มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3000

สรุปบท บทที่ 3000 คำมั่นสัญญาเมื่อปีนั้น : มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปตอน บทที่ 3000 คำมั่นสัญญาเมื่อปีนั้น  – จากเรื่อง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

ตอน บทที่ 3000 คำมั่นสัญญาเมื่อปีนั้น  ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดยนักเขียน หลงเซียว-มังกรคำราม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จากการที่เวลาล่วงเลยไป จำนวนคนที่ทราบข่าวคราววังทะยานเซียนอุบัติขึ้นก็ยิ่งอยู่ยิ่งมาก ในทุก ๆ วันจะมีผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์จำนวนมากเดินทางมาจากอาณาจักรดาราทั้งหลาย มารวมตัวกันบนดาราหยุนหลง

แต่ว่าในละแวกใกล้เคียงของวังทะยานเซียน ยึดยอดเขาที่หลัวซิวคงอยู่เป็นศูนย์กลาง พื้นที่บริเวณโดยรอบหนึ่งหมื่นลี้กลายเป็นเขตต้องห้าม ซึ่งไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เลย

หลัวซิวยืนยันได้เลยว่าประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ต้องเดินทางมาแน่นอน แต่ทว่าเขาก็ไม่แน่ชัดเช่นกันว่าประมุขเต๋าทั้งหลายจะมาเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงจัดวางค่ายกลไว้บริเวณรอบ ๆ ซะเลย ให้เสี่ยวจื่อ ยู่เอ๋อร์ ลวี่โหลว หงเหยียน แล้วก็เย่ห้าวหราน หลี่ยู่ฝึกตนที่นี่

ผ่านพ้นเรื่องราวมามากมายเช่นนี้ ผู้คนที่ติดตามอยู่ข้างกายหลัวซิวก็ล้วนเข้าใจแล้วว่าในดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ศักยภาพต่างหากที่เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงฝึกตนอย่างขยันขันแข็ง

ทันทีที่ฝึกตนอย่างจริงจังขึ้นมา พรสวรรค์ของยู่เอ๋อร์ก็ได้รับการขุดคุ้ยอย่างเต็มเปี่ยม พูดได้เลยว่าระดับความเร็วในการฝึกตนของนางก้าวหน้ารวดเร็วมาก ถ้าเกิดการยกระดับผลการฝึกตนของนางไม่มีจุดตีบตันและพันธนาการ ขอแค่เพียงสั่งสมผลการฝึกตนที่อยู่ในร่างกายให้ถึงระดับที่แน่นอน ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่แดนถัดไปได้โดยธรรมชาติ

ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงห้าปี ยู่เอ๋อร์ก็ฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูง และมีเพียงก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้ ระดับความเร็วในการฝึกตนของนางถึงจะถือว่าช้าลง เพราะแม้นนางจะใช้ไข่มุกเต๋ามาฝึกตน การที่อยากสะสมผลการฝึกตนภายในร่างกายให้เพียงพอต่อการบรรลุสู่แดนผู้สูงส่ง ก็จำเป็นต้องใช้เวลามาตกตะกอนเช่นกัน ซึ่งไม่มีทางทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน

ทว่าต่อให้ความเร็วในการฝึกตนของยู่เอ๋อร์จะช้ามาก นั่นก็เป็นการเปรียบเทียบกับนางในอดีตเท่านั้น ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี มหาภัณฑ์แห่งผู้สูงส่งของนางก็มาเยือน

“นี่ต้องเป็นพรสวรรค์การฝึกตนที่เหลือเชื่อมากเพียงใดกันนะ?”

ขณะที่มหาภัณฑ์แห่งผู้สูงส่งจุติลงมา หลัวซิวก็เงยหน้ามองขึ้นไปเช่นกัน มุมปากกระตุกเบา ๆ ถ้าเกิดบอกว่าตัวเขาเองเป็นบุคคลพิเศษที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทั่วไป เช่นนั้นยัยยู่เอ๋อร์นั่นก็คือบุคคลพิเศษในหมู่บุคคลพิเศษอีกที ดูจากระดับความเร็วในการฝึกตนของนาง ขอแค่มีทรัพยากรการฝึกตนที่เพียงพอ เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามสิบปี ก็สามารถฝึกถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลัวซิวก็เตรียมพร้อมที่จะหาเวลาเดินทางไปเขาผีเก้าแห่งมหาโลกาพันสามรอบหนึ่งเช่นกัน ด้วยผลการฝึกตนของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนนั่น หากสามารถหลอมสร้างดั้งเดิมกลับคืนมาใหม่ เขาก็สามารถอาศัยคำมั่นสัญญานั้น ให้ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนรับใช้เขา

เมื่อปีนั้นเขาและประมุขเต๋าเลี่ยเทียนต่างเคยใช้ตัวธรรมสาบานด้วยชีวิต แม้นฝ่ายตรงข้ามจะมีอุบายที่สามารถฉีกสัญญา แต่อาศัยศักยภาพในปัจจุบันของเขา ก็ไม่เกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย

สาเหตุที่เขาไม่กลับเขาผีเก้าหลังจากได้รับน้ำอมฤตเทียนอี เป็นเพราะหลัวซิวก็กังวลเช่นกันว่าฝ่ายตรงข้ามจะเปลี่ยนใจคืนคำพูด บัดนี้เขามีศักยภาพที่สามารถเจรจากับประมุขเต๋าได้แล้ว ฉะนั้นความกังวลนั้นจึงไม่คงอยู่อีกต่อไป

เรื่องราวที่จ้าวมารเทียนเผิงถูกสังหารทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในฝูงชน ภูเขาเทียนเผิงยังเหลือจ้าวมารสามอีกคนหนึ่ง ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับไม่กล้ามาล้างแค้นด้วยซ้ำ

……

โลกาฟ้าดินหลิงหลง สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง

ในมือมกุฎเต๋าหวูซินกำลังกำม้วนหยกหนึ่งชิ้น แล้วขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ภายในตำหนักใหญ่หลังนี้ นอกเหนือจากเขาแล้ว ยังมีมกุฎมังกรอิมแห่งโลกาเทพมังกรไท่ชูนั่งอยู่ด้วย

“ศิษย์น้องอิม เจ้าเอาไปดูสิ”

มกุฎเต๋าหวูซินวางม้วนหยกที่อยู่ในมือลงโต๊ะแล้วพูด

“โอ๊ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

มกุฎมังกรอิมหยิบม้วนหยกขึ้นมา เมื่อนางเห็นข้อมูลที่บันทึกอยู่ในม้วนหยก สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน

“เขาเก่งกาจเช่นนี้เลยรึ?”

ถึงมกุฎมังกรอิมจะรู้อยู่ว่ามกุฎเต๋าหวูซินไม่มีทางนำเรื่องประเภทนี้มาล้อเล่น ทว่าข่าวคราวที่บันทึกอยู่ภายในม้วนหยกมันน่าทึ่งเกินไปแล้วจริง ๆ

อ้างอิงจากคำบรรยายในม้วนหยก หลังจากสิ้นสุดจากสมาคมเต๋า หลัวซิวได้ทำการแลกเปลี่ยนป้ายบัญชาหงส์เซียนมาจากมือประมุขเต๋าหมิ่นหยวน ต่อมาเขาก็เดินทางไปเผ่าหงส์เซียนรอบหนึ่ง

เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก ทว่าหลังจากที่เขาไปเผ่าหงส์เซียนแล้ว ก็ถึงขั้นสังหารประมุขเต๋าสามคนของเผ่าหงส์เซียน ซึ่งรวมไปถึงประมุขเต๋าช่วงปลายอย่างเฟิ่งเซียะประมุขเต๋าด้วย!

“การที่ฝึกตนถึงแดนประมุขเต๋าภายในเวลาหลักพันปี ก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาจะสามารถสังหารเฟิ่งเซียะที่เป็นประมุขเต๋าช่วงปลายได้ด้วย ล้มล้างเผ่าหงส์เซียนที่มีการถ่ายทอดสืบสานเก่าแก่ ตกลงบนตัวเจ้าหมอนั่นมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?”ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีรังสีแห่งความตึงเครียดปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของมกุฎมังกรอิม

มาตรแม้นว่าหลัวซิวในปัจจุบันยังเทียบเคียงกับเหล่ามกุฎเต๋าที่เป็นศัตรูพวกเขาไม่ได้ ทว่าศักยภาพที่หลัวซิวนั่นแสดงออกมา กลับน่ากลัวกว่าอาจารย์มกุฎเต๋าหวูจี๋ของเขามาก ๆ

“ไปน่ะต้องไปอยู่แล้ว แต่ทว่ายังมีเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งศิษย์น้องอิมน่าจะทราบเรื่องนี้ก่อนข้าเสียอีก”มกุฎเต๋าหวูซินพูด

ไม่ต้องให้มกุฎเต๋าหวูซินพูด มกุฎมังกรอิมก็ทราบเช่นกันว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร นั่นก็คือเรื่องราวที่ดาบโลหิตไร้เทียมทานที่อยู่ในโลกใต้ดินเก้าดาวถูกคนกลั่นแปรครอบครองไปแล้ว

แม้นดาราจักรวาลจะกว้างใหญ่มาก แต่กลับมีน้อยเรื่องมากที่มกุฎเต๋าอย่างพวกเขาไม่ทราบ ทว่าพวกเขาดันไม่ทราบจริง ๆ ว่าผู้ใดเป็นผู้ยึดครองกลั่นแปรดาบโลหิตเล่มนั้นไป

ดาบโลหิตไร้จ้าวเล่มหนึ่งก็สามารถทำให้มกุฎเต๋าอย่างพวกเขาจนตรอกได้แล้ว จึงแสดงให้เห็นเลยว่าดาบโลหิตเล่มนั้นเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากเพียงใด หากอาวุธประเภทนั้นถูกยึดกุมอยู่ในมือผู้อ่อนแอค่อยยังชั่วหน่อย แต่ว่าผู้อ่อนแอคนหนึ่งจะมีทางมีศักยภาพที่สามารถกลั่นแปรดาบโลหิตได้อย่างไร?

สิ่งที่พวกมกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมกังวลมากที่สุดคือ กลัวว่ามกุฎเต๋าคนใดคนหนึ่งในบรรดาพวกเขาจะได้ครอบครองดาบโลหิตเล่มนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ๆ แล้ว

……

กาลเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว หลัวซิวก็พาคนกลุ่มหนึ่งพักอาศัยอยู่บนดาราหยุนหลงมาเกือบสิบปีแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าการบังเกิดขึ้นของวังทะยานเซียน ต้องดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าทั้งหลายเดินทางมาแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเขาอยู่ที่นี่มาเกือบสิบปีแล้ว แต่ไม่มีประมุขเต๋าเดินทางมาแม้แต่คนเดียว มีเพียงเขาที่กำลังรอคอยอยู่ที่นี่อย่างซื่อบื้อ

หลัวซิวสามารถยืนยันได้เลยว่าภายในเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำที่เขาไม่ทราบแน่นอน เดิมทียังวางแผนที่จะไปสำรวจคนเดียว แต่วินาทีนี้เขากลับสลัดความคิดนี้ทิ้ง ไม่แน่ประมุขเต๋ามกุฎเต๋าเหล่านั้นอาจทราบว่าภายในวังทะยานเซียนมีภยันตราย ดังนั้นถึงไม่กล้ามา ถ้าเกิดเขาเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม ก็อาจจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีกก็เป็นได้

“ต้วนคง เจ้าเฝ้ารออยู่ทางนี้นะ ข้าไปทำธุระนิดหน่อย หากมีเรื่องอะไรละก็ เจ้าก็บีบทำลายยันต์หยกชิ้นนี้ แล้วข้าจะเร่งเดินทางกลับมาเป็นเวลาแรก”

เฝ้าคอยมานานแต่กลับไม่มีผู้ใดปรากฏ หลัวซิวก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อแล้ว จึงให้พวกต้วนคงจับตาดูอยู่ที่นี่เสียเลย

“นายน้อยวางใจได้เลยขอรับ”

หลังจากฝากเรื่องราวทางฝั่งนี้ให้ต้วนคงเสร็จสรรพ หลัวซิวก็ออกจากดาราหยุนหลง เขาวางแผนที่จะเดินทางไปเขาผีเก้ารอบหนึ่ง สำเร็จคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเมื่อปีนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ