัวสำนึกมากมายกวาดผ่านร่างของเขาไปอย่างเลือนราง สถานที่อย่างเทียนหวางโหลวย่อมต้องมีสายของกองกำลังต่าง ๆ ซ่อนอยู่แน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่รู้สึกแปลกใจสักเท่าไรนัก
แต่หากไม่มีปฏิกิริยาใดเมื่อถูกคนสอดแนมเช่นนี้ ในทางกลับกันมันยิ่งจะทำให้คนพวกนี้โอหังมากขึ้น ตอนนี้ตัวสำนึกเหล่านั้นเพียงแค่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เขา อีกสักครู่อาจจะเคลื่อนมาที่เขาโดยตรง
“หึ!”
หลัวซิวเพียงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาหนึ่งครั้ง ห้องโถงที่ค่อนข้างเสียงดังในเมื่อสักครู่ พลันเงียบกริบลงไปทันที
เนื่องจากตอนนี้กระแสพลังของผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา อานุภาพของผู้สูงส่งสามารถสร้างแรงสยบที่ค่อนข้างสูงต่อนักยุทธ์ระดับต่ำได้ เจ้าของตัวสำนึกที่วนเวียนอยู่รอบ ๆ พวกนั้น ต่างพากันมีสีหน้าซีดเซียวลงทันที ความหวาดกลัวแผ่ซ่านออกมาจากดวงตา
ไม่นานหลัวซิวก็เก็บเอากระแสพลังผลการฝึกตนของตัวเองกลับมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวใด ๆ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าใช้ตัวสำนึกมาสอดแนมเขาอีกเลย
“สวัสดีขอรับผู้อาวุโส ผู้น้อยคือผู้ดูแลของที่นี่”
ไม่นานก็มีชายชราชุดเขียวเดินเข้ามาหาหลัวซิวแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม ชายชราผู้หนึ่งเรียกตนว่าเป็นผู้น้อยต่อหน้าบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในโลกยุทธ์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยุทธ์นั้นล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถ คนที่มีความสามารถแข็งแกร่งก็ต้องเป็นผู้อาวุโสเป็นธรรมดา ส่วนผู้ที่ฝีมืออ่อนแอนั้นต่อให้มีชีวิตอยู่มานานเพียงใด ก็เป็นได้แค่ผู้น้อย
“ข้าต้องการข่าวกรองบางอย่าง” หลัวซิวพยักหน้าเล็กน้อย บอกกล่าวจุดประสงค์ของตนเอง
“ผู้อาวุโสเชิญทางนี้” ชายชราผู้ดูแลคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เอียงร่างหลบ จากนั้นก็พาหลัวซิวไปยังห้องแห่งหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง
ห้องนี้ไม่ค่อยใหญ่นัก แต่รอบ ๆ กลับมีตัวต้องห้ามกั้นกำบังอยู่มากมาย สภาพแวดล้อมค่อนข้างดีพอสมควร
คงเป็นเพราะว่าหลัวซิวได้แสดงความเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งออกมาตอนอยู่ในห้องโถง ดังนั้นผู้ดูแลคนนี้ของเทียนหวางโหลวจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ หลังจากยกน้ำชาให้อย่างนอบน้อม ก็ลุกขึ้นแล้วทำความเคารพ กล่าว: “ไม่ทราบผู้อาวุโสต้องการข่าวกรองอันใดหรือ?”
การทำการค้าของเทียนหวางโหลวค่อนข้างใส่ใจเรื่องความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นในโลกมหาศักดิ์แปดด้านหรืออีกสองโลกที่เหลือ ต่างก็เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไป ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่พูดอะไรมากความ ยกมือขึ้นโบก ใช้แรงเต๋า แสดงภาพลวงเงาร่างมนุษย์คนแล้วคนเล่าออกมา
ผู้ดูแลล้วงเอาม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกมา ราวกับกำลังบันทึกข้อมูลบางอย่างเข้าไปในม้วนหยก
ไม่นานหลังจากนั้น ชายชราหยุดการกระทำลง แล้วกล่าวอย่างขอโทษ: “ผู้อาวุโสต้องขออภัยด้วย ตอนนี้เทียนหวางโหลวในโลกล้นของเรายังไม่มีข้อมูลของพวกคนที่ท่านต้องการ แต่มีสองสามคนในนั้น เคยปรากฏตัวในโลกล้นเมื่อไม่นานมานี้”
แม้ว่าเทียนหวางโหลวจะมีความน่าเชื่อถือพอสมควร แต่หลัวซิวก็ยังคงตัดสินใจรอบคอบเอาไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พลาดท่าเอาทีหลัง
“อย่างไรเสียตี้ขุยก็เป็นถึงหนึ่งในห้าผู้บัญชาของกองทัพหลอมจิต มีผลการฝึกตนในแดนผู้แกร่งเลิศ ต่อให้เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยตอนที่พาเย่ห้าวหรานกับหลี่ยู่หนีมาจากโลกร้าง อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แกร่งเลิศสามคนขึ้นไปถึงจะจับตัวเขาเอาไว้ได้ หรือไม่ก็คนที่ลงมืออาจจะเป็นประมุขเต๋าด้วยซ้ำ”
“โดยทั่วไปแล้วผู้สูงส่งกับผู้แกร่งเลิศของตระกูลหงจะไม่อยู่ในที่แจ้ง อีกอย่างด้วยสถานะของผู้แข็งแกร่งระดับนี้ จักต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพวกตี้ขุยทั้งสามคนอย่างแน่นอน แถมยังต้องรู้อีกว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋คืออาจารย์ของข้า”
“แต่ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ตระกูลหงยังลงมืออีก เช่นนั้นแท้จริงแล้วมกุฎเต๋าบรรพล้นยื่นอยู่ฝ่ายใด จำเป็นต้องพิจารณาดูใหม่เสียแล้ว”
“พวกเขาจับคนของข้าเอาไว้ คงไม่มีอะไรนอกเหนือจากต้องการใช้เป็นตัวต่อรองเพื่อข่มขู่ข้า เช่นนั้นสิ่งที่มีค่าพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าบนตัวข้า ก็คงเป็นหอคอยหวงและสมบัติวิเศษทั้งสามชิ้นที่ข้าได้มาจากสถานปรักเซียนสินะ”
“มกุฎเต๋าบรรพล้นชำนาญด้านการกลั่นยาที่สุด หากข้าเดาไม่ผิด มกุฎเต๋าบรรพล้นคงต้องการรากเซียนน้ำไฟที่อยู่ในมือของข้าสินะ! หากข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย เช่นนั้นอย่าว่าแต่รากเซียนน้ำไฟเลย ทุกอย่างที่อยู่ในมือของข้า ล้วนต้องตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย”
ตามข้อมูลที่จำกัดที่มีอยู่ในมือตนเองตอนนี้ หลัวซิวได้ทำการคาดคะเนตามหลักเหตุผลออกมาอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่ได้เกิดความโกลาหลในแดนบรรพกาลครั้งนั้นมาจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปเพียงแค่สิบปีเท่านั้น
ในตอนนั้น ผลการฝึกตนของหลัวซิวได้อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าแล้ว กระทั่งที่ว่าตอนอยู่ในสถานปรักเซียน เขายังได้สังหารผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งไปอีกด้วย
ถึงแม้ว่ากองกำลังต่าง ๆ จะให้คำประเมินฝีมือของเขาค่อนข้างสูง แต่อย่างมากก็แค่ผู้สูงส่งช่วงกลางเท่านั้น ไม่เกินกว่าขั้นผู้สูงส่งช่วงปลาย
ดังนั้นสถานที่ที่กักขังพวกตี้ขุยทั้งสามคน บุคคลที่อันตรายที่สุดก็คือยอดฝีมือแดนผู้แกร่งเลิศคนหนึ่ง
มีผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งประจำการด้วยตนเอง เช่นนั้นต่อให้หลัวซิวมาช่วยคน ด้วยความสามารถที่ไม่เกินกว่าผู้สูงส่งช่วงปลายของเขา ก็ไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็นการเดินเข้าไปติดกับเองเสียด้วยซ้ำ
ทว่าบรรดาผู้แข็งแกร่งของโลกล้นกลับไม่มีทางที่จะนึกถึงเลยว่า ในระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี ความแข็งแกร่งของหลัวซิวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เข้าได้ก้าวเข้าสู่แดนผู้สูงส่งเป็นที่เรียบร้อย กระทั่งที่ว่าพลังการต่อสู้ของเขาถึงขั้นทัดเทียมได้กับผู้แกร่งเลิศเลยทีเดียว
นั่นก็หมายความว่า เขามีพลังการต่อสู้ของผู้แกร่งเลิศในขณะที่ผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิ ถ้าหากว่าเขาบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งขั้นกลางได้ เช่นนั้นพลังการต่อสู้ของเขาแม้ว่าจะเทียบประมุขเต๋าไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียงอย่างแน่นอน
ส่วนสถานที่ที่กักขังพวกตี้ขุยนั้น ก็คือคุกใหญ่ในเมืองเตาเซียน สำหรับผู้แกร่งเลิศซึ่งประจำการอยู่ที่นี่ ก็คือเจ้าเมืองเมืองเตาเซียน หงเทียนหมิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...