มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2991

แตกต่างจากครั้งก่อนที่พบกัน เมื่อหลัวซิวเห็นชีชีเดินเข้ามาในโถงรับรอง พบว่าออร่าของนางแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางยืนอยู่ตรงหน้า แตากลับรู้สึกว่านางอยู่ห่างออกไปนับหมื่นนับพันลี้ รางกับว่าไม่ใช่คนของโลกแห่งนี้ ยืนอยู่ที่อีกโลกหนึ่งแล้วมองเข้ามา

ผู้สืบทอดของขิมเก้าบรรเลงอาดูร ทุกรุ่นมีเพียงคนเดียวที่เป็นผู้สืบทอด หลังจากฉินหยูเวย ชีชีก็คือผู้สืบทอดในรุ่นนี้

และเพราะเรื่องของฉินหยูเวย ชีชีมองหลัวซิวที่เป็นไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดด้วยสายตาที่เครียดแค้น เคยสาบานว่าต้องฆ่าเขาให้ได้สักวันหนึ่ง เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณอาจารย์ของตนที่อยู่บนสวรรค์

เมื่อชีชีได้พบกับหลัวซิวอีกครั้งหลังจากผ่านวันเวลาไปหลายปี สีหน้าของนางกลับเผยรอยยิ้มออกมาบาง ๆ “ท่านชายหลัว ไม่พบกันนานทีเดียว”

นางไม่ได้เรียกเขาว่าไท่ซ่างฉิง ดูเหมือนว่าจะวางจิตใจที่เครียดแค้นลงได้แล้ว

“ใช่แล้ว นานมาแล้วที่ไม่ได้ยินข่าวคราวของแม่นางชีชี ก่อนนี้ไม่นานข้าเพิ่งได้พบกับลิ่งฮู๋ที่แผ่นดินโลกสวรรค์” หลัวซิวก็ยิ้มและเอ่ยตอบ หากว่าชีชีสามารถปล่อยวางความแค้นลงได้จริง ๆ เช่นนั้นก็ย่อมถือเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว

“หลายปีมานี้ข้าติดตามจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์เพื่อเพ็ญตนอยู่ตลอด ท่านชายไม่ได้ยินข่าวคราวของข้าก็ถือเป็นเรื่องปกติ” ชีชีนั่งลงตรงข้ามกับหลัวซิว

“เช่นนั้นก็ต้องยินดีกับแม่นางชีชีด้วย ไม่พบกันหลายปี แม่นางชีชีบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูงบริบูรณ์แล้ว ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานคงจะบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งเป็นแน่”

ด้วยแดนของหลัวซิวในวันนี้ ย่อมสามารถมองผลการฝึกตนของชีชีได้ภายในพริบตาเดียว สำหรับการบรรลุแดนผลการฝึกตนของนางที่รวดเร็วเช่นนั้นก็ค่อนข้างน่าตกใจอยู่ไม่น้อย เป็นรองแค่เพียงลู่เมิ่งเหยาเท่านั้น

แต่ที่ลู่เมิ่งเหยาสามารถฝึกตนได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น มันเกี่ยวข้องกับหญิงชุดเขียวที่มีที่มาลึกลับผู้นั้นอย่างมาก ส่วนชีชีสามารถฝึกตนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ มันไม่ใช่เพียงเรื่องของคุณสมบัติพรสวรรค์แล้ว เห็นได้ชัดว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ให้ความสำคัญกับนางมาก จัดแจงสมบัติทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อให้นางใช้ในการฝึกตน

“ท่านชายชมเกินไปแล้ว เทียบกับแดนของท่านชาย ชีชีไม่รู้ว่ายังห่างจากท่านอีกมากเพียงใด” ชีชียิ้มบาง ๆ “แต่ก็ต้องยกความดีความชอบให้ท่านอาจารย์ที่ปลดปล่อยปมในใจให้ข้า ทำให้ข้าได้เข้าใจว่าสิ่งที่นักยุทธ์ต้องให้ความสำคัญจริง ๆ ก็คือทำตามใจปรารถนา”

การฝึกยุทธ์ ผลการฝึกตนยิ่งสูง จิตใจก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้น ได้ยินว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์คลายปมในใจให้กับชีชี หลัวซิวก็รู้สึกชื่นชมอย่างมาก ที่ชีชีสามารถฝึกตนได้รวดเร็วเช่นนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับที่นางสามารถเรียกคืนจิตใจดั้งเดิมของนางกลับมาได้อย่างมากทีเดียว

“เราอย่ามาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้อีกเลย ท่านชายมาถึงเทียนหวางโหลว ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดหรือ?” สองมือเรียวงามของชีชีหยิบเอากาน้ำขึ้นมา พลางรินให้หลัวซิว พลางเอ่ยถามออกมาด้วยทีท่าสบาย ๆ จิตใจนิ่งสงบ

“ข้ามาเยือนท่านในครั้งนี้ คือต้องการขอเข้าพบจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์” หลัวซิวเอ่ยพูดจุดประสงค์ของตนออกมา

“ท่านต้องการพบอาจารย์?” ชีชีเงยหน้ามองหลัวซิว สีหน้าเผยให้เห็นถึงความตกใจเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม เห็นได้ชัดเจนว่าจิตใจของนางอยู่ในระดับที่สูงกว่าคนทั่วไปแล้ว

“ใช่แล้ว” หลัวซิวพยักหน้ารับโดยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

คิ้วเรียวงามของชีชีขมวดเข้าหากัน “คำขอนี้ของท่านชายค่อนข้างทำให้ข้าลำบากใจไม่น้อย พูดแบบไม่ค่อยน่าฟังเท่าใดนัก ถึงแม้ท่านชายในวันนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่ง แต่หากว่าจะได้รับการเข้าพบจากอาจารย์ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้”

ในฐานะที่เป็นประมุขเต๋าผู้ลึกลับที่สุดในจักรวาลสามโลกา จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ เดิมทีก็เป็นฉายานามที่เหนือคนทั่วไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะถือว่าเป็นกึ่งศิษย์ของบรรพจารย์จักรภพ แต่ในความเป็นจริงแล้วระหว่างเขากับบรรพจารย์จักรภพเป็นความสัมพันธ์ทั้งศิษย์ทางสหาย เพราะเขาครอบครองความสามารถและพรสวรรค์ของสำรวจโชคชะตาของผู้คน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าต่างก็ยังต้องเกรงใจเขา

“แม่นางชีชีสามารถนำป้ายบัญชาการมอบให้กับท่านอาจารย์ได้หรือไม่” หลัวซิวนำบัญชาเทียนเต้าออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะ

“บัญชาเทียนเต้า?” ใบหน้าเรียวงานของชีชีเผยประกายความแระหลาดใจออกมาอีกครั้ง “ท่านชายในเวลานี้คือแดนประมุขเต๋า?”

สำหรับคำถามนี้ หลัวซิวเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร

ถึงแม้แดนจิตใจจะเหนือธรรมชาติเพียงใด แต่ชีชีก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องสูดลมหายใจลึก ๆ จึงสามารถกดความตกใจที่อยู่ในใจเอาไว้ได้ ตามที่นางได้รับรู้มาว่า หลัวซิวเพิ่งจะบรรลุแดนผู้สูงส่งได้ไม่นานเท่าไร เหตุใดเขาถึงบรรลุแดนประมุขเต๋าได้รวดเร็วเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม ของอย่างบัญชาเทียนเต้านี้ไม่สามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ บัญชาเทียนเต้าทุกชิ้นต่างก็เป็นตัวแทนสถานะของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า คนที่ไม่ได้มีพลังที่แท้จริงระดับประมุขเต๋า จะไม่สามารถครอบครองบัญชาเทียนเต้าได้

ในเวลาเดียวกัน ชีชีก็เข้าใจได้ทันที ไม่แปลกใจเลยที่หลัวซิวมายังเทียนหวางโหลวก็เอ่ยปากขอพบจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ด้วยสถานะผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าของเขา ก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าพบจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จริง ๆ

ไม่ว่าสถานะของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จะเหนือคนทั่วไปมากมายเพียงใด แต่ท้ายที่สุดก็ยังเป็นประมุขเต๋าท่านหนึ่ง ไม่ถึงขั้นที่แม้แต่การขอเข้าพบของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา อีกทั้งต่อให้เป็นมกุฎเต๋า ก็เหมือนกับระดับประมุขเต๋าที่เทียบเท่ากับประมุขเต๋าขั้นสูง เหมือนกับผู้แกร่งเลิศที่เทียบผู้สูงส่งขั้นสูง

“บัญชาเทียนเต้านี้ ท่านชายโปรดเก็บไปก่อนเถิด”

ชีชีพลันลุกขึ้นยืน สองมือจับบัญชาเทียนเต้า และยื่นส่งไปตรงหน้าหลัวซิวด้วยความนอบน้อม

“แม่นางชีชีหมายความว่าเช่นไร?”

หลัวซิวคาดไม่ถึงว่าชีชีจะลุกขึ้นทำความเคารพเขาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ อีกอย่างนางยังให้ตนเก็บบัญชาเทียนเต้าอีกนั่นหมายความว่าอย่างไร?

“ท่านชายครอบครองบัญชาเทียนเต้า นั่นหมายความว่าท่านชายคือแดนประมุขเต๋าแล้ว เทียบกับอาจารย์จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ถือเป็นระดับเดียวกัน ชีชีย่อมต้องเคารพในฐานะผู้น้อย”

ชีชีไม่ได้กลับมานั่งลง แต่ยังคงยืนและพูดต่อ “แต่เหตุที่ให้ท่านชายเก็บบัญชาเทียนเต้าไปก่อน ไม่ใช่ว่าชีชีไปไม่ส่งสารให้ แต่เป็นเพราะเมื่อครู่อาจารย์ส่งเสียงให้ข้า ให้ข้าบอกกับท่านชายประโยคหนึ่ง”

……

อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับสามารถสัมผัสได้ว่ามกุฎเต๋าบรรพเสวียนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ร่างแยกอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ได้ถูกการควบคุมของโลกะเสวียนและมายังที่แห่งนี้ได้?

“ดูแล้วมกุฎเต๋าบรรพเสวียนท่านี้คงจะมีกลวิธีอื่นอยู่อีกเป็นแน่ แค่เพียงกลวิธีนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่บรรพจารย์ฮวงสามารถเทียบได้แล้ว”

หลัวซิวคิดอยู่ในใจ บรรพโบราณทั้งแปดไม่สามารถออกไปจากโลกาห้วงดาราที่ตนเปิดขึ้นได้ คำพูดนี้เป็นคำพูดที่มกุฎเต๋าหวูจี๋บอกกับเข้าด้วยตนเอง ในเมื่อมกุฎเต๋าหวูจี๋เคยพูดไว้เช่นนี้ในตอนแรก เช่นนั้นก็หมายความว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋เองก็ไม่รู้ว่ามกุฎเต๋าบรรพเสวียนสามารถออกมาจากโลกะเสวียนได้

มกุฎเต๋าท่านหนึ่งที่ไม่ได้ถูกผลกระทบจากการควบคุมเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่ไม่สามารถเล่นงานได้อย่างง่ายดาย มกุฎเต๋าหวูซิน มกุฎมังกรอิมเอี๊ยงและมกุฎเต๋าสังสารวัฏหากต้องการใช้วิธีของบรรพจารย์ฮวงและบรรพจารย์ดินมาเล่นงานมกุฎเต๋าบรรพเสวียน จะเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน

“เฮอ ๆ ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็เข้าไปพร้อมกันเถอะ”

หลัวซิวและมกุฎเต๋าบรรพเสวียนเดินเข้าไปในสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงพร้อมกัน เมื่อมาถึงยังสำนักของสมาคมเต๋า ก็พบว่าได้มีคนมากมายมารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

ถึงแม้จะเป็นสมาคมเต๋าของเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า แต่ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนระดับผู้สูงส่ง คาดว่าเป็นผู้ที่ติดตามผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋ามาเพื่อเปิดโลก

แต่ว่าประมุขเต๋าแต่ละคนก็พามาเพียงแค่หนึ่งถึงสองคนเท่านั้น และก็มีประมุขเต๋าบางท่านที่ไม่ได้พาใครมาด้วยแม้แต่คนเดียว อย่างหลัวซิวที่พาผู้ติดตามมาถึงหกคนเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดทำกัน

บรรพจารย์เสวียนคือหนึ่งในมกุฎเต๋าในยุคนี้ เพราะว่าเมื่อบรรพจารย์เสวียนเดินเข้ามาในสำนักแห่งนี้ ก็พลันมีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าจำนวนไม่น้อยที่พากันลุกขึ้นยืนต้อนรับ

ส่วนหลัวซิวและคนที่เขาพามานั้นกลับถูกเพิกเฉยโดยสิ้นเชิง แม้หลายคนจะแปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดมกุฎเต๋าบรรพเสวียนจึงได้พาผู้น้อยมามากมายเช่นนี้ แต่ด้วยสถานะของมกุฎเต๋า ต่อให้พาคนมามากกว่านี้อีกสักเพียงใด ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยกล่าวคำใดออกมา

การพบปะของสมาคมเต๋าเช่นนี้ โดยทั่วไปมีเพียงมกุฎเต๋าเท่านั้นที่เป็นจุดสนใจ แต่สมาคมเต๋าทุกครั้งก่อนหน้านี้ โดยส่วนมากจะมีมกุฎเต๋าหนึ่งท่านเป็นเจ้าภาพ

สมาคมเต๋าในครั้งนี้คือมกุฎเต๋าหวูซินเป็นผู้ดำเนินการ เช่นนั้นมกุฎเต๋าหวูซินก็ต้องมายังที่แห่งนี้เป็นแน่ ในเวลานี้ยังมีมกุฎเต๋าบรรพเสวียนอีกท่านหนึ่ง ก็เท่ากับว่ามีมกุฎเต๋าถึงสองท่านที่มายังที่แห่งนี้ด้วยตนเอง ซึ่งตลอดมานั้นนี่เป็นเรื่องที่เห็นได้น้อยมากในสมาคมเต๋า

“ข้ารู้จักเจ้า!”

ทันใดนั้น กลิ่มหอมจากร่างของหญิงสาวก็ลอยเข้ามา ตามมาด้วยร่างเงาสีขาวปรากฎขึ้นตรงหน้าของหลัวซิว

หญิงที่สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวผู้นี้ มีออร่าของความเยือกเย็นและถือตัว นัยน์ตาเป็นประกายราวกับดวงดาว จ้องมองหลัวซิวอย่างเย็นชา

“แม่นาง เจ้าจำคนผิดแล้วล่ะ?” หลัวซิวหันไปมองอีกฝ่ายปราดหนึ่ง เขาสามารถแน่ใจได้ว่าตนดูเหมือนจะไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน