มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2982

ในขณะที่ความสนใจของทั้งสามคนถูกดอกเทพหลัวเทียนหยวนที่ไม่โดดเด่นนั่นดึงดูดไปอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีออร่าราชาเซียนที่แข็งแกร่งจุติลงมากะทันหัน

พลังออร่านี้แข็งแกร่งกว่าอานุภาพอันน้อยนิดที่หลัวซิวประสบพบเจอตลอดทางไม่รู้ตั้งกี่เท่า ทันทีที่ออร่าราชาเซียนปรากฏ หลัวซิวก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ถึงขั้นไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ หญิงชุดเขียวกัดฟันแน่น จู่ ๆ สร้อยข้อมือแก้วคริสตัลสีฟ้าที่อยู่บนข้อมือข้างซ้ายของนางก็สว่างจ้า ขอบเขตของเกราะสีฟ้าขยายใหญ่ขึ้นทันที ทำการปกคลุมตัวหลัวซิวเอาไว้ด้วย

“อั่ก!”

หญิงชุดเขียวกระอักเลือดเฮือกหนึ่ง เลือดสีแดงสดกระเด็นบนเกราะสีฟ้า ทำให้บนเกราะมีสีแดงที่งดงามย้อมติดอยู่ด้วย

โครมคราม……

พลังออร่าที่น่ากลัวม้วนซัดใส่เกราะสีฟ้า ถึงแม้ม่านแสงของเกราะจะสั่นสะเทือนรุนแรงมากก็ตาม แต่กลับไม่ถูกทลายแต่อย่างใด

“สภาพอาการบาดเจ็บภายในร่างกายเจ้ากำเริบอีกแล้ว”หลัวซิวมองหญิงชุดเขียวรอบหนึ่ง จากนั้นเขาก็จับมือของสตรีนางนี้เอาไว้โดยตรง ใช้พลังเซียนไร้ลักษณ์ผันเปลี่ยนเป็นพลังแห่งกำเนิด ถ่ายเทเข้าไปในร่างกายนาง

“เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”

หญิงชุดเขียวตวาดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวเล็กน้อย ไม่เคยมีผู้ชายคนใดกล้าจับมือนางเช่นนี้มาก่อน เสี้ยววินาทีที่มือตัวเองถูกจับ นางก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองอ่อนไหวอย่างยิ่ง แม้แต่วิญญาณก็ใกล้จะสั่นเทาไปด้วย

“เจ้าหุบปาก!”

หลัวซิวก็ตำหนิอย่างดุดันเช่นกัน “ก่อนจะเข้ามาในโลกคุกเซียน สภาพอาการบาดเจ็บของเจ้าก็สาหัสมาก ๆ แล้ว ต่อมากว่าจะอาศัยตัวต้องห้ามในโลกคุกเซียนกดอัดได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อครู่เจ้าโคจรผลการฝึกตนจึงทำให้อาการกำเริบอีกครั้ง หากยังไม่สามารถกดอัดได้อีกละก็ เจ้าจะตายได้!”

“หึ สภาพอาการบาดเจ็บของข้ากำเริบเพราะช่วยเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงรู้สึกผิดสินะ?”หญิงชุดเขียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

นางใส่ผ้าคลุมปิดหน้า ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดมองเห็นสีหน้าของนางเลย วินาทีนี้หลัวซิวกำลังจับมือนางอยู่ แม้นจิตใจจะขัดขืนอย่างยิ่งก็ตาม ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด นางกลับรู้สึกว่าชายที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้นางมีความรู้สึกใกล้ชิด

สภาพจิตใจที่ซับซ้อนเช่นนี้ ทำให้ใบหน้านางแดงระเรื่อขึ้นมา ทั้งเขินทั้งโกรธ หากไม่ใช่เพราะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าละก็ นางอาจจะอับอายจนไม่รู้ว่าจะมุดตัวไปหลบซ่อนอยู่ที่ใดแล้ว

แต่หลัวซิวกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากช่วงระยะความต่างของแดนผลการฝึกตน หลังจากเขาใช้พลังเซียนไร้ลักษณ์ผันเปลี่ยนเป็นพลังแห่งกำเนิดถ่ายเทเข้าไปในร่างกายหญิงชุดเขียว แม้นจะทำให้สีหน้าของนางฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติไม่น้อย ทว่าแทบจะไม่มีผลต่อสภาพอาการบาดเจ็บของนางเลย

“ในเมื่อเจอดอกเทพหลัวเทียนหยวนแล้ว ขอแค่ข้าไปเด็ดมันมา สภาพอาการบาดเจ็บของเจ้าก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วใช่หรือไม่?”หลัวซิวถาม

“กาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ผ่านพ้นไปไม่รู้ตั้งกี่ยุคตรีภพ ข้าก็ไม่อาจทำให้สภาพอาการบาดเจ็บของข้าฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลย แล้วมันจะฟื้นฟูง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร? แต่ทว่าหากเจ้าสามารถเด็ดดอกเทพหลัวเทียนหยวนมาให้ข้าได้ละก็ สามารถทำให้สภาพอาการบาดเจ็บของข้าฟื้นฟูกลับมาได้สามส่วนอยู่ อีกทั้งภายในระยะเวลาไม่ต่ำกว่าหมื่นปี อาการของข้าจะไม่กำเริบอีก”หญิงชุดเขียวตอบกลับ

แม้นหญิงชุดเขียวจะไม่ได้อธิบาย แต่หลัวซิวก็พอจะคาดเดาได้เช่นกันว่าต่อให้สภาพอาการบาดเจ็บจะฟื้นฟูกลับมาสามส่วน ศักยภาพของสตรีนางนี้ก็สามารถฟื้นฟูกลับไปถึงสภาวะที่อยู่เหนือมกุฎเต๋าแน่นอน

อยู่เหนือมกุฎเต๋านั้นมีความหมายว่าอย่างไร? หรือว่าพลังแค่ประมาณสามส่วนของสตรีนางนี้ก็สามารถบรรลุถึงระดับเซียนแล้วอย่างนั้นรึ?

หากสภาพอาการบาดเจ็บของนางฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์ เช่นนั้นผลการฝึกตนก็ต้องไม่ต่ำกว่าเซียนดิน ตลอดจนเซียนชั้นฟ้าเลยมิใช่หรือ?

หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ มันก็ไม่แปลกแล้วที่สตรีนางนี้จักยโสโอหังเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเซียนดินหรือเซียนชั้นฟ้าคนหนึ่ง จะไม่นำมดตัวจ้อยที่อยู่ต่ำกว่าแดนเซียนมาไว้ในสายตาจริง ๆ

“พวกเจ้าหยุดอยู่ที่นี่แหละ ข้าจักทดลองดู!”

หลัวซิวเรียกเข็มทิศสาสน์เต๋าออกมาเหยียบอยู่ใต้เท้า จากนั้นก็เรียกหอคอยฮวงและขวดเซียนอัคคีหลอมจิตออกมาคุ้มกันอยู่เหนือศีรษะ ในมือถือน้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งขวด

ณ เสี้ยววินาทีที่เกราะสีฟ้าที่คอยคุ้มกันออร่าราชาเซียนด้านนอกหายไป หลัวซิวก็พุ่งออกไปภายในชั่วพริบตา ตลอดทั้งขั้นตอนการราบรื่นกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ๆ เขาแทบจะมาถึงข้างดอกเทพหลัวเทียนหยวนได้อย่างปลอดภัย

แม้จะรู้สึกเหลือเชื่อต่อการที่ตัวเองสามารถเด็ดดอกเทพหลัวเทียนหยวนมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่หลัวซิวกลับไม่ลีลาเลยแม้แต่ โบกมือเสกกล่องหยกออกมา ก่อนจะรีบเด็ดเก็บรวบรวม

จำนวนดอกเทพหลัวเทียนหยวนที่อยู่ที่นี่มีไม่น้อย อย่างน้อยก็มีหลายสิบดอกเช่นกัน แต่หลัวซิวเด็ดได้แค่ห้าดอกเท่านั้น จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังออร่าหนึ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

พลังออร่านั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก ดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดที่อยากเก็บเกี่ยวโอสถเซียนที่มากกว่านี้ ควบคุมเข็มทิศสาน์สเต๋าบินย้อนกลับไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด

ความเร็วของเข็มทิศสาน์สเต๋ารวดเร็วมากเพียงใด แค่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วลมหายใจ เขาก็สามารถกลับมาข้างกายหญิงชุดเขียวและลู่เมิ่งเหยาแล้ว

“ข้าต้องการให้เจ้าสาบานด้วยเจตนาเดิม หลังจากเจ้าได้รับการถ่ายทอดสืบสานไท่ซ่างแล้ว เจ้าต้องมาช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากพันธนาการ”เสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้นอีกครั้ง

ยิ่งเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับเจตนาเดิมมากเท่านั้น เจตนาเดิมและตัวธรรมมีความหมายที่แตกต่างกัน หากต้องเปรียบเทียบจริง ๆ เจตนาเดิมสำคัญกว่าตัวธรรมมาก

“แล้วถ้าข้าไม่ตกลงกับท่านล่ะ?”หลัวซิวถาม

“เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีวันออกจากที่นี่ได้ แม้นข้าจักไม่ลงมือสังหารเจ้า เจ้าก็ไม่สามารถจากไปได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หัวใจของหลัวซิวก็ดิ่งลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ สถานผนึกตราที่กดอัดผู้แข็งแกร่งราชาเซียนจะมีทางเรียบง่ายเช่นนี้ได้อย่างไร?

พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะเข้ามาได้อย่างปลอดภัย แต่เกรงว่ามันคงเป็นเหมือนสิ่งที่ราชาเซียนที่ถูกกดอัดคนนี้พูดมาจริง ๆ ต่อให้เขาไม่ลงมือ พวกเขาก็อย่าคิดว่าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้

หากสามารถออกไปได้ง่าย ๆ ละก็ แล้วมันจะมีทางกดอัดผู้แข็งแกร่งราชาเซียนคนหนึ่งมายาวนานเช่นนี้ได้อย่างไร?

“แย่แล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่ปกติ!”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หลัวซิวก็ได้ยินเสียงสะท้อนมาจากทางหญิงชุดเขียว เห็นเพียงนางหยิบฮู้ที่มีแสงเซียนเป็นประกายระยิบระยับออกมาหนึ่งชิ้น นางพยายามกระตุ้นฮู้ชิ้นนั้นดู แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เลย

“เจ้าก็เห็นแล้วสินะ ฮู้ที่แม่นางที่มาพร้อมเจ้าเอาออกมาคือฮู้ระดับราชาเซียน แต่ก็ไม่สามารถทลายปริภูมิของที่นี่แล้วออกไปได้”เสียงที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

แท้จริงแล้วไม่ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามอธิบาย หลัวซิวก็พอจะคาดคะเนโดยคร่าว ๆ ได้แล้ว เขาควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสถานผนึกตราที่กดอัดราชาเซียนไม่ได้ฝ่าฟันง่ายเช่นนั้น

“ขอแค่เจ้าให้คำมั่นสัญญา ข้าสามารถฉีกกระชากปริภูมิของที่นี่ ให้พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ได้”

“หากท่านสามารถฉีกกระชากปริภูมิของที่นี่ เหตุใดท่านจึงไม่จากไปเองเล่า?”เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งนิรนามคนหนึ่ง หลัวซิวก็ยังคงระแวดระวังอยู่เช่นเคย

“เนื่องจากผนึกของที่นี่มีสองขั้น สิ่งที่ผนึกปริภูมิแห่งนี้คือผนึกขั้นแรก ส่วนผนึกอีกขั้นกำลังผนึกร่างข้าอยู่ ข้าสามารถฉีกกระชากผนึกของปริภูมิแห่งนี้ แต่ไม่สามารถทลายผนึกที่กดอัดร่างกายข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ