“ถึงแม้เจ้าจะยโสโอหัง แต่ก็ควรมีขอบเขตบ้าง”
หงเทียนหมิงทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา เห็นเพียงเขายกมือขึ้นโบก ผังค่ายม้วนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมากลางท้องฟ้า ครอบคลุมทั่วทั้งตำหนักหลักเมืองเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลที่อยู่รอบ ๆ ตำหนักหลักเมืองเป็นหนึ่งเดียวกับผังค่ายม้วนนี้ เมื่อผังค่ายคลี่ออกก็มีกระแสพลังอันเหน็บหนาวอย่างไร้ขอบเขตแผ่ซ่านออกมา
ธรรมเวชกาลล้นเหมือนกัน คุณสมบัติพิเศษที่สามารถกลั่นปีทุกสรรพสิ่งธรรมเวช คนส่วนมากล้วนฝึกฝนพลังอมตะเพลิงอัคคีกลั่นแปรทุกสรรพสิ่ง ทว่าหงเทียนหมิงกลับได้ฝึกฝนพลังอมตะธาตุน้ำแข็ง ที่สามารถกลั่นแปรทุกสรรพสิ่งทำให้ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็ง
“อาณาจักรไร้ลักษณ์ ไฟ!”
หลัวซิวก้าวเหยียบอากาศ เพลิงอัคคีสีม่วงวงแล้ววงเล่าแผ่ซ่านออกไปจากร่างกายของเขา กลายเป็นอาณาจักรที่มีอาณาบริเวณร้อยเมตร
ขอบเขตอาณาจักรธรรมเวชของผู้แข็งแกร่งมากมายต่างกว้างขวาง ครอบคลุมหลายหมื่นลี้หรือแม้กระทั่งหลายแสนลี้ล้วนเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ทว่าหลัวซิวกลับบุกเบิกวิถีทางของตน ทำให้อาณาจักรของตนหดเล็กลงอยู่ในระยะร้อยเมตร อาณาเขตยิ่งเล็ก พลังของอาณาจักรก็จะยิ่งแข็งแกร่ง พูดได้ว่าเป็นอาณาจักรสมบูรณ์!
เขาใช้อาณาจักรไร้ลักษณ์แปรAttrไฟออกมา หลอมรวมเข้ากับพลังอมตะหลอมจิตและอัคคีชาตะไร้ลักษณ์ ทันทีที่กระแสพลังอันเหน็บหนาวได้โหมซัดเข้ามาสู่บริเวณอาณาจักร ก็จะส่งเสียงซู่ ๆ ขึ้นมา แล้วสลายหายไปภายในพริบตา
“ครืนนน!”
ร่างของหลัวซิวได้กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปหาหงเทียนหมิง เห็นเพียงเขาขยับมือทั้งสองข้างพร้อมกัน มือซ้ายตราสรรพสิทธิ์ มือขวาตรามหาหัตถ์ราชาเซียน พลังอมตะทั้งสองสายแยกซัดเข้าหาหงเทียนหมิงกับชายชราชุดคลุมดำ
“นี่เจ้าบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นอานุภาพของพลังที่หลัวซิวใช้ออกมา ชายชราชุดคลุมดำกับหงเทียนหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพรียง ความตกตะลึงปรากฏขึ้นมาในดวงตา
เพราะตามข่าวกรองที่ได้รับมา ตอนที่หลัวซิวอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าก็ได้แสดงพลังการต่อสู้ที่เทียบเท่ากับผู้สูงส่งออกมาเสียแล้ว บัดนี้เขาได้บรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังการต่อสู้ของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกเช่นเดียวกัน
“หึ ต่อให้ผลการฝึกตนของเจ้าบรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง แต่อย่างไรเสียก็เป็นเพียงผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิ หรือเจ้าคิดว่าอาศัยพลังของเจ้าเพียงคนเดียว จะสามารถเอาชนะผู้แกร่งเลิศอย่างพวกเราสองคนได้?”
ชายชราชุดคลุมดำทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา แม้ว่าตรามหาหัตถ์ราชาเซียนของหลัวซิวจะมีอานุภาพเต็มเปี่ยม แต่เมื่อเขาได้โบกมือซัดหัตถ์ปีศาจมรณาออกมา ก็ได้ทำให้ตรามหาหัตถ์ราชาเซียนสลายหายไปกลางอากาศ
เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของมกุฎเต๋าสังสารวัฏ แม้ว่าจะเป็นผู้แกร่งเลิศเหมือนกัน หากแบ่งออกเป็นธรรมดา ขั้นหนึ่ง ชั้นสุดยอดทั้งสามระดับละก็ ชายชราชุดดำแซ่ฉวี่ผู้นี้ รับรองได้ว่าต้องเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับดีในบรรดาผู้แกร่งเลิศอย่างแน่นอน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้แกร่งเลิศธรรมดาอย่างผู้สูงส่งอัมพรเทวจะสามารถเทียบได้
ในขณะเดียวกัน หงเทียนหมิงก็ได้ทำลายหมื่นพันพลังอมตะที่ถูกกระตุ้นออกมาโดยตราสรรพสิทธิ์ไป เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนผู้แกร่งเลิศระดับหนึ่ง ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งที่จะถูกพลังอมตะเพียงสองสามสายจัดการได้
ทว่าในตอนนี้เอง ชายชราชุดคลุมดำกับหงเทียนหมิงพลันพบว่าหลัวซิวที่พุ่งเข้ามานั้นได้หายตัวไปเสียแล้ว
“ช่างเป็นเจ้าหนุ่มที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก! ที่ลงมือในเมื่อสักครู่เป็นเพียงกลอุบายเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันคือไปช่วยคนในคุก”
ไม่นานชายชราชุดคลุมดำค้นพบร่องรอยของหลัวซิว โดยการอาศัยค่ายกลสอดแนมในตำหนักหลักเมือง
“ถ้าการช่วยคนมันง่ายขนาดนั้น แล้วการวางหมากของเข้ากับข้าจะไม่ถือว่าเป็นเรื่องตลกขบขันหรอกหรือ?” หงเทียนหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น ไม่มีท่าทางร้อนใจเลยสักนิด
“หึหึ นั่นสิ การวางหมากของเจ้ากับข้ามันจะง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร? ค่ายกลที่คุกใหญ่เป็นค่ายกลที่เจ้ากลับข้าร่วมมือกันสร้างขึ้นมาเชียวนะ ต่อให้เจ้ากับข้าร่วมมือกัน ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วยามถึงจะสามารถทำลายมันได้”
ทว่าชายชราชุดคลุมดำพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงดังระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวได้ดังลอยมาในอากาศ
“ตูมมม!”
ลำแสงขนาดใหญ่ที่แฝงไปด้วยอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัว เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ได้กระแทกค่ายกลผู้สูงส่งที่อยู่รอบ ๆ ตำหนักหลักเมืองขาดออกเป็นรู
“อะไรกัน? หรือว่าเขาจะมีคนอื่นคอยช่วยอยู่อีก?”
เมื่อเป็นภาพเช่นนี้ ผู้แกร่งเลิศทั้งสองคนต่างตะลึงตาค้าง จากนั้นพวกเขาก็เห็นลำแสงขนาดใหญ่นั้นเป็นเหมือนดั่งมังกรลอยผงาด ร้องคำรามมุ่งหน้าไปยังคุกใหญ่
“แย่แล้ว!”
“บ้าเอ้ย พวกเราคิดพลาดแล้ว!”
ผู้แกร่งเลิศทั้งสองคนร้อนใจขึ้นมาทันที พวกเขาใช้วิชาล่องหนออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังคุกใหญ่อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนที่พวกเขามาถึงคุกใหญ่ สถานที่ที่เคยเป็นคุกใหญ่ก็กลายเป็นความว่างเปล่าไปเสียแล้ว ค่ายกลที่พวกเขาภาคภูมิใจ ถูกลำแสงที่มีอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวนั่นกระแทกจนไม่เหลือชิ้นดี
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็มองเห็นหลัวซิว เห็นเพียงตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บนแผ่นวงกลมขนาดใหญ่ที่วาดสลักไว้ด้วยค่ายกลดาวหกแฉก ที่ข้างกายหลัวซิว ยังมีคนอีกสามคนที่หายใจอย่างรวยรินนอนอยู่ เป็นตี้ขุย เย่ห้าวหราน และหลี่ยู่ทั้งสามคนนั่นเอง
“เหมือนว่าการเคลื่อนไหวของทั้งสองท่านจะช้าไปหน่อย พวกเราไว้พบกันใหม่แล้วกันนะ”
หลัวซิวไม่คิดจะประมือกับชายชราชุดคลุมดำและหงเทียนหมิงอีกต่อไป ขณะที่พูดนั้น เขาก็ได้ขับเคลื่อนเข็มทิศสาสน์เต๋าเป็นที่เรียบร้อย ได้ฉีกอนัตตาออกในทันทีทันใด แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เข็มทิศสาสน์เต๋าถูกเขากลั่นแปรต้องห้ามขั้นสอง แฝงไว้ด้วยพลังแห่งห้วงเวลา ภายใต้การขับเคลื่อนของหลัวซิว อย่าว่าแต่ผู้แกร่งเลิศสองคนเลย ต่อผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าเป็นคนลงมือเอง ก็อย่าคิดว่าจะตามเขาได้ทัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...