มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2980

สตรีชุดเขียวอ่อนไม่สามารถทำอะไรได้เพราะอาการบาดเจ็บของนาง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วหลัวซิวทำได้เพียงจัดการกับมือใหญ่ที่โจมตีพวกเขาทั้งสามคน

ภายใต้การปกคลุมของมือใหญ่ อนัตตาถูกกักขัง เข็มทิศสาสน์เต๋าดูเหมือนจะบินเข้าไปในหนองน้ำ ทำให้ยากต่อการขยับนิ้ว

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเมื่อมือใหญ่นี้มาถึงเหนือศีรษะ แม้แต่การป้องกันระยะหนึ่งร้อยเมตรที่สร้างโดยอาณาจักรไร้ลักษณ์ของหลัวซิวก็ยังถูกฉีกออกจากกันอย่างง่ายดาย

“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?”

สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไป จากออร่าที่กดขี่เล็ดลอดออกมาจากมือใหญ่นี้ เขารู้สึกหายใจลำบาก

ทันทีที่เขาเข้าสู่โลกคุกเซียน สตรีชุดเขียวอ่อนเตือนเขาว่านักโทษที่ถูกคุมขังที่นี่ล้วนเป็นชาวเซียนที่มีชีวิตมานาน ร่างกายของพวกเขาถูกผนึกต้องห้าม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถออกจากโลกคุกเซียนนี้ได้

แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การจำกัดและการผนึกของโลกนี้ ชาวเซียนโบราณเหล่านี้สามารถแสดงความแข็งแกร่งในระดับแดนผู้สูงส่งได้เท่านั้น แต่แน่นอนว่าเป็นระดับผู้แกร่งเลิศ!

หลังจากก้าวเข้าสู่แดนผู้สูงส่ง ไม่ใช่ว่าหลัวซิวไม่เคยต่อสู้กับผู้แกร่งเลิศ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นด้อยกว่าผู้แกร่งเลิศเล็กน้อย แต่ความแตกต่างก็จะไม่มาก

แต่เมื่อเขาเผชิญกับการลอบโจมตีของมือใหญ่นี้ หลัวซิวก็เข้าใจในทันทีว่าเมื่อเทียบกับผู้แกร่งเลิศจริง ๆ เขายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียนลอบโจมตีแล้วสังหารประมุขเต๋าคนหนึ่งเป็นเพราะประมุขเต๋าคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถใช้ตัวสำนึกได้ และคาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลอบโจมตีเขา

เขาสามารถฆ่าประมุขเต๋า ไม่ได้หมายความว่าเขามีความแข็งแกร่งที่จะเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าตรงๆได้

แม้เขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่หลัวซิวไม่สามารถถอยหลังได้กับการโจมตีครั้งนี้ เพราะไม่เพียงแต่ตัวเขาเองเท่านั้น แต่ลู่เมิ่งเหยาและสตรีชุดเขียวอ่อนก็อยู่บนเข็มทิศสาสน์เต๋า

“ทะยานเซียน!”

หลัวซิวบีบนิ้ว แสงเซียนที่สว่างไสวรวมตัวกันระหว่างมือของเขา กลายเป็นกระบี่แสงเซียน ฟันออกมาเสียงดังกึกก้อง เผชิญหน้ากับมือใหญ่ที่บดขยี้

“โครม!”

เมื่อแสงกระบี่ของวิชาทะยานเซียนปะทะกับมือใหญ่ ร่างกายของหลัวซิวก็สั่นสะเทือนด้วยพลังกัดกลืนกลับมาอันทรงพลัง มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

กระบี่แสงเซียนแตกเป็นเสี่ยงๆ ในอากาศ แต่มือใหญ่ไม่สลายไป และยังคงคว้ามาจับไว้ไม่ลดละ

แม้ว่าพลังอมตะของเขาจะแตกสลาย แต่หลัวซิวก็ล็อคตำแหน่งของเป้าหมายไว้ในช่วงเวลานี้ จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยการโจมตีวิญญาณโดยไม่ลังเล

ทันใดนั้น อนัตตาในระยะไกลก็เปิดออก ร่างที่ปกคลุมไปด้วยออร่าสีดำก็ปรากฏขึ้น มือใหญ่ที่แหลกสลายได้รับผลกระทบจากการโจมตีวิญญาณหยุดชั่วขณะ ในขณะที่หลัวซิวขับเข็มทิศสาสน์เต๋าถอยกลับไปไกลกว่าสิบลี้ ทำให้มือใหญ่นี้จับเขาไม่ได้

“”ฮี้ฮี้...ตอนนี้วิถียุทธ์ข้างนอกนั้นแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ? แดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิเล็กๆก็มีความแข็งแกร่งเช่นนี้”

ดวงตาคู่หนึ่งเป็นประกายจับจ้องหลัวซิว “วิชาวิญญาณอมตะของเจ้าไม่เลวเลย แต่แม้ว่าแดนของเจ้าจะถูกกักขังโดยโลกคุกเซียน เช่นเดียวกับข้าที่เป็นแดนเซียนชั้นฟ้า ตัวหยั่งรู้ก็ไม่ใช่รุ่นเยาว์อย่างเจ้าจะสั่นคลอนได้” ”

“เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีคนจากภายนอกเข้ามา วันนี้ข้า เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีจะเล่นให้สนุก เจ้าอย่าตายไปก่อนที่ข้าจะสนุกนะ ฮี้ฮี้...”

ร่างสีดำปล่อยเสียงหัวเราะแปลกๆออกมา ทันทีที่เขาก้าวมาข้างหน้า ร่างของเขาก็หายไปในชั่วพริบตา ด้วยความเร็วที่เทียบได้กับเทเลพอร์ต

“พรึบ!”

หลัวซิวโยนหอคอยฮวงออกมาโดยไม่ลังเล สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก โชคดีที่นี่คือโลกคุกเซียน อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ผลการฝึกตนถูกระงับโดยวิชาห้ามค่ายกลของที่นี่ แต่หลังจากถูกคุมขังที่นี่ สมบัติบนร่างกายและแหวนเก็บของก็ถูกแย่งไปด้วย มิฉะนั้นหากฝ่ายตรงข้ามมีภัณฑ์เซียนอยู่ในมือ เขาจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

“เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีใช่ไหม? ในเมื่อเจ้าสามารถฝึกฝนจนถึงแดนเซียนได้ งั้นเจ้าต้องเข้าใจหลักการหนึ่ง”

หอคอยฮวงลอยอยู่เหนือหัว มีเข็มทิศสาสน์เต๋าอยู่ใต้เท้า หลัวซิวมีความเชื่อมั่นในใจ ดังนั้นเขาจึงเริ่มพูด

“ผู้น้อยหมายความว่ายังไง?” เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีตะคอกอย่างเย็นชา

“ความหมายของข้าง่ายดายนัก นี่คือโลกคุกเซียน เจ้าถูกจองจำอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน เจ้าถูกประทับผนึกอยู่บนร่างกาย เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากโลกคุกเซียนนี้ แต่บนร่างของข้าไม่มีผนึก ดังนั้นข้าจะออกไปเมื่อไหร่ก็ได้”

หลัวซิวพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าดูออกแล้ว แม้ว่าข้าจะเป็นแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิ แต่ความแข็งแกร่งของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแดนผู้สูงส่งขั้นสูง แม้ว่าข้าจะยังไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แต่ข้ายังสามารถเอาของขลังภัณฑ์เซียนออกมาได้อีกหนึ่งชิ้น หากข้าต้องการหนี เจ้าก็ไม่สามารถจับตัวข้าให้อยู่ที่นี่ต่อได้ วันข้างหน้าหากข้างฝึกฝนถึงแดนผู้สูงส่งช่วงปลาย หรือแม้แต่แดนผู้สูงส่งขั้นสูง ถ้าข้าอยากฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าจะเป็นผลแบบไหนกัน?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของ เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไป สถานการณ์ที่หลัวซิวพูดทำให้เขากลัวมาก แม้ว่าเขาจะถูกขังอยู่ในโลกคุกเซียนและผลการฝึกตนของเขาถูกระงับ แต่ก็ไม่มีอิสระ แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่รึ? ถ้าถูกฆ่าตาย ความเชื่อที่ว่าเขาทนมาแสนนานเพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ก็จะสูญเปล่าไปน่ะสิ?

ทันทีที่หลัวซิวได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่าดินแดนที่ผนึกราชาเซียนนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และผลประโยชน์ที่สตรีคนนี้ที่สัญญาไว้ก็คือเพื่อให้เขาทำงานโดยใช้ชีวิตแก่นาง

แน่นอนว่าหลัวซิวไม่ใช่คนโง่ที่จะเชื่อคำพูดของนางได้ง่ายๆ เขาชำเลืองลู่เมิ่งเหยา แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการทำงานให้คนอื่น แต่เพื่อตอบแทนความเมตตาของอีกฝ่ายที่ช่วยเมิ่งเหยา เขาก็ยังต้องทำอะไรสักอย่างอยู่ดี

เขา หลัวซิวเป็นคนที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเสมอ เนื่องจากเขาได้ช่วยสตรีคนนี้จากเงื้อมมือของมกุฎเต๋าเทียนชู ถ้าเป็นไปได้ ช่วยเหลือนางให้หายจากอาการบาดเจ็บ ความเมตตาของอีกฝ่ายที่ช่วยเมิ่งเหยาก็ถือว่าคืนหมดแล้วด้วย

เมื่อคิดถึงประเด็นนี้ หลัวซิวไม่ได้พูดอะไรอีก เข็มทิศสาสน์เต๋ากลายเป็นกระแสแสงบินอยู่ในอนัตตา บินไปยังสถานที่สีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้บนม้วนหยก

เวลาผ่านไปเนิ่นนานนับตั้งแต่สิ้นสุดสมัยประเทศเซียนจนถึงตอนนี้ ในกาลเวลาเนิ่นนานนี้ ไม่มีนักโทษใหม่ถูกคุมขังเข้ามาโลกคุกเซียนอีก และระหว่างนักโทษก็จะต่อสู้กันเอง ดังนั้น จำนวนนักโทษที่ยังสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้มีไม่มากนัก แต่แต่ละคนก็ทรงพลังมาก อย่างน้อยก่อนถูกจองจำที่นี่ พวกเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเซียน

และเฒ่าประหลาดเหล่านี้ที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนนั้น ไม่ได้พูดง่ายเหมือน เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีและมีตัวละครที่บ้าคลั่งในหมู่พวกเขา พวกเขาไม่เปิดโอกาสให้เจ้าพูดเลย และพวกเขาก็โจมตีทันทีเมื่อมองเห็นพวกหลัวซิว

ระหว่างทางไปยังดินแดนปิดผนึกที่ผนึกราชาเซียน พวกหลัวซิวได้พบกับคนบ้าคนหนึ่ง และพละกำลังของเขาแข็งแกร่งกว่า เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีมาก

หลัวซิวจึงปล่อยตี้ขุยออกจากหอคอยฮวงด้วยความจนปัญญา ผลการฝึกตนของตี้ขุยผู้นี้ก็อยู่ในแดนผู้สูงส่งขั้นสูงเช่นกันและความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในชั้นสูงรองมาจากชั้นน้ำเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมั่นคง แต่เนื่องจากการต่อสู้ดังเกินไป เฒ่าประหลาดอีกสองตัวจึงปรากฏขึ้น ดังนั้นพวกหลัวซิวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนี

ความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋า ทำให้ผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋ายากที่จะตามทัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะหนีจากคู่ต่อสู้แดนผู้สูงส่งขั้นสูงทั้งสามคนไป

อย่างไรก็ตาม บางครั้งความโชคร้ายก็เป็นเพียงความโชคร้าย เมื่อหลัวซิวเพิ่งหนีจากเฒ่าประหลาดสามตัวที่กำลังไล่ตาพวกเขาไปได้ก็ถูกประมุขเต๋าเผ่าฟ้าขวางทาง

ผลการฝึกตนประมุขเต๋าทั้งสามนี้ถูกกดทับเช่นกันเมื่อพวกเขาเข้าสู่โลกคุกเซียน แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต่ำกว่าเฒ่าประหลาดที่เคยอยู่ในแดนเซียน แต่ก็มีพลังการต่อสู้ของผู้แกร่งเลิศชั้นนำ

หลัวซิวไม่ได้ต่อสู้กับพวกเขา เพราะเขารู้ดีว่าการต่อสู้ในโลกคุกเซียนจะดึงดูดเฒ่าประหลาดเหล่านั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทางเลือกของเขาจึงยังคงเป็นการหลบหนีด้วยความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋า

อย่างไรก็ตาม จะหนีจากประมุขเต๋าทั้งสามนี้ไม่ง่ายนักเพราะบนร่างของพวกเขาทั้งหมดมีของขลังนภาเวหาอยู่ และเพราะพวกเขารู้ว่าหลัวซิวมีเข็มทิศสาสน์เต๋า ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่โลกคุก เซียนมกุฎเต๋าเทียนชูก็ได้มอบภัณฑ์เซียนนภาเวหาชิ้นหนึ่งให้พวกเขา

ด้วยระดับผลการฝึกตนของพวกเขาในการควบคุมภัณฑ์เซียนนภาเวหา แม้ว่าความเร็วจะยังด้อยกว่าเข็มทิศสาสน์เต๋าอยู่เล็กน้อย จะหนีจากไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ