มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2983

“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน……”

หลัวซิวเลือกที่จะประนีประนอม เพราะหลังจากผ่านการทดสอบหยั่งเชิงของเขา หากไม่มีราชาเซียนที่ถูกกดอัดคนนี้ลงมือช่วยเหลือ เขามีโอกาสติดอยู่ในนี้จริง ๆ

อีกทั้งราชาเซียนที่ถูกกดอัดก็มีความบริสุทธิ์ใจมากเช่นกัน แทบจะตอบกลับทุกคำถามที่หลัวซิวถามเลย

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าฝ่ายตรงข้ามโกหกตัวเองหรือไม่ อย่างน้อยลักษณะท่าทีเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้หลัวซิวรู้สึกเกลียด ซึ่งดีกว่าหญิงชุดเขียวที่ยโสโอหังนั่นมาก

หลัวซิวเป็นคนประเภทนี้นี่แหละ ยิ่งเจ้าใช้ไม้แข็งเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้มากเท่านั้น หากเจ้าพูดคุยเจรจากับเขาดี ๆ เช่นนั้นเรื่องทุกอย่างก็มีพื้นที่ที่สามารถเจรจาได้

ตลอดทั้งขั้นตอนการดูเหมือนจะยาวนาน แท้จริงแล้วการสื่อสารในตัวหยั่งรู้แค่ใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วลมหายใจเท่านั้น

เมื่อค้นพบว่ากระตุ้นฮู้ระดับราชาเซียนในนี้ไม่มีประโยชน์ใด ๆ หญิงชุดเขียวก็เริ่มรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ได้อยู่ในการคาดหมายของนางแต่อย่างใด

สาเหตุที่นางมีความมั่นใจเข้ามาในสถานผนึกตราแห่งนี้นั้น ก็เป็นเพราะนางรู้อยู่ว่าตนมีฮู้ระดับราชาเซียน รู้สึกว่าเมื่ออาศัยพลังของฮู้ ต่อให้ทลายผนึกไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถวาร์ฟออกไปจากที่นี่ได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามนางกลับประเมินฮู้ราชาเซียนสูงเกินไป ผนึกของสถานผนึกตราน่ากลัวกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มากๆ

“หลัวซิว!”

ลู่เมิ่งเหยาอุทานอย่างตะลึง เนื่องจากนางเห็นว่ามือใหญ่แสงเขียวนั่นได้ปกคลุมหลัวซิวอยู่ใต้ฝ่ามือแล้ว ชีวิตเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

หญิงชุดเขียวย่อมต้องมองเห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ผลการฝึกตนของนางที่อยู่ในนี้ก็ยังอยู่ที่ระดับผู้สูงส่งขั้นสูงเช่นเคย อยากช่วยเหลือแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

ทว่าในเวลานี้เอง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปกะทันหัน จู่ ๆ มือใหญ่แสงเขียวที่ขยำไปทางหลัวซิวก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า เสียงชัวะดังขึ้น มันได้ทำการฉีกกระชากห้วงดาราที่อยู่ด้านบนจนเกิดเป็นช่องโหว่หนึ่งช่อง

“รีบไป!”

เมื่อหลัวซิวเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็รีบตะโกนพูดกับหญิงชุดเขียว ก่อนจะควบคุมเข็มทิศสาสน์เต๋าบินขึ้นไป

แววตาของหญิงชุดเขียวเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะพาลู่เมิ่งเหยาผันร่างเป็นแสงกล บินตรงไปยังรอยร้าวปริภูมิที่ถูกฉีกกระชากนั่น

หลังจากออกมาจากปริภูมิที่ถูกฉีกกระชากแล้ว ภายใต้ผลกระทบของผนึก เพียงพริบตาเดียวรอยร้าวก็ฟื้นฟูกลับไปเป็นเหมือนเดิม

หลัวซิวแผ่ขยายตัวสำนึกออกไป พบว่าสถานที่ที่ตัวเองออกมาไม่ใช่หลุมดำที่เข้าไปในโลกคุกเซียนแต่อย่างใด นี่จึงทำให้เขารู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เพราะเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่ามกุฎเต๋าเทียนชูต้องรอเขาอยู่ที่หลุมดำนั่นแน่นอน

และในเวลานี้เอง หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาทางตัวเอง เมื่อเขาหันหลังกลับไป ก็สบตาเข้ากับหญิงชุดเขียวนั่นทันที

หลังจากออกมาจากสถานผนึกตราแห่งโลกคุกเซียนแล้ว ผลการฝึกตนของหญิงชุดเขียวก็ไม่ถูกกดอัดอีกต่อไป ในกระแสสัมผัสตัวสำนึกของหลัวซิว นางในวินาทีนี้ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ นางที่ศักยภาพฟื้นฟูกลับคืนมาสามส่วน ปัจจุบันผลการฝึกตนมีโอกาสฟื้นฟูกลับคืนไปถึงแดนเซียนสูงมาก

“ดูท่าบนตัวเจ้ามีความลับอยู่นี่ ผู้ที่ลงมือช่วยให้เราออกจากสถานผนึกตรา น่าจะเป็นราชาเซียนที่ถูกกดอัดอยู่ที่นั่นสินะ?”หญิงชุดเขียวเพ่งมองหลัวซิวพลางถาม

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ภายในแววตาหลัวซิวมีความระแวดระวังปนอยู่ หญิงชุดเขียวในวินาทีนี้ไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถต่อกรได้ด้วยแน่นอน หากนางประสงค์ร้ายต่อตน เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางต่อต้านได้แน่นอน

ความรู้สึกที่โชคชะตาไม่ถูกยึดกุมอยู่ในกำมือตนทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะลู่เมิ่งเหยา เขาไม่มีทางคบค้าสมาคมกับสตรีนางนี้ด้วยซ้ำ มากไปกว่านั้นขณะที่อยู่ในสถานผนึกตรา เขาสามารถให้ราชาเซียนที่ถูกผนึกนั่นลงมือสังหารนางได้อย่างสมบูรณ์เลย ทำให้สตรีนางนั้นหยุดอยู่ที่นั่นตลอดไป

แต่หลัวซิวก็รู้เหมือนกันว่าลู่เมิ่งเหยาไม่มีทางให้เขาทำเช่นนั้นแน่นอน ไม่ว่าอย่างไร สตรีนางนี้ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของลู่เมิ่งเหยาอยู่

“แม้นข้าจักรู้สึกสงสัยมากว่าบนตัวเจ้ามีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ทว่าอย่างไรเสียเจ้าก็ถือว่าช่วยชีวิตข้าไว้หนหนึ่ง ฉะนั้นข้าไม่ลงมือต่อเจ้าหรอก”

หญิงชุดเขียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาประโยคหนึ่ง แววตาที่งดงามจ้องมองหลัวซิวอย่างลึกซึ้งรอบหนึ่ง “ถึงเวลาบอกลาแล้ว”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีไข่มุกสีฟ้าเม็ดหนึ่งปรากฏบนมือหญิงชุดเขียว

“เมิ่งเหยา มาหาข้า”หลัวซิวมองหน้าลู่เมิ่งเหยาพลางพูด

อย่างไรก็ตามลู่เมิ่งเหยากลับไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเขา แต่เป็นการมองหลัวซิวด้วยแววตาที่วิตกกังวล

นี่จึงทำให้สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไป แววตาก็เยือกเย็นขึ้นมาเช่นกัน “เจ้าทำอะไรลงไป!”

“โลกผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง นั่นเป็นสถานที่ใดอีกนะ?”

หลังจากสงบสติอารมณ์ลงมาแล้ว หลัวซิวพิจารณาคำพูดที่หญิงชุดเขียวพูดไว้ก่อนจะจากไปอย่างละเอียดรอบคอบ เขาสามารถยืนยันได้แน่นอนว่าโลกที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวถึงไม่มีทางใช่จักรวาลสามโลกาแน่นอน

“ดูท่านอกเหนือจากสามโลกาแล้ว ในจักรวาลแห่งนี้ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ข้าไม่รู้จัก ในจักรวาลสามโลกาแทบจะไม่มีการคงอยู่ของเซียน บางทีในโลกใบนั้นอาจมีมากมายเกลื่อนกลาดเลยสินะ?”

นั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศสาสน์เต๋า หลัวซิวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ในห้วงดารา วินาทีนี้เขาไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลย เนื่องจากผลกระทบจากเรื่องที่หญิงชุดเขียวใช้อำนาจพรากลู่เมิ่งเหยาไป ทำให้สิ่งที่เขาในวินาทีนี้ร้อนใจที่อยากจะทำมากที่สุดก็คือยกระดับผลการฝึกตนของตัวเอง

ครั้งก่อนตั้งแต่ออกมาจากแดนภูตศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ได้รับแหวนเก็บของหนึ่งวง ซึ่งภายในมีไข่มุกเต๋าที่มากดั่งมหานที เมื่อนั้นเขาก็ระงับอารมณ์ชั่ววูบที่จะยกระดับผลการฝึกตนแล้ว จึงหาเวลาว่างออกไปตามหาลู่เมิ่งเหยาในห้วงดาราแห่งโลกสวรรค์โดยเฉพาะ

สรุปสุดท้ายเขาหานางเจอจริง ๆ แต่กลับไม่มีศักยภาพที่จะรั้งนางเอาไว้ได้

โบยบินอย่างไร้เป้าหมายอยู่ในห้วงดารามาสิบกว่าวัน หลัวซิวไม่เจอดาราที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยสักดวง ดังนั้นเขาจึงหาดาราที่รกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่ง บุกเบิกถ้ำที่ธรรมดาเรียบง่ายออกมาหนึ่งแห่ง หลังจากจัดวางค่ายกลเสร็จสรรพ เขาก็เข้าสู่สภาวะปิดขัง

……

บรรพสวรรค์ดับสลายสูญสิ้นแล้ว

ซึ่งปิดบังข่าวคราวเรื่องนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่เพียงบรรพสวรรค์ดับสลายสูญสิ้น แม้กระทั่งวังนภาสิบสองของเผ่าฟ้าก็กลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่คงอยู่อีกต่อไปเช่นกัน

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น หนึ่งในอัญดั้งเดิมทั้งแปดอย่างคัมภีร์สวรรค์ก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ห้วงดาราโลกสวรรค์จึงกลายเป็นสถานที่ไร้จ้าวในทันที

การดับสลายสูญสิ้นของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นได้เยอะอย่างแน่นอน เหล่ามกุฎเต๋าทั้งหลายในจักรวาลก็ต่างตื่นตกใจเช่นกัน แต่กลับไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของมกุฎเต๋าเทียนชู

ในขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือที่ยังไม่ได้ผ่านการกรองแพร่งพรายออกไป เล่ากันว่าการตายของมกุฎเต๋าเทียนชูมีความเกี่ยวข้องกับสตรีนางหนึ่ง สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสหการค้าในครั้งนั้น ก็ถูกคนบางส่วนแพร่งพรายออกไปเช่นกัน

ภายในเวลาชั่วขณะ คนจำนวนไม่น้อยล้วนคาดเดาความเป็นมาของหญิงชุดเขียวนั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ