มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2999

สรุปบท บทที่ 2999 ฉื้อหลงดูดกลืนเทียนเผิง: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 2999 ฉื้อหลงดูดกลืนเทียนเผิง – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บท บทที่ 2999 ฉื้อหลงดูดกลืนเทียนเผิง ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

แสงเซียนที่ตลบฟุ้งอยู่ด้านหน้าดูเหมือนจะเรียบนิ่งปกติ ทว่าเมื่อหลัวซิวใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจเข้าไปภายใน กลับพบว่ามีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งแฝงซ่อนอยู่ภายในแสงเซียน ขอแค่เข้าไปในเขตพื้นที่ที่แสงเซียนปกคลุม หากศักยภาพไม่แข็งแกร่งละก็ ต้องถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากแน่นอน

หลัวซิวก็ไม่แน่ชัดเช่นกันว่าพวกฉื้อหลงได้เข้าไปด้านในหรือไม่ แต่ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องเข้าไปสำรวจด้านในอยู่แล้ว

เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง หลัวซิวก็เข้าไปในเขตพื้นที่ที่แสงเซียนปกคลุม แสงเซียนที่อยู่รอบ ๆ ราวกับคมดาบกำลังกรีดเฉือนผิวหนังของเขา ถึงร่างเนื้อของเขาจะบรรลุถึงร่างยุทธ์ประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิแล้ว แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดมากเช่นกัน ร่างกายถูกเฉือนจนเกิดเป็นแผลจำนวนมาก

โชคดีที่บาดแผลเหล่านี้ไม่ลึก หลัวซิวแค่โคจรพลังเซียนผันเปลี่ยนให้เป็นพลังแห่งชีวิต บาดแผลเหล่านี้ก็สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในพริบตา

“ดูท่าพวกฉื้อหลงต้องไม่ได้เข้ามาในนี้แน่นอน”

หลัวซิวพูดพึมพำคนเดียว แม้แต่ร่างยุทธ์ระดับประมุขเต๋าของเขายังถูกแสงเซียนของที่นี่ทำลายได้เลย จากศักยภาพของพวกฉื้อหลง ไม่มีทางต้านทานได้แน่นอน หากไม่มีศักยภาพระดับประมุขเต๋า ทันทีที่บุกรุกเข้ามาอย่างผลีผลาม ก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ตายสถานเดียวแน่นอน

ไม่นานนัก หลัวซิวก็มาถึงจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาที่ถูกแสงเซียนปกคลุม เขามองเห็นพระราชวังสูงใหญ่ที่โบราณและเรียบง่ายหลังหนึ่ง บนประตูใหญ่ของพระราชวังมีคำว่าวังทะยานเซียนสลักอยู่

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลัวซิวก็เข้าใจสักทีว่าที่นี่ถึงจะเป็นวังทะยานเซียนที่แท้จริงต่างหาก ส่วนพระราชวังที่มองเห็นบนดาราหยุนหลงนั้น แม้นบนป้ายจะมีคำว่าทะยานเซียน แต่มันก็เป็นเพียงทางเข้าหนึ่งเท่านั้น

หลัวซิวไม่ได้เดินตรงไปอย่างบุ่มบ่าม แต่เป็นการใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจก่อน เมื่อตัวสำนึกของเขาประทับลงบนวังทะยานเซียนหลังนั้น ก็สัมผัสห้วงกระบี่ที่รวดเร็วและเฉียบคมได้ทันที ทำให้ตัวสำนึกที่เขาแผ่ขยายออกไปถูกบดขยี้ภายในพริบตา

นี่จึงทำให้สีหน้าของหลัวซิวดูย่ำแย่เล็กน้อย โชคดีที่เขาฝึกต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง มิเช่นนั้นตัวสำนึกที่ถูกบดขยี้ต้องทำให้วิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับความเสียหายไปด้วยแน่นอน

แดนที่หนึ่งของต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่างก็คือตัวหยั่งรู้ไร้รูป ตัวหยั่งรู้ที่ไร้รูปจักไม่เกรงกลัวการโจมตีและผลกระทบด้านตัวสำนักวิญญาณทั้งปวง แม้นตัวสำนึกที่แผ่ขยายออกไปจะได้รับความเสียหาย วิญญาณหยั่งรู้ก็ไม่ได้รับผลกระทบ สามารถพูดได้เลยว่าเป็นวิชาต้องห้ามที่แข็งแกร่งและแหกกฎสวรรค์อย่างยิ่ง

ส่วนแดนที่สองของวิชาต้องห้ามนี้ จำเป็นต้องฝึกให้วิญญาณดั้งเดิมแปรเปลี่ยนเป็นภูตเซียนก่อนถึงจะทราบได้

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวพบว่าประตูใหญ่ของวังทะยานเซียนถูกห้วงกระบี่ดังกล่าวผนึกไปแล้ว มีห้วงกระบี่ตัดสลับกันไปมา แล้วประกอบเป็นตัวต้องห้ามที่เป็นทำนองเดียวกันกับค่ายกล ตัวต้องห้ามนั้นไม่ธรรมดามาก ซึ่งทลายไม่ง่าย

ในเมื่อจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ได้บอกเรื่องราวของวังทะยานเซียนให้หลัวซิวทราบแล้ว เช่นนั้นหลัวซิวก็สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ต้องแพร่งพรายไปถึงหูผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนอื่น ๆ อย่างรวดเร็วแน่นอน ใช้เวลาอีกไม่นาน ก็จะมีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าจำนวนมากย่างกรายมา ตลอดจนแม้แต่ผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋าก็จะย่างกรายมาด้วยตนเองเช่นกัน

ดังนั้นหลัวซิวจึงล้มเลิกแผนการที่จะบุกเข้าไปในวังทะยานเซียนคนเดียวทันที ครั้นเมื่ออยู่ในแดนบรรพกาล เชาได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากปรักเซียนคนเดียวก็ทำให้คนอิจฉาตาร้อนมากแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางแผนที่จะรอประมุขเต๋ามกุฎเต๋าคนอื่น ๆ มาถึงก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปสำรวจวังทะยานเซียนแห่งนี้พร้อมกับพวกเขา

มีความคิดในใจ หลัวซิวจึงออกจากเขตพื้นที่ที่แสงเซียนปกคลุมอย่างรวดเร็ว ไข่มุกสื่อสารไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าพวกต้วนคงยังไม่เจอเบาะแสของพวกฉื้อหลง

……

ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งนอกวังทะยานเซียน ฉื้อหลงพาลวี่โหลวและหงเหยียนสตรีทั้งสองนางติดอยู่ในหุบเขาเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ร่างกายของฉื้อหลงในวินาทีนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเลือด แต่กลับมีปณิธานที่ไม่ย่อท้อทะลุออกมาจากดวงตาที่เข้มแข็งและอดทน

“ไม่นึกเลยว่าในโลกใบนี้จะยังมีทายาทของสายเลือดมังกรเซียนด้วย”

ฉื้อหลงไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์แต่อย่างใด แต่เป็นอสูรยักษ์ที่มีสายเลือดมังกร ในยุคสมัยที่เขาเคยติดตามนักเซียนหลอมจิต สามารถหาพบอสูรยักษ์ที่มีสายเลือดมังกรเซียนได้ทุกแห่งหนเลย แต่ทว่าระดับของสายเลือดมังกรเซียนที่อยู่ในร่างกายก็มีการแบ่งสูงต่ำเช่นกัน

หากสายเลือดมังกรเซียนที่อยู่ในร่างกายแข็งแกร่ง ไม่มีทางที่กระทั่งบัดนี้ฉื้อหลงจักยังคงอยู่ในแดนผู้สูงส่งขั้นสูง ดังนั้นสายเลือดมังกรเซียนที่อยู่ในร่างกายเขาจึงเบาบางมาก เบาบางถึงขั้นที่แทบจะสามารถมองข้ามได้เลย

ทว่าจ้าวมารเทียนเผิงที่อยู่ตรงหน้านี้กลับแตกต่างกัน เขาได้ปลุกตื่นสายเลือดเผิงซียนของตัวเองแล้ว ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ปลุกตื่นสายเลือดเซียนหงสา การปลุกตื่นประเภทนี้เป็นการปลุกตื่นด้วยพรแสวง แต่ไม่ใช่สายเลือดที่มีมาตั้งแต่กำเนิดอย่างฉื้อหลง

สายเลือดที่จ้าวมารเทียนเผิงปลุกตื่นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาที่อยู่ในแดนผู้สูงส่งขั้นสูงจึงแทบจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน ซึ่งมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าจำนวนน้อยที่เคลื่อนไหวอยู่ในโลกาภายนอกสามารถทำให้เขาหวาดหวั่นได้

“หากกินเจ้าที่เป็นทายาทที่มีสายเลือดมังกรเซียน แม้นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าบรรลุสู่แดนประมุขเต๋า อย่างน้อยก็สามารถทำให้ศักยภาพของข้าเพิ่มขึ้น และอยู่ใกล้ประมุขเต๋าขึ้นอีกก้าว”

จ้าวมารเทียนเผิงกำลังประชิดใกล้เข้ามาทีละก้าว ชี่มารที่ทรงพลังประกอบเป็นพลังออร่าปกคลุมทั้งหุบเขา

ฉื้อหลงยังดีหน่อย ต่อให้ศักยภาพของเขาจะเทียบเคียงกับจ้าวมารเทียนเผิงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นถูกพลังออร่าของฝ่ายตรงข้ามกดอัด ทว่าลวี่โหลวและหงเหยียนที่อยู่ด้านหลังเขากลับแตกต่างกัน ภายใต้การกดอัดของพลังออร่านี้ สีหน้าของทั้งสองดูขาวซีดถึงขีดสุด หากปณิธานไม่แน่วแน่ เกรงว่าคงคุกเข่าลงไปตั้งนานแล้ว

“พี่รอง!”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา ถัดจากนั้นก็มีแสงกลดวงหนึ่งบินเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว แล้วเผยให้เห็นเงาร่างของตี้ขุย

ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งห้าของกองทัพเทพมารหลอมจิตเหมือนดั่งพี่น้อง ต้วนคงมีผลการฝึกตนสูงสุดจึงเป็นพี่ใหญ่สมคำกล่าวขาน ฉื้อหลงอยู่อันดับสอง เนื่องจากอาศัยความแข็งแกร่งของสายเลือดมังกรเซียน เขาที่อยู่ในแดนผู้สูงส่งขั้นสูงจึงมีคู่ต่อสู้น้อยมาก

เมื่ออสูรกายที่แข็งแกร่งฝึกตนถึงแดนที่แน่นอนแล้ว สามารถผันร่างเป็นมนุษย์ แล้วใช้ร่างมนุษย์ตระหนักธรรมดั้งเดิม ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่เผ่าพันธุ์มารแตกต่างจากเผ่าพันธุ์อสุรกายที่มุ่งมั่นอยู่กับการฝึกร่างอสุรกายนั่นเอง

แต่ถ้าเกิดเผ่าพันธุ์มารดับสลายสูญสิ้น แล้วร่างดั้งเดิมไม่ถูกทำลายล้าง ก็จะกลับมาเป็นรูปร่างของร่างดั้งเดิม

“นายน้อย!”

“จ้าวหุบเขา!”

เมื่อฉื้อหลง ลวี่โหลวและหงเหยียนสองพี่น้องเห็นหลัวซิว ต่างก็พากันเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะก้มคำนับอย่างเคารพนอบน้อม

“พวกเจ้าลำบากเลยนะ”หลัวซิวยกมือโบกครั้งหนึ่ง ชี่จิ้งดวงหนึ่งจึงประคองตัวพวกเขาขึ้นมา ก่อนจะมองไปทางลวี่โหลวและหงเหยียนสองพี่น้องแล้วพูดว่า: “เหล่าศิษย์แห่งภูเขาว่านเริ่นยังมีชีวิตอยู่ ล้วนอยู่ในไข่มุกโลกาของต้วนคง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลวี่โหลวและหงเหยียนก็ต่างถอนหายใจโล่งอก ภูเขาว่านเริ่นก็เหมือนบ้านของพวกนาง เป็นพื้นฐานที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ มีเรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนั้นเกิดขึ้นในโลกร้าง เมื่อได้ยินว่าพื้นฐานของตระกูลยังคงอยู่ และตนยังมีชีวิตอยู่ นี่จึงเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่งแล้ว

การเจอฉื้อหลงเป็นเรื่องที่คุ้มกับการดีใจก็จริง แต่ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ ของผู้บัญชาการเฟยเสว่ รวมไปถึงเสิ่นปิงหยูและเหยียนซีโรว่ที่หลบหนีตัวคนเดียว

ณ จุดที่สูงที่สุดของยอดเขา คนกลุ่มหนึ่งต่างยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิว ศพของเทียนเผิงสีทองขนาดใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร ซึ่งเป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง เหมือนดั่งภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง

การทิ้งศพร่างนี้ไว้ที่นี่ก็คือการข่มขวัญที่ยิ่งใหญ่ หลังจากท่านมกุฎหยุนหลงคนนั้นของดาราหยุนหลงทราบข่าว ก็รีบเร่งเดินทางมาด้วยความประหม่า แต่กลับไม่ได้เจอหน้าหลัวซิวด้วยซ้ำ ก็ถูกตี้ขุยไล่กลับไปแล้ว

สภาพอาการบาดเจ็บของฉื้อหลงไม่สาหัสมากเท่าไหร่นัก แต่หลัวซิวก็เอาน้ำอมฤตเทียนอีให้เขาหยึ่งหยดอยู่ดี นี่จึงทำให้ฉื้อหลงรู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่ง ทว่าเขากลับตัดใจใช้ไม่ได้ เพราะเขารู้สึกว่าใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน สภาพอาการบาดเจ็บของเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ถ้าเกิดใช้น้ำอมฤตเทียนอีละก็ มันเป็นการปู้ยี่ปู้ยำของล้ำค่าตามอำเภอใจชัด ๆ

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หลังจากสภาพอาการบาดเจ็บของฉื้อหลงฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาก็ผันร่างเป็นมังกรเทพตัวหนึ่งที่มีเปลวไฟสีแดงฉานลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย อ้าปากกว้าง ราวกับดูดกลืนฟ้าดิน ทำการกลืนกินศพของเทียนเผิงนั่นลงไป

“โครม!”

มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งระเบิดออกมาจากตัวฉื้อหลงอย่างดุดัน ลำตัวมังกรเทพที่ยาวหลายหมื่นเมตรลอยอยู่กลางนภา ขอแค่สามารถกลั่นแปรร่างของเทียนเผิงนั่น ศักยภาพของฉื้อหลงต้องมีการพัฒนาอีกก้าวแน่นอน ไม่แน่อาจจะสามารถผนึกรวมสายเลือดมังกรเซียนที่อยู่ในร่างกายได้ด้วย เพื่อปูพื้นฐานให้แก่การก้าวเข้าสู่ระดับประมุขเต๋าในอนาคต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ