มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2968

เจ้าอ้วนเวินในเวลานี้ให้ความรู้สึกอันตรายยางอย่างแก่ผู้คน หากหลัวซิวเป็นเพียงผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิธรรมดาคนหนึ่งจริง ๆ เช่นนั้นต่อให้ตอนนี้เขาปฏิเสธไป เจ้าอ้วนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะต้องใช้กำลังบังคับให้เขาไปจนได้อย่างแน่นอน

“ได้ ข้าลองดู”

หลัวซิวไม่ได้ปฏิเสธ ความเยาะเย้ยเกิดขึ้นมาภายในใจ ในเมื่อละครบทนี้ใกล้แสดงต่อไปไม่ได้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นคนฉีกหน้าใครก่อนกันแน่

ตัวสำนึกของเขาไม่พบเห็นอันตรายใด ๆ อยู่ใกล้กับบริเวณ ต้นจิตเต๋าเลย แต่ดูจากปฏิกิริยาของพวกเจ้าอ้วนเวินแล้ว ยาเซียนผู้สูงส่งชั้นสูงต้นนี้เอามาไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นหลัวซิวจึงไม่ได้พุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม แต่ได้ยื่นมือคว้าออกไป พลังแห่งโซนแปลงเป็นมือขนาดใหญ่ อยู่ไกลในระยะสิบกว่าจั้ง คว้าเข้าไปยังต้นจิตเต๋าโดยตรง

เห็นเพียงมือใหญ่ข้างนี้ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ต้นจิตเต๋า ทันใดนั้น ลำแสงอันเจิดจ้าหลายสาพลันปรากฏขึ้นมาในอากาศ หลัวซิวยังไม่ทันได้ตอบสนอง มือใหญ่พลังแห่งโซนก็ได้ถูกลำแสงพวกนั้นบดจนละเอียดไปในอากาศเสียแล้ว

“ช่างเป็นตัวต้องห้ามที่ร้ายกาจยิ่งนัก”

เมื่อหลัวซิวได้เห็นภาพเช่นนี้ ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ที่เขาบอกว่าร้ายกาจ มิได้หมายถึงอานุภาพของตัวต้องห้าม แต่เป็นวิธีการสร้างตัวต้องห้ามนี้ขึ้นมาต่างหาก

จักต้องรู้ว่าเมื่อสักครู่เขาได้ใช้ตัวสำนึกสำรวจอยู่หลายรอบก็ไม่พบร่องรอยการดำรงอยู่ใด ๆ ของตัวต้องหามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าตัวต้องห้ามนี้ซ่อนอยู่ได้มิดชิดถึงเพียงใด

ไม่เพียงเท่านี้ อานุภาพที่ลำแสงต้องห้ามกระตุ้นออกมาในเมื่อสักครู่ ก็รับรองว่าอยู่ในขั้นที่เป็นอันตรายต่อผู้สูงส่งช่วงปลายได้อย่างแน่นอน

หากเขาเป็นเพียงผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิธรรมดาทั่วไป เกรงว่าคงถูกตัวต้องห้ามเอาชีวิตตั้งแต่บุกเข้าไปทันที

ทว่าที่ทำให้กลัวซิวงงงันก็คือ เห็นได้ชัดว่าพวกเวินเซิ่งรู้ว่ามีตัวต้องห้ามนี้อยู่ หากพวกเขาต้องการกำจัดเขาจริง ๆ ก็สามารถลงมือได้โดยตรง เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วยเล่า?

“จอมมกุฎไร้ลักษณ์ เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้หรอก ไม่ต้องพูดถึงว่าทำแบบนี้เจ้าเอาต้นจิตเต๋ามาไม่ได้อย่างแน่นอน ต่อให้เจ้าเอามาได้ แต่การใช้มือใหญ่พลังแห่งโซนคว้าเข้าไปอย่างบุ่มบ่ามเหมือนที่เจ้าทำ หากทำให้ต้นจิตเต๋าได้รับความเสียหาย ผลจิตเต๋าสามลูกนั่นจะไม่เสียทิ้งเปล่า ๆ หรอกหรือ?” เวินเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

หลัวซิวมิได้ใส่ใจเวินเซิ่ง แต่ได้ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปยังต้นจิตเต๋า ในวินาทีที่ลำแสงต้องห้ามปรากฏขึ้นในเมื่อสักครู่ เขาก็จับร่องรอยได้เล็กน้อยแล้ว จากนั้นก็อนุมานตามร่องรอยที่มีอยู่เล็กน้อย ทำให้เขาคว้าเนื้อหาบางอย่างได้อย่างเลือนราง

นี่ไม่ใช่ค่ายกลต้องห้ามธรรมดาทั่วไป ตัวต้องห้ามชนิดนี้สามารถทำลายได้เพียงสองวิธี วิธีแรกก็คืออาศัยความแข็งแกร่งทำลายโดยตรง แต่หากต้องการใช้วิธีนี้ จักต้องมีความแข็งแกร่งในระดับผู้แกร่งเลิศถึงจะได้

ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือสังเวยเลือด! แต่เป้าหมายของการสังเวยเลือดนั้น จักต้องเป็นเลือดของอสูรจิตระดับผู้สูงส่ง

นั่นก็หมายความว่า หากเมื่อสักครู่หลัวซิวถูกลำแสงต้องห้ามสังหาร ตัวต้องห้ามนั้นก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ

เป็นที่ประจักษ์ นี่ถึงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเจ้าอ้วนเวิน เพราะเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็จะได้ผลจิตเต๋าสามลูกนั้นมาอย่างไม่เปลืองแรง

ก่อนหน้านี้ไช่เม่าได้ยับยั้งไม่ให้เจ้าอ้วนเวินลงมือกับหลัวซิว จุดประสงค์ของเขาก็อยู่ตรงนี้นี่เอง

สามารถเดาได้จากจุดนี้ ภายในแดนภูตศักดิ์สิทธิ์น่าจะมีตัวต้องห้ามอยู่มากมายหลายชนิด พวกไช่เม่าคิดว่าถ้าประหยัดแรงได้ก็ประหยัด

ในเมื่อมองจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว หลัวซิวก็คร้านที่จะเสแสร้งต่อไป ทว่าเขาไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่มีแผนว่าเอาผลจิตเต๋าทั้งสามลูกมาไว้ในมือให้ได้ก่อนค่อยว่า

อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการเพิ่มระดับผลการฝึกตน ประสิทธิภาพของโอสถมหามกุฎนับว่าไม่เลวเลย นอกจากนี้หลังจากเขาบรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง เขาก็สามารถกลั่นแปรได้ด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นหลัวซิวจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงตายเอง รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเวินเซิ่งที่อยู่ด้านหลัง นับตั้งแต่ที่เขาได้เชิญคนผู้นี้มายังแดนภูตศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ประสงค์ดีอยู่แต่แรกแล้ว หากตอนนั้นหลังจากหลัวซิวได้ยินเรื่องผลเต๋าดั้งเดิมแล้วยังเลือกปฏิเสธอีกละก็ เจ้าอ้วนเวินก็จะลงมือกำจัดคนผู้นี้ด้วยตนเอง แล้วแย่งเอาแหวนเก็บของของเขามาอย่างไม่เกรงใจ

ผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกตนจนถึงแดนผู้สูงส่งได้ จักต้องมีทรัพย์สมบัติอยู่ในแหวนเก็บของจำนวนมากอย่างแน่นอน และวิธีฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์นั้น เป็นเส้นทางสร้างรายได้ที่เร็วที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

และในวินาทีนี้ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทางที่ดี เพียงแค่เจ้าหมอนี่ถูกตัวต้องห้ามกำจัด พวกเขาไม่เพียงจะได้ผลจิตเต๋าทั้งสามลูกมาโดยง่าย แล้วยังสามารถชิงแหวนเก็บของของอีกฝ่ายมาอย่างไม่เปลืองแรง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการมองโลกในแง่ดีของเวินเซิ่งแล้ว หวางหงสตรีเพียงหนึ่งเดียวในสามคนกลับขมวดคิ้วเรียวงาม สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้นางพบว่าจอมมกุฎไร้ลักษณ์คนนี้ค่อนข้างแปลก

“หรือว่าพวกเจ้าจะไม่รู้สึกเลย? ปฏิกิริยาของจอมมกุฎไร้ลักษณ์ผู้นี้มันไม่สงบเกินไปหน่อยหรือ?” หวางหงขมวดคิ้วกล่าว

“หมายความว่าอย่างไร?” เจ้าอ้วนเวินมีท่าทางงงงัน

“สามารถฝึกตนจนถึงแดนผู้สูงส่งได้ไม่มีใครโง่หรอกนะ อีกอย่างตลอดทางมานี้ ต่อให้เป็นคนที่โง่แค่ไหนก็สามารถสังเกตเห็นได้แล้วว่าเจ้าไม่ประสงค์ แต่คนผู้นี้กลับดูเหมือนปล่อยให้เจ้าสั่งการตามอำเภอใจ เจ้าไม่คิดว่ามันผิดปกติหรือ?” หวางหงกล่าว

“มันจะเป็นปัญหาอะไร ต่อให้เขาสังเกตเห็นแล้ว แค่ผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิเล็ก ๆ อย่างเขา ยังจะสามารถต่อต้านพวกเราได้อย่างนั้นหรือ?” เจ้าอ้วนเวินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“มันก็ไม่แน่หรอก ไม่แน่ว่าความสามารถของคนผู้นี้อาจไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยก็ได้” ความมีความเคร่งเครียดแวบผ่านไปในดวงตาดั่งน้ำในฤดูใบไม้ร่วงคู่นั้นของหวางหง

“ศิษย์น้องหง เจ้าคิดมากเกินไปหน่อยไหม? ผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิต่อให้เก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีทางสู้พวกเราสามคนได้” ไช่เม่ากล่าวขึ้นมาที่ด้านข้าง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ความมั่นใจเช่นนี้ มิใช่การอวดดีอย่างแน่นอน เพราะต่อให้เป็นผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิชั้นยอด อย่างไรเสียความแข็งแกร่งก็ยังด้อยกว่าผู้สูงส่งขั้นช่วงกลาง ยิ่งกว่านั้นความสามารถของพวกเขาเหนือกว่าชั้นยอดอีกด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งทัดเทียมได้กับผู้สูงส่งช่วงปลาย?

“ตูม!”

ฉับพลันทันที ในตอนที่พวกเขาสามคนสื่อสารกันผ่านตัวสำนึกอยู่นั่นเอง หลัวซิวได้เดินมาถึงข้างต้นจิตเต๋าเป็นที่เรียบร้อย ไม่รอให้เขายื่นมือไปคว้าผลจิตเต๋าจู่ ๆ ลำแสงต้องห้ามก็ได้ปะทุขึ้นมา

แต่ในวินาทีที่ลำแสงต้องห้ามปะทุนั่นเอง หลัวซิวก็ได้เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ที่ลำแสงมากมายได้กำจัดไป เป็นเพียงเศษเงาของเขาเท่านั้น

และในวินาทีต่อมา ร่างของหลัวซิวก็ได้หนีออกมาจากขอบเขตที่ตัวต้องห้ามครอบคลุมเป็นที่เรียบร้อย เขาได้ถือผลจิตเต๋าสามลูกเอาไว้ในมือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ