มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3001

สรุปบท บทที่ 3001 การถ่ายทอดสืบสานของเซียนชั้นฟ้า : มหายุทธ์ สะท้านภพ

อ่านสรุป บทที่ 3001 การถ่ายทอดสืบสานของเซียนชั้นฟ้า  จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บทที่ บทที่ 3001 การถ่ายทอดสืบสานของเซียนชั้นฟ้า  คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“เจ้ามาแล้วหรือ……”

เมื่อหลัวซิวมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเขาผีเก้าอีกครั้ง คลื่นตัวสำนึกหนึ่งก็ถ่ายทอดไปยังเขา

“ข้ามาปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อปีนั้น”

หลัวซิวพยักหน้า ก่อนจะย่างเท้าเดินตรงไป แรงเต๋าเลี่ยเทียนที่สามารถฉีกกระชากทุกสรรพสิ่งไม่อาจสร้างความเสียหายให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเข้าใกล้ศพของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

มีความรู้สึกที่น่าทึ่งถ่ายทอดออกมาจากคลื่นตัวสำนึกของประมุขเต๋าเลี่ยเทียน เขาจำได้ดีมาก ๆ ว่าครั้นตนทำสัญญากับชายหนุ่มคนนี้ ผลการฝึกตนของเขายังต่ำมาก ๆ นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่ปีเอง? ไม่นึกเลยว่าเขาจะพัฒนาขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?

ต้องท้าวความก่อนว่าพลังฉีกชั้นฟ้าที่ผนึกรวมอยู่ที่นี่ เป็นแรงเต๋าระดับประมุขเต๋าเชียวนะ อย่างน้อยก็ต้องใช้ผลการฝึกตนระดับผู้สูงส่งฝึกเซ่นภัณฑ์เต๋าชิ้นหนึ่งถึงจะสามารถทำถึงขั้นนี้ได้

ส่วนหลัวซิวกลับไม่ได้ใช้ภัณฑ์เต๋าของขลังใด ๆ เลย เดินตรงเข้ามาโดยอาศัยร่างเนื้อ

สำหรับความช็อกและตะลึงงันของประมุขเต๋าเลี่ยเทียน หลัวซิวไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาขยำมือครั้งหนึ่ง จากนั้นน้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งขวดก็ปรากฏในมือเขา

ถึงแม้ขวดดังกล่าวจะไม่ใหญ่ก็ตาม ทว่าภายในกลับมีปริภูมิผนึกอยู่หนึ่งแห่ง ซึ่งมีน้ำอมฤตเทียนอีจำนวนมากถูกกักเก็บอยู่ภายใน

เมื่อหลัวซิวเปิดขวดออก ก็มีออร่าของน้ำอมฤตเทียนอีโชยออกมา คลื่นตัวสำนึกของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนจึงฮึกเหิมขึ้นมาทันที

การหลอมสร้างดั้งเดิมไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด มิหนำซ้ำผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่ประมุขเต๋าทั่วไปด้วย แต่เป็นหนึ่งในสวรรค์ทั้ง 12 แห่งยุคไท่ชู ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง ผลการฝึกตนครั้นเขาอยู่ในช่วงที่เฟื่องฟูที่สุด คือระดับประมุขเต๋าช่วงปลายเชียวนะ

ผลการฝึกตนยิ่งสูง การหลอมสร้างดั้งเดิมก็ทำได้ยิ่งยาก ในขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องใช้น้ำอมฤตเทียนอีที่มากขึ้นเช่นกัน

ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนไม่ได้คาดหวังว่าหลัวซิวจะสามารถตามหาน้ำอมฤตเทียนอีจำนวนมากมาให้เขา แต่ทว่าขอแค่หาเจอ แม้นจะเป็นเพียงไม่กี่หยด เขาก็สามารถหลอมสร้างดั้งเดิมกลับคืนมาได้บ้าง หลอมสร้างร่างกายกลับคืนมาใหม่ จากนั้นค่อยค่อย ๆ ไปตามหาน้ำอมฤตเทียนอีที่มากกว่าเพื่อมาฟื้นฟูตัว

อย่างไรก็ตามน้ำอมฤตเทียนอีที่หลัวซิวเอากลับมากลับอยู่เหนือการคาดหมายของเขาอย่างยิ่ง หลังจากน้ำอมฤตเทียนอีทั้งหมดที่อยู่ในขวดถูกใช้จนหมด ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนก็หลอมสร้างดั้งเดิมกลับมาได้เจ็ดส่วนแล้ว!

แม้นดั้งเดิมจะฟื้นฟูกลับคืนมาแค่เจ็ดส่วน ผลการฝึกตนของเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนไปถึงแดนประมุขเต๋าช่วงกลางเช่นกัน

“โครม!”

มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งระเบิดออกมาจากตัวประมุขเต๋าเลี่ยเทียน เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมากะทันหัน พลังออร่าที่รวดเร็วและเฉียบแหลมราวกับสามารถฉีกชั้นฟ้า บดขยี้ทุกสรรพสิ่งให้แหลกสลายได้ยังไงอย่างนั้น

ในขณะเดียวกัน สายตาของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนก็ร่วงลงบนตัวหลัวซิว เมื่อเผชิญหน้ากับพลังออร่าอันแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมาจากตัวเขา หลัวซิวที่อยู่ใกล้เขาขนาดนั้นกลับไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนยิ่งรู้สึกตะลึงมากขึ้น

“ช่างเหลือเชื่อเสียจริง ต่อให้พรสวรรค์ของเจ้าจะสูงมากเพียงใด ก็ไม่น่าจะสามารถฝึกตนได้เร็วเช่นนี้นะ”ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนพูดอย่างทอดถอนใจ

“จักรวาลฟ้าดินรังสรรค์ทุกสรรพสิ่งอย่างไร้ขอบเขต ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากเจ้าคิดว่าสิ่งสิ่งหนึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเจ้ายังแข็งแกร่งไม่พอ แสดงให้เห็นว่าเจ้านั้นโง่เขลาและเบาปัญญา”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง

คำพูดเหล่านี้ของเขาไม่มีเจตนาที่จะตำหนิหรือถากถางประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นการตระหนักรู้ที่มาจากจิตใจที่แท้จริงของเขา จากการที่แดนผลการฝึกตนของเขายิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้น สิ่งที่ได้พบเห็นรู้จักก็ยิ่งอยู่ยิ่งมาก เขาค่อย ๆ ค้นพบว่าสิ่งที่ตนทราบเกี่ยวกับจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นแหละ

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าประมุขเต๋าเลี่ยเทียนดูผงะไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พยักหน้าแล้วพูดเช่นกันว่า: “เจ้าพูดถูก คนส่วนมากต่างคิดว่าประมุขเต๋าคือแดนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แท้จริงแล้วผู้ที่แข็งแกร่งกว่าประมุขเต๋านั้นมีเกลื่อนกลาดเลยล่ะ”

หลัวซิวหัวเราะเหอะ ๆ “ข้าทำสัญญาที่ให้ไว้สำเร็จแล้ว เช่นนั้นประมุขเต๋าเลี่ยเทียนก็ควรปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าเคยให้ไว้ได้แล้วหรือยัง?”

มาตรแม้นว่าในมือเขายังเหลือน้ำอมฤตเทียนอีอีกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่มีความคิดที่จะนำน้ำอมฤตเทียนอีทั้งหมดช่วยประมุขเต๋าเลี่ยเทียนหลอมสร้างดั้งเดิม อย่างไรเสียอัญสมบัติรักษาตัวอย่างน้ำอมฤตเทียนอีก็ไม่ใช่สิ่งที่หามาได้ง่าย ๆ เมื่อเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ก็สามารถใช้ในยามจำเป็นได้เช่นกัน

แน่นอนอยู่แล้วว่าหากประมุขเต๋าเลี่ยเทียนยินดีปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา ยอมรับใช้เขา หลัวซิวก็จะนำน้ำอมฤตเทียนอีอีกส่วนหนึ่งหลอมสร้างฟื้นฟูดั้งเดิมให้เขามากขึ้นเช่นกัน

“แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อปีนั้นในเมื่อข้าเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ไม่ว่าเจ้าจะมีข้อเรียกร้องอะไร ข้าก็จะตกลงเจ้าทุกอย่าง”ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนตอบกลับโดยตรงอย่างไม่ลังเลใจ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเขาก็ถือเป็นคนที่รักษาคำพูดอยู่

“ข้อเรียกร้องของข้านั้นเรียบง่ายมาก ขอแค่ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนตกลงรับใช้ข้าหนึ่งหมื่นปีก็เพียงพอแล้ว”หลัวซิวพูด

เขาไม่ได้ให้ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนสาบานด้วยความตายว่าจะจงรักภักดีต่อตนเอง สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งแล้ว ตัวธรรมของพวกเขาล้วนหนักแน่นแข็งขันอย่างยิ่ง มีเรื่องส่วนมากที่พวกเขายอมตายดีกว่า แต่ก็ไม่มีทางยอมให้ความเป็นความตายของตนถูกควบคุมอยู่ในกำมือผู้อื่น

สำหรับหลัวซิวในตอนนี้ ประตูแห่งความตายไม่ใช่อุปสรรคอะไรด้วยซ้ำ มาถึงหน้าม่านแสงสีทองที่มองเห็นเมื่อครั้งก่อนอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากทราบมาจากม้วนหยกว่าจำเป็นต้องมีศักยภาพประมุขเต๋าช่วงปลาย ถึงจะสามารถฝ่าฟันเข้าไปยังส่วนที่ลึกกว่าได้ ฉะนั้นเมื่อปีนั้นหลัวซิวแค่มองจากที่ไกล ๆ รอบหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เข้าใกล้แต่อย่างใด

ครั้งนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าม่านแสงสีทอง เห็นว่าบนม่านแสงนั่นมีตราประทับสองตรา

เมื่อเห็นตราประทับสองตรานั้น หลัวซิวก็รู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่น ซึ่งสอดคล้องกับพลังอมตะวิถีเซียนอย่างหอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลกและตราเบญจธาตุสูญพันธุ์

เมื่อปีนั้นหลังจากได้รับพลังอมตะทั้งสองวิชานี้ หลัวซิวก็มีการตระหนักรู้ตั้งนานแล้ว จึงยึดกุมควบคุมมันได้ตั้งนานแล้ว

เห็นเพียงเขาขยำมือซ้ายครั้งหนึ่ง พลังเซียนไร้ลักษณ์ก็ผนึกรวมกันในมือเขา แล้วประกอบเป็นหอกยาวสีทองเล่มหนึ่ง ก่อนจะปลดปล่อยพลังอมตะอย่างหอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลกโดยตรง ทิ่มแทงไปยังตราหอกที่อยู่บนม่านแสง

ในขณะเดียวกัน มีพลังแห่งทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดินและเบญจธาตุวิวัฒนาการออกมาจากฝ่ามือข้างขวาของหลัวซิว เบญจธาตุผนึกรวมกันแล้วมีพลังแห่งการทำลายล้างทุกสรรพสิ่งแพร่กระจายออกมา ซึ่งมันก็คือตราเบญจธาตุสูญพันธุ์นั่นเอง

โครม!

ปลดปล่อยพลังอมตะทั้งสองวิชาออกมาพร้อมกัน ม่านแสงสีทองสั่นเทิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ สลายหายไปทันที

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหากต้องการเปิดม่านแสงสีทองดังกล่าวเพื่อมุ่งไปด้านหน้าต่อ กุญแจในการเปิดก็คือพลังอมตะสองวิชาที่เขาได้รับจากที่นี่

ต่อมาหลัวซิวก็มุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าอีก ก่อนจะมองเห็นแท่นหินหนึ่งแท่น แท่นดังกล่าวเป็นแท่นหินทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตรกว่า ด้านบนมีเบาะทรงกลมวางอยู่หนึ่งใบ และบนเบาะทรงกลมก็มีม้วนหยกหนึ่งชิ้น และลูกแก้ววางอยู่หนึ่งลูก

“นี่คือการถ่ายทอดสืบสานของเซียนชั้นฟ้าหรือ?”

หลัวซิวหยุดฝีเท้าลง เพราะเขาเห็นว่ามีเกราะป้องกันทรงกลมที่มีสีห้าสีได้ทำการแผ่คลุมอยู่รอบแท่นหิน เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันคือค่ายกลต้องห้ามหนึ่งค่าย

สีสันห้าสีหมุนเวียน มีพลังแห่งเบญจธาตุทั้งห้าแฝงซ่อนอยู่ภายใน หลัวซิวสัมผัสออร่าความอันตรายได้จากเบญจธาตุต้องห้ามนี้เล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ