มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2996

ผู้บุกเบิกรุ่นที่เก้าของเผ่าหงส์เซียนเป็นราชาเซียนในตำนานแล้ว ผู้บุกเบิกรุ่นสามที่มีสายเลือดแข็งแกร่งยิ่งกว่ายิ่งเป็นอัจฉริยะวิถีเซียนที่ยากจะจินตนาการ ได้

ประตูหินที่โบราณและเรียบง่ายบานหนึ่งสูงหลายหมื่นเมตร บนประตูหินมีคำว่า‘ต้องห้าม’ขนาดใหญ่สลักอยู่ ซึ่งหมายความว่าที่นี่เป็นแดนต้องห้ามของเผ่าหงส์เซียน

หลัวซิวพยายามลองผลักประตูหินบานนี้ ทว่าต่อให้มีการปลุกเสกจากหอคอยฮวง ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาเทียบทัดประมุขเต๋าช่วงปลาย แต่ก็ไม่สามารถผลักประตูหินให้เคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย

อ้างอิงจากการบันทึกของเผ่าหงส์เซียน มีเพียงคนในเผ่าที่มีสายเลือดหงส์เซียนเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในแดนต้องห้ามที่ผู้บุกเบิกรุ่นสามนั่งฌานละสังขาร เล่ากันว่าจะมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดสืบสานของผู้บุกเบิกรุ่นสามด้วย

ตั้งแต่โบราณกาบมา ผู้คนในเผ่าหงส์เซียนที่มีสายเลือดแข็งแกร่งเคยเข้าไปในแดนต้องห้ามแห่งนี้มาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว แต่กลับไม่เคยมีคนใดออกมาได้เลย

จากการที่กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว สายเลือดของทายาทเผ่าหงส์เซียนก็ค่อย ๆ เบาบางลง จึงยิ่งไม่มีคนกล้าเข้าไปในแดนต้องห้ามที่ไม่มีวันหวนกลับนี้อีกเลย

หลัวซิวทดลองดูทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีที่จะเปิดประตูหินของแดนต้องห้ามได้เลยแม้แต่น้อย

ยิ่งกว่านั้นคือหลัวซิวยังโคจรพลังเซียนไร้ลักษณ์ให้วิวัฒนาการเป็นสายเลือดหงส์เซียนด้วย ซึ่งสายเลือดของเขาแทบจะเหมือนสายเลือดแท้ แต่ก็ไม่อาจเปิดประตูหินได้อีกเช่นเคย

ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา หลัวซิวจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิด แม้นจักไม่รู้ว่าเยว่เอ๋อร์ที่ติดอยู่ภายในเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่สัญชาตญาณบอกกับหลัวซิวว่าเยว่เอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่

เยว่เอ๋อร์คือภรรยาของเขา เมื่อผลการฝึกตนบรรลุขึ้นมาถึงแดนในปัจจุบัน ถ้าเกิดคนสนิทที่มีความใกล้ชิดกับตนดับสลายสูญสิ้นละก็ จิตใจเขาต้องสัมผัสได้แน่นอน

สถานบรรพบุรุษของเผ่าหงส์เซียนมีค่ายกลต้องห้ามที่ทรงพลังเยอะมาก ๆ หากเลือกที่จะโจมตีโดยตรงละก็ หลัวซิวไม่มีทางล้มล้างเผ่าหงส์เซียนได้ด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดแล้วเฟิ่งเซียะก็ถือดีมากเกินไป คิดว่าอาศัยผลการฝึกตนประมุขเต๋าช่วงปลายแล้วจะสามารถสังหารหลัวซิวได้ แต่กลับไม่นึกเลยว่าตัวนางดันเป็นฝ่ายที่ถูกสังหารซะเอง ทั้งยังทำให้ประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิอีกสองคนซวยไปด้วย จนตายอนาถคาที่

เมื่อเป็นเช่นนี้ หากไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคอยคุ้มกันรักษา ก็จะไม่มีคนใดสามารถเปิดพวกค่ายกลต้องห้ามที่แข็งแกร่งเท่าระดับเซียน หลัวซิวถึงจะสามารถฆ่าล้างทุกคนที่อยู่ในเผ่าหงส์เซียนได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเดินบนเส้นทางของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ ไม่มีทางที่มือทั้งสองข้างจะไม่เปื้อนเลือด การล้มล้างสำนักตระกูลยิ่งเป็นเรื่องราวที่แทบจะเกิดขึ้นทุกวินาที

หลังจากล้มล้างทั้งเผ่าหงส์เซียนเสร็จสรรพ หลัวซิวไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย เขายังเจอคลังสมบัติของเผ่าหงส์เซียนด้วย ก่อนจะใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่งถึงจะทลายตัวต้องห้ามได้ แล้วยึดสมบัติจำนวนมากที่อยู่ในคลังสมบัติมา

ความเป็นมาของเผ่าหงส์เซียนเก่าแก่อย่างยิ่ง ของล้ำค่าที่อยู่ในคลังสมบัติก็มีมากจนนับไม่ถ้วน เมื่อมีทรัพยากรสมบัติทั้งหมดนี้ แม้นจะไม่สามารถทำให้หลัวซิวบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยก็สามารถทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างกายยกระดับศักยภาพได้อย่างรวดเร็วแล้ว

ขณะที่มาเผ่าหงส์เซียน หลัวซิวไม่ได้พาต้วนคงมาแต่อย่างใด แต่เป็นการให้ต้วนคงเข้าไปในหอคอยฮวง เพื่อตระหนักคัมภีร์เซียนน้ำไฟในหอคอยฮวง

ต้วนคงเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทพมารที่อยู่ใต้บังคับบัญชานักเซียนหลอมจิต ย่อมต้องถือเป็นรุ่นหลังที่นักเซียนหลอมจิตเคยให้ความสำคัญและบ่มเพาะเป็นพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งเขาก็เคยมีโอกาสได้ตระหนักคัมภีร์เซียนหลอมจิตเช่นกัน

ทว่าคัมภีร์เซียนน้ำไฟกลับสูงกว่าคัมภีร์เซียนหลอมจิตหนึ่งระดับ แม้จะแตกต่างจากธรรมเวชปริภูมิที่ต้วนคงฝึก แต่ก็ได้ข้อคิดมาจากแขนงวิชาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ความรู้ประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้แดนตระหนักรู้ในธรรมของเขาเพิ่มขึ้น

เมื่อต้วนคงเห็นสถานบรรพบุรุษของเผ่าหงส์เซียนที่พินาศยับเยิน ใบหน้าเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความช็อกอย่างควบคุมไม่ได้ ถึงเขาจะรู้อยู่ว่าศักยภาพของนายน้อยแข็งแกร่งมาก ๆ แล้ว และยิ่งบรรลุถึงระดับประมุขเต๋า แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าศักยภาพของนายน้อยจะสยดสยองถึงขั้นนี้

นี่คือเผ่าหงส์เซียนเชียวนะ! ครั้นเมื่ออยู่ในสมาคมเต๋าแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง เขาก็เคยได้ยินผู้อื่นบอกเช่นกันว่าในเผ่าหงส์เซียนมีประมุขเต๋าสามคน และยิ่งมีคนหนึ่งที่เป็นประมุขเต๋าช่วงปลายด้วย!

นี่จึงทำให้ภายในจิตใจของต้วนคงและตี้ขุยทั้งสองคน เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรงที่มีต่อนายน้อยอย่างหลัวซิว อดีตครั้นให้พวกเขาติดตามอยู่ข้างกายผู้น้อยคนหนึ่งด้วยตัวตนเบื้องล่าง พวกเขายังรู้สึกไม่พอใจอยู่เลย วินาทีนี้เมื่อเห็นความเร็วในการเจริญเติบโตที่น่าสยดสยองเช่นนี้ของเขา พวกเขากลับรู้สึกโชคดีมากที่ตนสามารถติดตามนายท่านเช่นนี้

บรรลุถึงระดับประมุขเต๋าภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหลักพันปี มาตรแม้นว่าอยู่ในสมัยประเทศเซียนที่มีเซียนใช้อำนาจบาตรใหญ่ ก็หาพบผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้ไม่มาก ขอแค่ไม่ดับสลายสูญสิ้นกลางทาง การบรรลุเป็นเซียในอนาคตต้องไม่เป็นปัญหาใด ๆ แน่นอน

ออกจากสถานบรรพบุรุษของเผ่าหงส์เซียน หลัวซิวทำการจัดวางค่ายใหญ่หลายค่ายด้วยตนเองอีกครั้ง ซึ่งค่ายใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นค่ายระดับประมุขเต๋า ทำให้สถานบรรพบุรุษเผ่าหงส์เซียนที่ตามหายากมาก ๆ ตั้งแต่แรก ซ่อนเร้นมากกว่าเดิม

ทันทีที่หลัวซิวทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสรรพไม่นาน ก็มีแสงรุ้งดวงหนึ่งบินมาจากห้วงดาราที่อยู่ห่างไกลออกไป ภายในแสงรุ้งคือเรือบินลำหนึ่ง บนหัวเรือเรือบินมีสตรีที่ออร่าราศีโดดเด่นดั่งเซียนยืนอยู่หนึ่งคน

ขณะที่เรือบินลำนั้นบินมา ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สังเกตเห็นตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นเรือประชิดใกล้เข้ามา เขาก็มองเห็นโฉมหน้าของสตรีที่ยืนอยู่ด้านบนเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

“ท่านชายหลัว เราเจอหน้ากันอีกแล้วนะเจ้าคะ”

สตรีที่อยู่บนเรือมองไปทางหลัวซิวแล้วทำความเคารพอย่างอ่อนโยน นางกำลังกอดขิมยาวที่โบราณและเรียบง่ายอยู่ ซึ่งนางก็คือสตรีอัจฉริยะไร้เทียมทาน ชีชี

“เหตุใดแม่นางชีชีจึงทราบว่าข้าอยู่ที่นี่? ในเมื่อจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์นัดพบกับข้าที่สมาคมเต๋าแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ไยเขาจึงไม่ปรากฏ? หรือจะปั่นหัวข้าเล่น?”

หลัวซิวทำเสียงหึเบา ๆ ทีหนึ่ง สีหน้าดูย่ำแย่อย่างยิ่ง ไม่เข้าใจว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์นั่นคิดจะทำอะไรกันแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ