มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2989

“พวกเขาอยู่ที่ใด?”หลัวซิวรีบถาม เขาวางแผนที่จะออกจากโลกเสวียนแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้รับดอกผลเช่นนี้

“ข้าเคยพบพวกนางที่สถานที่แห่งนี้ แต่ทว่าสถานการณ์ของพวกนางย่ำแย่มาก ดูเหมือนกำลังจะถูกคนไล่ล่าอยู่”

หนิงหานหลิงพูดพลางหยิบม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วทำเครื่องหมายบนตำแหน่งที่นางเคยเจอต้วนคงทั้งสามคนลงบนม้วนหยก

อ้างอิงจากคำพูดของหนิงหานหลิง ต้วนคงทั้งสามคนถูกผู้แข็งแกร่งของหอโอสถเซียนไล่ล่า หอโอสถเซียนที่อยู่ในโลกเสวียนคือแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด ซึ่งมีบรรพอาจารย์แดนผู้สูงส่งคนหนึ่ง

“นี่มันจะมีทางเป็นไปได้อย่างไร? ต้วนคงผู้บัญชาการใหญ่อยู่ในแดนประมุขเต๋าเชียวนะ ท่านจะมีทางถูกไล่ล่าได้อย่างไร?”ตี้ขุยที่ยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิวก็ได้ยินคำพูดดังกล่าวเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างอดไม่ได้

หากเขาไม่พูดอะไรค่อยยังชั่วหน่อย ทันทีที่พูดก็ทำเอาหนิงหานหลิงตกใจจนสะดุ้งเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่า สิ่งที่คนดังกล่าวพูดในเมื่อครู่นี้คือแดนประมุขเต๋าหรือ?

“ไปดูก่อนค่อยว่ากันอีกที”

หลัวซิวรู้สึกว่าหนิงหานหลิงไม่มีทางเอาเรื่องประเภทนี้มาล้อเล่น จากศักยภาพของต้วนคง การที่ถูกผู้อื่นไล่ล่านั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของต้วนคงไม่ได้อยู่ในแดนประมุขเต๋าอีกต่อไปแล้ว มีโอกาสสูงมากที่เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่หลบหนีออกมาจากโลกร้าง

จากระดับความเร็วของเข็มทิศสาส์นเต๋า ไม่นานนัก พวกหลัวซิวก็มาถึงเมืองเทียนโจว อีกทั้งหนิงหานหลิงก็ถูกหลัวซิวพามาด้วยเช่นกัน

อ้างอิงจากคำพูดของหนิงหานหลิง ช่วงก่อนนางเคยเดินทางมาเมืองเทียนโจวระยะหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งต่อสู้กันในเมืองเทียนโจว ซึ่งผู้ที่ลงมือคือคนของหอโอสถเซียน โดยฝ่ายตรงข้ามคือผู้บำเพ็ญเซียนชายคนหนึ่ง พาผู้บำเพ็ญเซียนหญิงที่งดงามสองคนฝ่าออกมาจากการรุมล้อม ทำให้ยอดฝีมือของหอโอสถเซียนดับสลายสูญสิ้นไปไม่น้อย

ขณะที่ต้วนคงพาผู้บำเพ็ญเซียนหญิงสองคนหลบหนี หนิงหานหลิงก็บังเอิญเดินทางผ่านละแวกนั้นพอดี ดังนั้นหนิงหานหลิงจึงมองเห็นรูปร่างลักษณะของพวกเขาลาง ๆ

ภายใต้การนำพาของหนิงหานหลิง หลัวซิวมาถึงหน้าประตูหอโอสถเซียน ซึ่งเขาก็ไม่สนใจเช่นกันว่าผู้คนที่เดินทางเข้าออกที่นี่มีมากน้อยเท่าไหร่ เขาโบกมือครั้งหนึ่ง เข็มทิศสาส์นเต๋าก็ถูกเขาเรียกออกมา แล้วผันเป็นเข็มทิศที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามร้อยกว่าเมตร พลังแห่งห้วงเวลาโคจร

“เวิ่ง! ……”

จู่ ๆ ก็มีคลื่นปริภูมิปรากฏหน้าประตูหอโอสถเซียนปานคลื่นบนผิวน้ำ ระลอกคลื่นหลายวงสั่นกระเพื่อมออกไป ภายใต้การโน้มนําของพลังแห่งห้วงเวลา กาลเวลาไหลรวยที่ซัดสาดก็ทยอยปรากฏ ทั้งยังมีพลังออร่าที่ลึกลับมากมายมหาศาลแพร่กระจายออกมาด้วย

“เพลาไหลรวย!”

“พระเจ้า มีคนแสดงมหาอิทธิฤทธิ์ย้อนเวลาที่นี่อย่างนั้นหรือ!”

ลาดเลาที่เกิดขึ้นฝั่งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้ภายในพริบตา สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ฝึกธรรมเวชเพลาแล้ว การย้อนเวลาไม่ถือเป็นเรื่องยากอะไร ทว่าเนื่องจากจำนวนผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกธรรมเวชเพลาขึ้นไปถึงแดนที่สูงลึกได้มีน้อยมาก ดังนั้นสำหรับจอมยุทธ์ส่วนมากแล้ว อุบายในการย้อนเวลาเช่นนี้จึงเทียบเท่ามหาอิทธิฤทธิ์เลย

พลังออร่าที่แพร่กระจายออกมาจากเข็มทิศสาส์นเต๋ามากมายมหาศาล เมื่อผู้แข็งแกร่งของหอโอสถเซียนเร่งเดินทางมาหลังจากได้ข่าว เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อยิ่งไม่อาจเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำ สีหน้าของแต่ละคนล้วนเปลี่ยนแปลงไป

เพลาไหลรวยที่มโหฬารพันลึกลอยอยู่เหนือนภาเมืองเทียนโจว จากการที่หลัวซิวง้างมือปล่อยมนตราหนึ่งออกไป ภาพเหตุการณ์ที่สะท้อนออกมาจากเพลาไหลรวยก็เริ่มถอยหลัง ย้อนกลับ!

จากผลการฝึกตนในปัจจุบันของหลัวซิว ควบคู่กับพลังอันแข็งแกร่งของเข็มทิศสาส์นเต๋าที่เทียบเท่าภัณฑ์เซียนชั้นล่าง เขาถึงขั้นสามารถย้อนเวลากลับไปถึงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนได้ด้วย

เห็นเพียงภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏบนเพลาไหลรวยย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนภาพฉากจะหยุดอยู่ที่ครั้นต้วนคงพาเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์เข้าไปในหอโอสถเซียน ต่อมาหลังออกมาจากหอโอสถเซียนได้ไม่นาน ทั้งสามก็ถูกจู่โจม

ไม่สามารถได้ยินเสียงจากภาพฉากที่แสดงบนเพลาไหลรวย แต่ดูจากสภาวะขณะต้วนคงลงมือโจมตี เหมือนผลการฝึกตนของเขาจะร่วงหล่นลงไปที่แดนผู้สูงส่งแล้ว แค่สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่เทียบเท่าระดับผู้สูงส่ง

ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่าสภาพอาการบาดเจ็บของต้วนคงน่าจะสาหัสมาก ซึ่งเป็นเฉกเช่นเดียวกับหญิงชุดเขียวที่พาลู่เมิ่งเหยาไป หากสภาพอาการบาดเจ็บไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ละก็ ผลการฝึกตนก็จะร่วงหล่นลงไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสภาพอาการบาดเจ็บกำเริบโดยสิ้นเชิง และมีโอกาสตายได้ด้วย!

เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะเช่นนั้น ต้วนคงไม่สามารถต่อสู้กับผู้อื่นได้ง่าย ๆ มิเช่นนั้นสภาพอาการบาดเจ็บก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น

“ชัวะ!”

หลัวซิวยกมือโบกครั้งหนึ่ง เพลาไหลรวยจึงสลายหายไป และภายในดวงตาที่เรียบนิ่งคู่นั้นของเขา กลับมีรัศมีเยือกเย็นที่รวดเร็วและเฉียบคมอย่างยิ่งปรากฏ

“หอโอสถเซียน? ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!”

หลัวซิวตะคอกอย่างเยือกเย็น ก่อนจะง้างมือปล่อยพลังฝ่ามือออกไป แสงเซียนที่งดงามตระการตาผนึกรวมอยู่กลางนภา แล้วกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง กดอัดไปทางหอโอสถเซียนอย่างเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในเมืองรู้สึกตะลึงมาก หอโอสถเซียนที่อยู่ในนี้เป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือโจมตีหอโอสถเซียนที่นี่อย่างนั้นหรือ?

ณ เสี้ยววินาทีที่มือใหญ่แสงเซียนร่วงหล่นลงไป ก็มีม่านแสงลอยขึ้นมารอบหอโอสถเซียน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าค่ายกลต้องห้ามที่แข็งแกร่งค่ายหนึ่งถูกเปิดออกแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ภายใต้การกดอัดของตรามหาหัตถ์ราชาเซียน ค่ายกลคุ้มกันที่แข็งแกร่งกลับเปราะบางดั่งเปลือกไข่ แตกสลายไปอย่างง่ายดาย

ถัดจากนั้นก็มีเสียงที่ดังกึกก้องดังก้องขึ้นมา แผ่นดินใหญ่ของทั้งเมืองเทียนโจวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝุ่นละอองตลบฟุ้งไปทั่ว

เมื่อจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในเมืองดึงสติกลับมาได้ หอโอสถเซียนก็หายวับไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ ทุกคนต่างตื่นตะลึงต่อภาพที่พบเห็น!

หลัวซิวไม่ได้นำเรื่องล้างบางหอโอสถเซียนมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ในโลกเสวียน สามารถพูดได้เลยว่านอกจากมกุฎเต๋าบรรพเสวียนที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้นั่นแล้ว หลัวซิวไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งนั้น

เห็นเพียงเขาสลักจารึกลายค่ายลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ใช้อุบายวิถีค่ายเก็บพลังออร่าของต้วนคงทั้งสามคนที่หลงเหลืออยู่ที่นี่ ต่อมาก็ใช้วิชาแห่งค่ายกล อนุมานตำแหน่งพิกัดของพวกเขา

“ไป”

เมื่อเห็นหลัวซิวที่ปรากฏตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้วนคงหรือเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์ ต่างก็พากันอุทานตะลึงอย่างอดไม่ได้ ยู่เอ๋อร์ยิ่งใช้มือขยี้ตา เกือบคิดไปเองแล้วว่าตัวเองตาฝาดไป

“พวกเจ้าคือผู้ใด? อ๊าก……”

มีเสียงกรีดร้องดังมาจากนอกค่ายกล จากศักยภาพของตี้ขุย สามารถบดขยี้บรรพอาจารย์ระดับผู้สูงส่งคนนั้นของหอโอสถเซียนให้แหลกละเอียดเป็นหมอกเลือดได้อย่างง่ายดายเลย ส่วนยอดฝีมือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งสี่คนนั้น ก็ไม่มีโอกาสได้หลบหนีเช่นกัน ล้วนถูกตี้ขุยสังหารด้วยเงื้อมมือตัวเอง

“ยัยบื้อทั้งสองเอ๊ย โชคดีที่พวกเจ้าไม่เป็นอะไร”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์ต่างดูไม่ค่อยแย่ หลัวซิวก็ถือว่าโล่งอกเช่นกัน พวกนางสองคน หากคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป หลัวซิวคงต้องรู้สึกเจ็บใจและรู้สึกผิดมากแน่นอน

“ต้วนคง ลำบากเจ้าเลยนะ”

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็มองต้วนคงด้วยสายตาที่ชื่นชมรอบหนึ่งเช่นกัน เมื่อครู่เขาก็ได้ยินคำพูดที่ต้วนคงบอกแล้ว การที่มีจิตใจซื่อสัตย์คุ้มกันนายดีเช่นนี้ ทำให้ทัศนคติมุมมองของเขาที่มีต่อต้วนคงเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

“นายน้อยพูดเกินไปแล้วขอรับ นี่เป็นเรื่องที่ข้าน้อยสมควรจะทำ”

หลังจากต้วนคงดื่มน้ำอมฤตเทียนอีลงไป ก็สัมผัสได้ทันทีว่าสภาพอาการบาดเจ็บภายในร่างกายกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ดูจากสถานการณ์นี้ ใช้เวลามากสุดประมาณสองชั่วโมง สภาพอาการบาดเจ็บของเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้โดยสิ้นเชิงแล้ว ผลการฝึกตนก็จะกลับขึ้นมาที่แดนประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิเช่นกัน

หลัวซิวพยักหน้า จากผลการฝึกตนในปัจจุบันของเขา สามารถกลั่นยาเซียนระดับประมุขเต๋าได้แล้ว ถึงครานั้นหากกลั่นสกัดออกมาได้ ต้วนคงต้องแบ่งได้ส่วนหนึ่งแน่นอน

ในห้วงดารา ต้นยาเซียนระดับประมุขเต๋าตามหาได้ยากมาก ทว่าจ้าวแห่งโอสถกลับหายากกว่า จ้าวแห่งโอสถเพียงหนึ่งเดียวในยุคปัจจุบันก็คือมกุฎเต๋าแห่งโลกล้น บรรพจารย์ล้น!

แม้ไข่มุกเต๋าก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋านำมายกระดับผลการฝึกตนได้เช่นกัน แต่ไข่มุกเต๋าชั้นล่างก็แค่มีประโยชน์ต่อประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิ ไข่มุกเต๋าชั้นกลางไม่ได้หาง่ายกว่าต้นยาเซียนระดับประมุขเต๋าเลย ในส่วนของไข่มุกเต๋าชั้นสูงตลอดจนชั้นยอดนั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่หายากกว่ามาก

และเป็นเพราะขาดแคลนทรัพยากรการฝึกตนขั้นสุดยอดนี่แหละ ตลอดกาลเวลาอันยาวนานตั้งแต่ยุคต้าเหยียนจวบจนปัจจุบัน ถึงมีมกุฎเต๋าอุบัติขึ้นมาแค่ 14 คน แท้จริงแล้วตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมาอย่างไม่รู้จบ ก็ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานหรอก ต่างก็มีปัญญาที่สามารถย่างกรายสู่มกุฎเต๋า ตลอดจนวิถีเซียนได้เช่นกัน ทว่าเนื่องจากทรัพยากรการฝึกตนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่สามารถขุดคุ้ยพรสวรรค์ศักยภาพทั้งหมดของตัวเองออกมา

เมื่อสภาพอาการบาดเจ็บของต้วนคงฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ข้างกายหลัวซิวก็เท่ากับมีเบื้องล่างระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งแล้ว

เมื่อเห็นว่าผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าคนหนึ่งถึงขั้นทำตัวเคารพนอบน้อมต่อหลัวซิวด้วยตัวตนเบื้องล่าง หนิงหานหลิงก็เหม่อลอยไปภายในพริบตา จู่ ๆ เวลานี้นางถึงจะตระหนักขึ้นมาได้กะทันหันว่า ครั้นเมื่อตนเลือกที่จะเข้าร่วมตำหนักเยว่เทียน มันเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลามากเพียงใด

ถ้าเกิดตอนนั้นนางเลือกที่จะติดตามหลัวซิว บางทีผลลัพธ์ก็อาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้กระมัง?

แต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าเกิด มาตรแม้นว่าเป็นมหาอิทธิฤทธิ์ในการย้อนเวลา ก็มีสิ่งต้องห้ามและข้อผูกมัดต่าง ๆ เยอะมาก ใช่ว่าจะสามารถทำทุกอย่างอุกอาจได้เสมอไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ