ตอน บทที่ 2998 ภูเขาเทียนเผิง จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2998 ภูเขาเทียนเผิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แม้ตี้ขุยจะออมมือแล้ว แต่ก็ทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงจากภูเขาเทียนเผิงนั่นพิการไปอยู่ดี จากนั้นตี้ขุยก็กระชากร่างเขาขึ้นมาโดยตรง ราวกับกระชากคอไก่ แล้วโยนไปใต้เท้าหลัวซิว
“จ้าวหุบเขา……”
เมื่อถูกตี้ขุยช่วยชีวิตเอาไว้ ซิงเฉินก็รู้แล้วว่าตัวเองรอดแล้ว ถึงจะกินยาลงไป แต่สภาพอาการบาดเจ็บบนร่างกายเขาก็สาหัสมาก จึงทำให้ดูอ่อนแอมากอย่างเห็นได้ชัด
หลัวซิวเทน้ำอมฤตเทียนอีออกมาหนึ่งหยด นี่จึงทำให้มุมปากของต้วนคงและตี้ขุยทั้งสองคนต่างกระตุก ผลการฝึกตนของซิงเฉินนั่นเป็นเพียงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ การที่ให้เขาใช้น้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งหยดฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บนั้น มันฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วจริง ๆ ยิ่งเหมือนทำปู้ยี่ปู้ยำสิ่งของเสียหายตามอำเภอใจ
แม้นจะรู้สึกเจ็บใจมากเพียงใดก็ตาม ทว่าพวกเขาทั้งสองก็รู้อยู่ว่าคำพูดบางอย่างไม่สามารถพูดออกมาได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจเล็กน้อยด้วย เบื้องล่างผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนหนึ่ง นายน้อยยังตัดใจใช้น้ำอมฤตเทียนอีได้เลย การที่ได้ติดตามนายท่านเช่นนี้ บางทีพวกตัวเองอาจจะโชคดีมากแล้วจริง ๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ประสิทธิผลของน้ำอมฤตเทียนอีไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง จากผลการฝึกตนของซิงเฉิน ใช้เวลาเพียงครู่เดียว สภาพอาการบาดเจ็บก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือภายใต้การปรับสมดุลของของน้ำอมฤตเทียนอี ผลการฝึกตนของเขายังมีการพัฒนาด้วย หลัวซิวจึงเอ่ยปากสอบถาม
“ผู้อาวุโสฉื้อหลงพาข้าและลวี่โหลว แล้วก็เทพธิดาหงเหยียนหนีออกมาจากโลกร้างพร้อมกัน เดิมทีเราวางแผนที่จะรอให้เรื่องสงบลงก่อน จากนั้นค่อยออกตามหาเบาะแสของจ้าวหุบเขา ทว่ากลับเผลอรุกรานภูเขาเทียนเผิงเข้าก่อน”
ซิงเฉินบอกเล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมา อดีตฉื้อหลงก็อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศเช่นกัน แต่ว่าขณะที่หลบหนีออกมาจากโลกร้าง เขาก็ถูกไล่ล่าด้วย แม้นจะบาดเจ็บไม่สาหัส แต่ก็ใช้เวลาหลายปีเช่นกันถึงจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ในภูเขาเทียนเผิงมีบรรพอาจารย์ระดับผู้สูงส่งคนหนึ่ง เล่ากันว่าเขาคืออสูรยักษ์กลายพันธุ์ที่มีสายเลือดแห่งเผิงเซียน(เผิง คือ เทพนกในตำนาน)โบราณ และเรียกแทนตัวเองว่าจ้าวมารเทียนเผิง เป็นเจ้าถิ่นที่มีอิทธิพลอาณาจักรดาราแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีผู้ใดกล้ารุกรานเลย
จ้าวมารเทียนเผิงนั่นก็เป็นผู้สูงส่งขั้นสูงเช่นกัน แดนผลการฝึกตนอยู่ระดับเดียวกัน ทว่าฉื้อหลงกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจ้าวมารเทียนเผิง
โบราณสถานอย่างวังทะยานเซียนอุบัติขึ้นมา ฉื้อหลงไม่ใช่คู่ต่อสู้จ้าวมารเทียนเผิง จึงทำได้เพียงพาลวี่โหลวและหงเหยียนสตรีทั้งสองบินหนีเข้าไปในวังทะยานเซียน ส่วนซิงเฉินกลับถูกคนของภูเขาเทียนเผิงจับกุมตัว ถูกตอกติดอยู่บนเสาไม้กางเขนแล้วประจานต่อหน้าสาธารณชนอยู่ที่นี่
“นายน้อย ศักยภาพของฉื้อหลงที่เป็นผู้สูงส่งขั้นสูงเป็นรองเพียงขั้นสุดยอด ในเมื่อเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวมารเทียนเผิงนั่น จึงแสดงให้เห็นเลยว่าจ้าวมารเทียนเผิงน่าจะเป็นผู้สูงส่งขั้นสูงขั้นสุดยอด ซึ่งเป็นรองเพียงระดับประมุขเต๋าแล้วขอรับ”ตี้ขุยเอ่ยปากพูด
“ผู้สูงส่งขั้นสูงขั้นสุดยอด ก็เป็นผู้สูงส่งเหมือนกัน ซึ่งยังไม่ใช่ประมุขเต๋า แต่กลับแสดงตัวเป็นจ้าวมาร ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายเสียจริง”ภายในคำพูดของต้วนคงเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
เหมือนอย่างที่ต้วนคงกล่าวมา เผ่าพันธุ์มารที่ยังบรรลุไม่ถึงแดนแห่งประมุขเต๋านั้น ไม่มีสิทธิ์เรียกแทนตัวเองว่าจ้าวมาร การอวดดีต่อหน้าผู้คนที่อยู่ต่ำกว่าประมุขเต๋าก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดเจอประมุขเต๋าที่แท้จริง ไม่แน่อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ จนถูกสังหารภายในฝ่ามือเดียวก็เป็นได้
หลัวซิวไม่ได้นำอสูรยักษ์ผู้สูงส่งขั้นสูงขั้นสุดยอดมาไว้ในสายตาด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาใส่ใจมากกว่ากลับเป็นฉื้อหลง ลวี่โหลวแล้วก็หงเหยียนทั้งสามคนที่บุกเข้าไปในวังทะยานเซียน
ในอดีตชาติ อาจารย์ปู่ของภูเขาว่านเริ่นคอยติดตามอยู่ข้างกายเขาอย่างจงรักภักดี ลวี่โหลวและหงเหยียนคือคนรุ่นหลังของเขา หลัวซิวจึงไม่มีทางนิ่งดูดาย
“พวกมึงคือผู้ใด? บังอาจเป็นศัตรูกับภูเขาเทียนเผิงเราอย่างนั้นหรือ?”
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคืองสะท้อนมา จากนั้นผู้บำเพ็ญมารหน้าตาอัปลักษณ์ ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าแห่งความชั่วร้ายคนหนึ่งก็บินตรงมา ยืนลอยอยู่กลางท้องฟ้า แล้วกราดมองมาทางพวกหลัวซิว
“จ้าวมารรองแห่งภูเขาเทียนเผิงมาแล้ว!”
มีเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังมาจากกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่าง เล่ากันว่าในภูเขาเทียนเผิงมีจ้าวมารทั้งหมดสามคน จ้าวมารเทียนเผิงคือจ้าวมารใหญ่ คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือจ้าวมารรอง และยังมีอีกคนหนึ่งคือจ้าวมารสาม
เล่ากันว่าจ้าวมารทั้งสามคนนี้สาบานเป็นพี่น้องกัน จ้าวมารรองจัดอยู่อันดับที่สอง ทว่าศักยภาพกลับอ่อนที่สุดในบรรดาจ้าวมารทั้งสาม
แม้นจะอ่อนที่สุด ผลการฝึกตนก็เป็นผู้สูงส่งช่วงกลางเช่นกัน ทั้งยังเป็นผู้สูงส่งช่วงกลางขั้นสุดยอดด้วย
“จ้าวมารรองช่วยด้วย คนเหล่านี้ไม่ได้นำภูเขาเทียนเผิงของเราไปไว้ในสายด้วยซ้ำ จ้าวมารรองต้องผดุงความยุติธรรมให้ข้าน้อยด้วยนะขอรับ!”จอมยุทธ์ภูเขาเทียนเผิงที่ถูกตี้ขุยทำลายผลการฝึกตนทิ้งในเมื่อครู่นี้ตะโกนพูดอย่างเสียงดัง
“เสียงดังชะมัด!”
หลัวซิวขมวดคิ้วพลางตะคอกทีหนึ่ง หลี่ยู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ย่ำเท้าลงพื้นครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้เจ้าหมอนั่นที่กำลังแหกปากเสียงดังถูกเหยียบจนหัวระเบิดแตก
เลือดสีแดงสดสาดกระเด็นไปทั่วพื้น แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา จ้าวมารรองแห่งภูเขาเทียนเผิงนั่นยิ่งแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาอย่างฉับพลัน พลังออร่าที่แข็งแกร่งกดอัดมา ทำให้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านล่างต่างพากันถอยหลังกลับไป
หลัวซิวไม่อยากสนใจด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นคิดอย่างไร เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการก็คือเข้าไปในวังทะยานเซียน เพื่อไปตามหาฉื้อหลงทั้งสามคน
ท่านมกุฎหยุนหลงส่งคนมาเฝ้าดูแลตรงประตูใหญ่ของวังทะยานเซียน เมื่อเห็นพวกหลัวซิวเดินมา องครักษ์เหล่านั้นกลับไม่กล้าหยุดยั้งเลย เพราะเมื่อครู่พวกเขามองเห็นภาพเหตุการณ์ที่จ้าวมารรองแห่งภูเขาเทียนเผิงถูกสังหารอย่างชัดแจ๋วเลยล่ะ
สำหรับผู้เก่งกาจกลุ่มนี้ อย่าว่าแต่องครักษ์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขาเลย ต่อให้เป็นท่านมกุฎหยุนหลงก็คงรุกรานไม่ได้เช่นกัน
คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นเช่นนี้ต่างรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย นี่ก็คือข้อดีของศักยภาพที่แข็งแกร่ง ส่วนคนที่ศักยภาพค่อนข้างอ่อนแออย่างพวกเขาก็ทำได้เพียงชำระค่าใช้จ่าย ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปตามหาโชคโอกาสในวังทะยานเซียน
เมื่อมองจากด้านนอก วังทะยานเซียนคือพระราชวังหลังหนึ่งที่เค้าโครงประณีตสวยวิจิตร แต่ว่าหลังจากที่เข้ามาแล้วจะค้นพบว่าภายในวังทะยานเซียนมีโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งกว้างขวางดั่งโลกาเล็ก ๆ ใบหนึ่ง
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ภายในโลกาเล็ก ๆ ใบนี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยชี่แห่งภูตเซียน แม้นชี่แห่งภูตเซียนจะเบาบางมากก็ตาม ทว่าหากสามารถฝึกตนอยู่ในสถานที่ประเภทนี้ยาว ๆ ก็สามารถทำให้ชี่แห่งภูตเซียนของตนเองได้รับการชะล้าง ไม่เพียงได้ลอกคราบใหม่ ปัญญาวิถียุทธ์ก็จะได้รับการยกระดับเช่นกัน จนส่งผลให้ศักยภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น
หลังจากเข้ามาภายใน หลัวซิวก็แผ่ขยายตัวสำนึกของตนออกไปทันที ทว่าค่ายกลต้องห้ามที่อยู่ในโลกาเล็ก ๆ ใบนี้มีมากเกินไป อีกทั้งระดับของค่ายกลต้องห้ามก็สูงมากด้วย ทำให้ตัวสำนึกของเขาถูกกีดกันอย่างมาก ซึ่งไม่สามารถค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ขอบเขตของโลกาเล็กนี่ไม่เล็ก เราแยกย้ายกันออกตามหาเถิด”หลัวซิวทำการตัดสินใจโดยตรง
จากนั้นต้วนคงก็พาเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์ไปทิศทางหนึ่ง ตี้ขุยพาเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่แยกไปอีกทิศทางหนึ่ง
ส่วนตัวหลัวซิวก็ต้องเลือกทิศทางที่แตกต่างกันเช่นกัน ไม่ว่าฝั่งใดจะเจอตัวคน ก็จะใช้ไข่มุกสื่อสารติดต่อกันทันที
อาศัยกระแสสัมผัสของตัวสำนึก สถานที่ที่หลัวซิวมุ่งหน้าไปคือตำแหน่งที่มีชี่แห่งภูตเซียนเข้มข้นยิ่งกว่า เขาค้นพบว่ายิ่งลึกเข้าไปในโลกาใบนี้มากเท่าไหร่ ชี่แห่งภูตเซียนก็ยิ่งเข้มข้นมากเท่านั้น ทว่าในขณะเดียวกันค่ายกลต้องห้ามระหว่างทางก็ยิ่งมากเช่นกัน และอันตรายมากยิ่งขึ้น
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลัวซิวรวดเร็วมาก กระทั่งเขามาถึงสุดปลายขอบเขตของโลกาใบนี้ เขาก็ไม่พบฉื้อหลงทั้งสามคนเลย แต่กลับเห็นยอดเขาลูกหนึ่งที่มีแสงเซียนที่เข้มข้นปกคลุม
แสงเซียนได้ปกคลุมเขตพื้นที่หนึ่งหมื่นลี้รอบยอดเขา ยืนอยู่นอกแสงเซียน มาตรแม้นว่าเป็นดวงตาที่ผนึกรวมมาจากพลังเซียน หลัวซิวก็แค่สามารถมองเห็นเค้าโครงของยอดเขาลูกนั้นได้ลาง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
Good...
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...