“โอกาสดีเลย!”
ในแผ่นดินโลกสวรรค์ หลังจากที่มกุฎเต๋าเทียนชูพาประมุขเต๋าหลายคนไล่ตามสตรีชุดเขียวอ่อนคนนั้น เจ้าอ้วนเวินก็หรี่ตาเล็ก ๆ ของเขาและถูมือไม่หยุด
“ใช่ มันเป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่ได้มายากจริงๆ สตรีชุดเขียวอ่อนนั้นทรงพลังมากจนแม้แต่มกุฎเต๋าเองก็ออกโรงเอง และประมุขเต๋าคนอื่นๆ ของเผ่าฟ้าก็ต้องออกมาทั้งหมดแน่ ในวันนี้ ตอนนี้สถานบรรพบุรุษของเผ่าฟ้าจะต้องมีการป้องกันที่อ่อนแอที่สุด”
“เดิมทีแค่อยากมาโลกสวรรค์เพื่อเอาทรัพยากรผลการฝึกตนหน่อยเท่านั้น ช่างเป็นโชคลาภที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
ดวงตาของ ไช่เม่าเป็นประกายอย่างเดียวกัน การปล้นสถานที่ของผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋า ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียนี่กระไร?
“หยุดพูดไร้สาระ ลงมือ!”
เมื่อเปรียบเทียบกับ เวินเซิ่งและ ไช่เม่าในฐานะสตรีคนเดียวในทั้งสามคน หวางหงพูดน้อยมาก ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพมากกว่า และไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระ
สถานที่ของมกุฎเต๋าเทียนชู ก็คือป็สถานบรรพบุรุษของเผ่าฟ้า สถานที่ดังกล่าวเป็นซ่อนอยู่ในที่ลับมาก แต่พวกเจ้าอ้วนเวินสามคนดูเหมือนจะมีวิธีการพิเศษในการฉีกอนัตตาเพื่อค้นหาที่ตั้งโดยตรง
เมื่อทั้งสามบุกเข้ามา ผู้แข็งแกร่งหลายคนของเผ่าฟ้าก็ตื่นตระหนกทันที
...
มกุฎเต๋าเทียนชูตามอยู่ข้างหลังระยะไกล ด้วยระยะทางไกลนี้ แม้ว่าหลัวซิวจะระเบิดภัณฑ์เซียน เขาก็สามารถหนีไปได้อย่างง่ายดายด้วยความแข็งแกร่งของเขาและจะไม่ถูกดึงเข้าไป
ในเวลาเดียวกัน มกุฎเต๋าเทียนชูยังคงใช้พลังของคัมภีร์สวรรค์เพื่อปิดกั้นอนัตตา แม้ว่าหลัวซิวจะไม่ถูกขังอยู่ในที่เดิม แต่ความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋าได้รับผลกระทบอย่างมาก ความเร็วนั้นไม่เร็วเท่าก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นปราณของประมุขเต๋าแห่งเผ่าฟ้าใกล้เข้ามา หลัวซิวก็รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขานั้นอันตรายมาก
เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถหลบหนีจากห้วงดาราโลกสวรรค์ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดมกุฎเต๋าเทียนชู
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ หญิงที่หมดสติชุดเขียวอ่อน จู่ๆ นิ้วของนางก็สั่นและค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ถ้าจำไม่ผิด บริเวณนี้มีคุกเซียนอยู่ใกล้ๆ”
หลังจากที่สตรีชุดเขียวอ่อนลืมตาขึ้นโดยที่หลัวซิวไม่ต้องพูด นางก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ของนางแย่มาก
“ในคุกเซียนมีค่ายกลกักขังเซียน ใครก็ตามที่เข้าไป ผลการฝึกตนจะถูกกดลงไปถึงแดนผู้สูงส่ง แค่สามารถหลบหนีเข้าไปในสถานที่นั้น เราก็จะปลอดภัย” สตรีชุดเขียวอ่อนกล่าว
“ทิศทางอยู่ที่ไหน?” หลัวซิวถามอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้
“พิกัดนี้” สตรีชุดเขียวอ่อนพูดทิศทางหนึ่งออกมา
หลังจากที่หลัวซิวได้ยิน เขาก็หันหลังกลับทันทีและขับเข็มทิศสาสน์เต๋าบินไป
ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ หลุมดำไม่ได้มีน้อย แต่ไม่มีหลุมดำที่ตายตัว มีหลายสาเหตุสำหรับการก่อตัวของหลุมดำ หลุมดำบางแห่งปลอดภัย ในขณะที่หลุมดำบางแห่งมีอันตรายอย่างยิ่ง แม้จะเป็นมกุฎเต๋าคนหนึ่งบุกเข้าไปโดยไม่ระวังแม้จะไม่ตายแต่ก็เกือบตายแล้ว
แต่บนห้วงดาราโลกสวรรค์มีหลุมดำที่อยู่ที่เดิมออย่างชั่วนิรันดร์ มองจากภายนอก นี่เป็นหลุมดำหนึ่งจริงๆ แต่หากบุกเข้าไปจะพบว่าหลุมดำเป็นเพียงทางเข้าเท่านั้น
และหลุมดำนี้คือทางเข้าคุกเซียน
ตามที่สตรีชุดเขียวอ่อนกล่าว ในสมัยประเทศเซียนมีประเทศเซียนชางหลานหนึ่ง และคุกเซียนแห่งนี้สร้างโดยราชาเซียนแห่งประเทศเซียนชางหลาน และใช้เป็นสถานพิเศษเพื่อกักขังชาวเซียนที่ทำผิด
หลังจากที่เห็นหลัวซิวขับเข็มทิศสาสน์เต๋าและพุ่งเข้าไปในหลุมดำโดยไม่ลังเล มกุฎเต๋าเทียนชูซึ่งบินอยู่ข้างหลังก็ไม่ทันห้ามเขา
“บรรพสวรรค์!”
กว่าที่ประมุขเต๋าเผ่าฟ้าทั้งหกไล่ตามทัน แต่สุดท้สายพวกเขายังช้าเกินไป พวกเขาเห็นเพียงหลุมดำที่ลอยอยู่บนห้วงดาราหมุนวนราวกับน้ำวน และมกุฎเต๋าเทียนชูมีสีหน้าที่ขรึมอย่างยิ่ง
อย่างน้อยมกุฎเต๋าเทียนชูเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชีวิตมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าหลุมดำนี้เป็นคุกสำหรับกักขังชาวเซียน เดิมทีเขากับมกุฎเต๋านอกนภาและหวูจี๋มกุฎเต๋าเคยร่วมมือกันบุกเข้าไป เพิ่งเข้าไป ผลการฝึกกตนถูกทับลงไปถึงแดนผู้สูงส่ง และพบกับนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ข้างในและเกือบตายในนั้น
ต้องรู้ว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกฝนจนถึงแดนเซียนและมีสิทธิ์ถูกคุมขังในคุกเซียน คนใดไม่ใช่อัจฉริยะที่เก่งกาจนัก? แม้ว่าผลการฝึกตนจะถูกระงับถึงสู่แดนผู้สูงส่งเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่คนที่มกุฎเต๋าเทียนชูสามารถต่อกรได้
เขาตระหนักดีถึงอันตรายในคุกเซียน แต่เมื่อมองดูพวกหลัวซิวบุกเข้าไป เขาก็เหลือเพียงสองทางเลือก
ทางเลือกแรกคือเฝ้าอยู่นอกทางเข้า หากพวกหลัวซิวรอดชีวิตมาได้ พวกเขาจะออกมาจากที่นี่อย่างแน่นอน
ทางเลือกที่สองคือนำผู้คนเข้าไปเพื่อตามฆ่า แต่มีโอกาสมากที่กองทัพทั้งหมดจะตายอยู่ภายใน
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีความเสี่ยง เพราะมกุฎเต๋าเทียนชูรู้ดีว่าหากพวกหลัวซิวเลือกที่จะออกมา พวกเขาจะเดาได้อย่างแน่นอนว่าเขาจะรออยู่ที่นี่ ดังนั้นหากพวกเขากล้าที่จะออกมา ก็ต้องเป็นตอนที่สตรีชุดเขียวอ่อนฟื้นคืนความแข็งแรง
“พวกเจ้าทั้งหกคนเข้าไปตามล่าสตรีคนนั้น อาการบาดเจ็บของนางสาหัสหนัก ไม่มีอะไรต้องกังวล สำหรับรุ่นเยาว์แดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิสองคนนั้นไม่น่ากลัวอะไรเลย แม้เข้าไปในคุกเซียนนผลการฝึกตนจะถูกกดทับ พวกเจ้าก็สามารถใช้พลังแดนผู้สูงสุดขั้นสูงออกมาได้ จัดการแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิสองคนไม่ใช่ปัญหา”
มกุฎเต๋าเทียนชูกล่าวกับประมุขเต๋าทั้งหกที่อยู่ข้างเขา “แต่พวกเจ้าต้องระวัง หลังจากเข้าไปในคุกเซียนแล้วอย่าเกิดความขัดแย้งกับสัตว์ประหลาดชราข้างในเหล่านั้น จุดประสงค์ของพวกเจ้าคือสตรีคนนั้นและรุ่นเยาว์สองคนเท่านั้น ยังมีชีวิตอยู่ต้องจับตัวมาอย่างเป็นๆ ตายก็ต้องเห็นศพ!”
“ขอรับ!”
เมื่อเผชิญกับคำสั่งของบรรพสวรรค์ ในฐานะสมาชิกของเผ่าฟ้าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฝ่าฝืน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเข้าไปในหลุมดำโดยไม่ลังเล
สีหน้าของมกุฎเต๋าเทียนชูไม่น่ามองมาก เพราะสถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา เขาได้พิจารณาทางเลือกสองทางแล้ว หากสามคนนั้นกับหกคนที่เขาส่งเข้าไปเสียชีวิตอยู่ภายใน เขาทำได้เพียงปล่อยวาง
“ฮึ่ม แดนผู้สูงส่งขั้นสูงเหมือนกัน ข้าฆ่าพวกเขา...”
ก่อนที่สตรีชุดเขียวอ่อนจะพูดจบ หลัวซิวก็ขัดจังหวะนางที่กำลังจะพูดแล้ว “"แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าจะถูกระงับโดยค่ายกลของโลกคุกเซียน แต่ถ้าเจ้าต่อสู้กับคนอื่น อาการบาดเจ็บของเจ้าจะตามมาหนักกว่าเดิมอย่างรวดเร็วแน่นอนแล้วเจ้าจะตายเร็วขึ้น”
รังสีแห่งเจตนาฆ่าพุ่งออกมาจากสตรีชุดเขียวอ่อน ด้วยความจองหองของนาง จะมีใครกล้าพูดกับนางแบบนี้กับตนเมื่อใดกัน?
“เพราะเจ้าช่วยชีวิตข้า ข้ายกโทษให้เจ้าครั้งหนึ่ง” สตรีชุดเขียวอ่อนพูดอย่างเย็นชา
“ข้าคิดว่าเจ้าคิดผิดไปเรื่องหนึ่ง”
หลัวซิวเย้ยหยันนางเช่นกัน “ในตอนนี้ แม้แต่ข้าเจ้าก็อาจไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแสดงท่าทางที่เหนือกว่าต่อหน้าข้า?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเมิ่งเหยา ข้าจะไม่ช่วยเจ้าด้วยซ้ำ และนี่คือวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของเจ้ารึ?”
ร่องรอยของการเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวซิว “เป็นความจริงที่เจ้าช่วยชีวิตเมิ่งเหยา แต่เมิ่งเหยาและข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าเพื่อตอบแทนเมตตาของเจ้า แล้วเจ้าล่ะ? ดูเหมือนว่าข้าจะช่วยชีวิตเจ้า เหมือนกับเป็นเกียรติอันสูงสุด เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?”
“เจ้า…”
เจตนาสังหารของสตรีตัวชุดเขียวอ่อนยิ่งรุนแรงขึ้น นางมองชายหนุ่มชุดดำด้วยความไม่เชื่อ “เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้ารึ?”
“ข้ากลัวแน่นอน และข้าก็กลัวแทบตาย แต่ตอนนี้เจ้าแน่ใจหรือว่ามีความสามารถนี้? เจ้าเชื่อหรือไม่ ถ้าเจ้ากล้าพูดมั่วๆต่อหน้าข้า ข้า...”
สำหรับหลัวซิว เขาไม่สนใจว่าสตรีคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อหน้าคนอื่น แต่ต่อหน้าขา เจ้าควรเลิกมองว่าคนอื่นอย่างกับเป็นหนี้เจ้า
แต่ก่อนที่หลัวซิวจะพูดจบ ลู่เมิ่งเหยาที่อยู่ข้างๆก็ดึงชายเสื้อเขา
หลัวซิวส่งเสียงเย็นชา เขาไม่อยากโต้เถียงกับสตรีอหังการเพื่อไว้หน้าเมิ่งเหยา
“พี่หญิงตงฟาง อย่าโมโหเลย หลัวซิวไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
ลู่เมิ่งเหยาเดินไปหาสตรีชุดเขียวอ่อนอีกครั้ง และกล่าวขอโทษ
“สาวน้อย เขาก็คือคนที่เจ้าชอบรึ? แต่สายตาของเจ้าไม่ค่อยดีนัก ผู้ชายอย่างเขาที่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวจะถูกฆ่าในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องเป็นแม่หม้ายแน่”
อาจเป็นเพราะหลัวซิวเยาะเย้ยนางและทำให้นางโมโห คำพูดของสตรีชุดเขียวอ่อนจึงค่อนข้างร้าย
แต่พวกเขาไม่มีเวลาโต้เถียงกันต่อไป จู่ ๆ ก็มีมือใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อมือใหญ่ร่วงหล่นลงมา ดูเหมือนจะกลายเป็นท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด ท้องฟ้าคำราม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...